สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน พบกันอีกแล้วนะครับกับ ผม “หมอนัท” ในคลินิกกองทุนแห่งนี้ครับ หากใครที่ติดตามผมมาสักระยะก็พอจะทราบดีว่าผมจะเขียนบทความนำเสนอ และแนะนำกองทุนที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุน บางครั้งก็เป็นกองทุนหน้าใหม่ และหลาย ๆ ครั้งก็เป็นกองทุนที่มีความน่าสนใจ และมีจุดเด่นเป็นของตนเองครับ แต่กองทุนที่ได้กล่าวมานั้นส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงอย่างกองทุนหุ้นครับ

ซึ่งพอเป็นแบบนี้ ก็เริ่มจะมีคำถามว่า ถ้าหากไม่อยากรับความเสี่ยงสูงมาก

แต่ใจนึงก็อยากลงทุนในหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี จะพอมีทาง หรือว่ามีกองทุนไหนที่เป็นทางเลือกให้กับเราได้บ้าง ?

ผมคงต้องบอกนักลงทุนว่ามีโอกาสน้อยมาก หากเราอยากได้ผลตอบแทนที่ดี แต่ไม่ต้องเสี่ยงสูง ๆ ครับ เพราะว่าหากพูดถึงการลงทุนในกองทุนและมีความเสี่ยงต่ำ เราก็มักจะนึกถึงการลงทุนในกองทุนตลาดเงินกันเสียเป็นส่วนใหญ่ครับ แต่สำหรับตัวผลตอบแทนก็จะมากกว่าฝากออมทรัพย์ทั่วไป แต่จะใกล้เคียงกับเงินฝากประจำครับ

แต่ถ้าไปลงทุนในกองทุนหุ้นธรรมดา ก็มีโอกาสที่จะได้กำไร10-20% แต่ก็มีโอกาสขาดทุนได้สูงเช่นเดียวกันครับ ติดลบ 10-15% นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับกองทุนหุ้นเลยครับ

แต่ในครั้งนี้ ผมจะพาไปดูกองทุนที่อีกกองทุนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะซับซ้อน เข้าใจยากขึ้นมาอีกระดับกันครับ แต่ว่าถ้าเข้าใจแล้วละก็จะพบว่าเป็นกองทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นใกล้เคียงกับการลงทุนในกองทุนหุ้นครับ และความเสี่ยงไม่สูงมาก สามารถลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนมากๆ โดยเฉพาะในช่วงนี้ เราก็สามารถที่จะลงทุนได้อย่างสบายใจเลยละครับ แถมยังมีโอกาสลุ้นได้รับผลตอบแทนที่ดีอีกด้วยครับ

กองทุนที่ผมจะพูดถึงวันนี้ เป็นกองทุนที่เราเรียกว่ากองทุน Complex Return นั่นเองครับ กองทุนนี้ถึงจะมีชื่อที่ดูแล้ว ซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มีความซับซ้อนแต่อย่างใด เพียงแค่เราต้องเข้าใจเรื่องวิธีการจ่ายผลตอบแทนของกองทุนเท่านั้นเองครับ หลาย ๆ ท่านคงอยากจะทราบแล้วใช่ไหมละครับว่า กองทุนประเภทนี้ทำงานอย่างไร มาครับ เดี๋ยวผมพาไปรู้จักกับกองทุน Complex Return กองทุนนี้กันครับ

กองทุน Complex Return ที่ผมนำมาเล่าเป็นตัวอย่างในวันนี้ของเราก็คือ

กองทุนเปิดเค Complex Return 1 ปี A (K Complex Return 1 Year A Fund) หรือ KCR1YA ของบลจ.กสิกรไทย ครับ

โดยกองทุนนี้จะมีอายุโครงการ: ประมาณ 1 ปี

ลงทุนขั้นต่ำ: 500 บาท

และมีระดับความเสี่ยง: 5 กองทุนรวมผสม (แบบ Complex Product) 

กองทุน KCR1YA นี้เป็นกองทุน Complex Return ซึ่งจะมีการลงทุนสองส่วนครับ คือ 

ส่วนที่ 1 จะลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่ได้อันดับความน่าเชื่อที่อยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) โดยกองทุนจะป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

ส่วนที่ 2 กองทุนลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทที่เราเรียกว่า Option โดยในส่วนของสัญญา Option นั้น อยู่ในรูปสกุลเงินบาท จึงไม่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนครับ

ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Option และกลไกการทำงาน

หลายคนคงมีคำถามว่าแล้วเจ้า Option คืออะไร และมีกลไก หรือทำงานเป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าถ้าหากผมยกตัวอย่างแล้วละก็ นักลงทุนเองคงจะเห็นภาพชัดเจนกว่าแน่ ๆ ครับ

สมมติว่า ผมต้องการที่จะซื้อคอนโดสัก 1 ห้องที่เป็นคอนโดในฝัน ซึ่งมีราคา 5 ล้านบาทครับ แต่เนื่องจากคอนโดนี้ กว่าจะสร้างเสร็จก็ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3 เดือนเลยครับ ผมจึงเดินไปที่สำนักงานขายคอนโดดังกล่าว แล้วไปทำ “สัญญา” ที่จะซื้อคอนโดนี้ครับ โดยมีการวางมัดจำไว้ประมาณ 5 แสน (10% ของราคา) โดยสัญญาระบุไว้ว่า มารับคอนโดนี้อีกทีใน 3 เดือนข้างหน้า โดยราคาที่จะซื้อขายกันอยู่ที่ 5 ล้านครับ

แต่ต่อมาระหว่าง 3 เดือนที่เรารอคอยคอนโดนี้ เกิดมีเหตุการณ์ที่ทำให้คอนโดนี้มีมูลค่าเพิ่ม เช่น วัสดุที่ใช้นั้นคัดมาแล้วอย่างดี ทำเลดีมากติดรถไฟฟ้า โรงพยาบาล มีส่วนกลางที่หรูหรามาก และมีจำนวนจำกัด ซึ่งราคาตลาดอาจจะพุ่งไปถึง 7 ล้านได้ ภายในช่วง 3 เดือน ดังนั้น หากเราไปที่สำนักงานขายอีกครั้ง และเราใช้สิทธิ์ตามสัญญานี้ เราก็ยังซื้อคอนโดได้ในราคา 5 ล้าน แล้วเราก็ขายคอนโดออกไปในวันนั้นเลย แน่นอนว่าเราจะได้กำไร 2 ล้านทันทีครับ

แต่ถ้าหากไม่เป็นอย่างนั้น ระหว่าง 3 เดือนที่เรารอคอยคอนโดนี้ เกิดมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันคือ มีคนงานเสียชีวิตในคอนโด (ผีหลอกแน่นอน) หรือมีข่าวลือไม่ดีออกมา เช่น วัสดุที่ใช้เป็นของไม่ดี ส่วนกลางก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมเชื่อว่าราคาตลาดของคอนโดนี้จะต้องลดลงอย่างแน่นอนครับ อาจจะเหลือ 3 ล้านก็ได้ครับ ดังนั้น ถ้าหากเราไปที่สำนักงานขายเมื่อครบเวลา 3 เดือน และเราใช้สิทธิ์ตามสัญญานี้ เราจะต้องซื้อคอนโดในราคา 5 ล้าน ซึ่งจะทำให้เราขาดทุนทันที 2 ล้านครับ

แต่ทว่า !! ใครจะทำแบบนั้นกันละครับ !! ที่เราทำก็แค่ “ทิ้งสัญญา หรือใบจองคอนโด” ที่เราทำไว้กับทาง สำนักงานขายแค่นั้นเองครับ เพราะว่าเรายอมที่จะเสียเงิน 5 แสน ดีกว่า เสียเงิน 2 ล้านนั่นเองครับ

ที่เราเรียกสัญญาทางการเงินนี้ว่า “Option” เพราะมันเป็นสัญญาที่เราเลือกได้ครับว่า เราจะใช้สิทธิ์ หรือไม่ใช้สิทธิ์ครับ ถ้าเราได้ประโยชน์ เราก็ใช้สิทธิ์ แต่ถ้าเราเสียประโยชน์ เราก็จะเสียแค่เงินส่วนน้อย แต่เราไม่ได้ขาดทุนเงินทั้งหมดที่มีครับ เราเสียเพียงแค่ เงินวางมัดจำที่เราเรียกว่า “Premium” หรือจะเรียกว่า “มูลค่าของ Option” ก็ได้เหมือนกันครับ

พอผมอธิบายถึงตรงนี้ หากผู้ลงทุนเข้าใจแล้วละก็ รับรองเลยว่าการทำความใจในกองทุน KCR1YA จะเป็นเรื่องง่ายของนักลงทุนแล้วละครับ

โดยกองทุน  KCR1YA นี้จะเอาเงินจากนักลงทุนไปเพื่อลงทุนกับ

1. เงินฝากหรือตราสารหนี้ระดับ Investment Grade ประมาณ 98% 

2. ส่วนที่เหลือจะนำไปซื้อ Option หรือ จ่ายเป็นค่า Premium อีกประมาณ 2% นั่นเองครับ

เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ1 ปี เงินส่วนที่กองทุนนำไปลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ ก็จะได้รับดอกเบี้ย ทำให้เงินทุนงอกเงยจาก 98% เป็น 100% เท่ากับเงินต้นที่เราเริ่มลงทุนไปนั่นเองครับ*

* ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินต้นและผลตอบแทนตามที่คาดหมายไว้ หากผู้ออกตราสารหรือธนาคารที่กองทุนลงทุนไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ (กองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้และ/หรือเงินฝากทั้งในและต่างประเทศ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ประมาณ 98% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน)

และเงินส่วนที่เหลือ ประมาณ 2% กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ประเภทสัญญาออปชั่น (Options) เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมจากดัชนีตลาดหุ้นไทย (ดัชนี SET50)** ครับ

ซึ่งในการลงทุนกับ Option นี้ ต่อให้เราลงทุนผิดพลาดอย่างไรก็ตาม อย่างมากเงินก้อน 2% ตรงนี้ก็หายไปเท่านั้นเองครับ ไม่กระทบต่อเงินต้นของเรา* (คือได้เงินต้นคืนจากการลงทุนในตราสารหนี้จากข้อที่ 1 ครับ)

คราวนี้เรามาดูเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนจากการลงทุนในสัญญาออปชั่นกันครับ

การลงทุนจะเป็นสัญญา Option กับดัชนีอ้างอิงคือ ดัชนี SET50 (SET50 Index) ครับ โดยที่ใช้วันที่เริ่มโครงการของกองทุนเป็นจุดเริ่มต้นของจุดที่ใช้ในการประเมินผลตอบแทนของกองทุนครับโดยการลงทุนในสัญญาออปชั่น กำหนดเงื่อนไขอัตราการมีส่วนร่วม (Participation Rate) ไว้ว่า จะจ่าย 50% ของผลตอบแทนที่ได้รับจากการปรับตัวขึ้นของ SET50 ภายใต้กรอบมากกว่า 0% แต่ไม่เกิน 12%

ตัวอย่างเช่น ถ้าหาก SET50 ของวันที่เริ่มอยู่ที่ 1000 จุด เราจะได้รับผลตอบแทนจากสัญญา Option แบ่งออกเป็น 4 กรณีดังนี้ครับ

1. ในระหว่างระยะเวลา 1 ปี มีวันใดวันหนึ่งที่ SET50 ขึ้นไปบวกมากกว่า 12% (1120 จุด)
 เราก็จะได้ผลตอบแทนชดเชยเท่ากับ 2% ครับ

2. เมื่อครบ 1 ปี ถ้าวันพิจารณาดัชนีอ้างอิง SET50 ขึ้นไปบวกมากกว่า 12% (มากกว่า 1120 จุด)
 เราก็จะได้ผลตอบแทนชดเชยเท่ากับ 2% เช่นกันครับ

3. แต่ถ้าหากเมื่อครบ 1ปี ณ วันพิจารณาดัชนีอ้างอิง SET50 ปรับขึ้นไม่ถึง 12% และปรับลงไม่ต่ำกว่าดัชนีเริ่มต้น (1000 จุด) ทางกองทุนก็จะคำนวนผลตอบแทนดังนี้ครับ

ผลตอบแทน = 50% x ของค่าการเปลี่ยนแปลงของดัชนีอ้างอิง

พูดง่าย ๆ ก็คือ ได้ผลตอบแทน 50% จากดัชนีราคา SET50 ที่เปลี่ยนแปลงไปจากวันแรกครับ !!

เช่น ถ้าหากดัชนี SET50  ขึ้นไป 10% หรือ SET50 อยู่ที่ 1100  ก็จะได้ผลตอบแทน 5%

โดยผลตอบแทนสูงสุดที่เป็นไปได้อยู่ที่ 6%** หาก SET50 ขึ้นไป 12% นั่นเองครับ

4. สุดท้ายครับ ถ้าหากครบ 1 ปี SET50 ต่ำกว่าระดับดัชนีวันเริ่มต้น (1000 จุด) จะไม่ได้รับผลตอบแทน แต่เราจะได้เงินต้นคืนไปครับ

ถ้าหากเราดูลักษณะการจ่ายผลตอบแทน หรือวาดภาพการจ่ายผลตอบแทนออกมา ก็จะเห็นได้ว่า มีลักษณะคล้ายกับ “ครีบปลาฉลาม” กองทุนรูปแบบนี้ก็เลยถูกเรียกว่าเป็นรูปแบบ “Shark Fin” ครับ

ดังนั้น การตัดสินใจว่า ควรลงทุนกับกองทุนนี้หรือไม่นั้น อย่างแรกเลยครับ เราต้องเข้าใจก่อนว่ากองทุนนี้มีการคิดผลตอบแทนเป็นอย่างไร จากนั้นก็ต้องดูภาวะของตลาดหุ้นด้วยครับ ว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นไปเกิน 12% หรือไม่ครับ

ถ้าหากดูแนวโน้มแล้วว่า ดัชนี SET50 ของตลาดหุ้นไทย ในช่วงหลังจากนี้ไปอีก 1 ปีข้างหน้านั้นน่าจะปรับตัวขึ้น แต่โอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปเกิน 12% นั้นมีน้อย กองทุนนี้เองก็ถือว่าน่าลงทุนครับ เพราะว่ามีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดี  ในทางกลับกัน หากดัชนี SET50 ปรับตัวลดลง เราก็เองไม่ต้องไปวิตกกังวลนะครับ เนื่องจากกองทุนนี้ลงทุนในสัญญา Option ดังนั้น เราแทบจะไม่มีโอกาสขาดทุนเงินต้นเลยครับ

ผมคิดว่าการลงทุนกับกองทุนนี้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ลงทุนที่อยากลงทุนในหุ้น เนื่องจาก โอกาสขาดทุนน้อย โดยถ้าหากลงทุนแล้วผิดพลาดอย่างน้อย ๆ เงินต้นก็ไม่หายไปไหน หรือ ถ้าดัชนีไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ บางกรณีก็ยังได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 2% ก็ถือว่าคุ้มค่า เนื่องจากผลตอบแทนจากการฝากเงินในออมทรัพย์เองก็ยังได้น้อยกว่าการลงทุนในกองทุนนี้เลยครับ และที่สำคัญมีโอกาสลุ้นรับผลตอบแทนที่ดีหากดัชนีหุ้น SET50 ปรับตัวเป็นไปตามที่เราคาดไว้คือ ไม่เกิน 12% ขึ้นไประหว่างที่เราลงทุนครับ

ถ้าหากเราดูจาก ข้อมูลดัชนี SET 50 Index (SET50 Index) ที่สัญญาออปชั่นใช้อ้างอิง

ซึ่ง ดัชนี SET50 เป็นดัชนีราคาหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดทำขึ้นเพื่อใช้แสดงระดับและความ เคลื่อนไหวของราคาหุ้นสามัญ 50 ตัวที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูง การซื้อขายมีสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอ และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2538 ผู้ลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th

ผลตอบแทนย้อนหลังเดือนมิถุนายน 2562*** เป็นดังนี้ครับ

  • ย้อนหลัง 10 ปี ประมาณ 10.34% ต่อปี
  • ย้อนหลัง 3 ปี ประมาณ 8.12% ต่อปี
  • ย้อนหลัง 1 ปี ประมาณ 9.43% ต่อปี
  • ผลการดำเนินงาน YTD ตั้งแต่ต้นปี ประมาณ 10.14%

***ข้อมูลจาก Monthly Report ของดัชนี SET50 เดือนมิถุนายน 2562 จัดทำโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เราจะเห็นว่า ผลตอบแทน SET50 Index นั้น ส่วนใหญ่โอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นเกิน 12% อาจจะมีไม่มากครับ เห็นแบบนี้แล้ว ก็น่าลุ้นอยู่เหมือนกันนะครับ คราวนี้คงต้องไปลุ้นว่าในระหว่างปีดัชนี SET50 จะมีความผันผวนมากน้อยแค่ไหนครับ (อันนี้ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากผู้จำหน่ายกองทุนนะครับ)

โดยเฉพาะที่ภาวะตลาดยังคงขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่ไปไหน เนื่องจากปัจจัยที่เข้ามาในช่วงนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า หรือค่าเงิน ถ้าหากนักลงทุนคนไหนที่ลงทุนในหุ้นอยู่แล้วไม่ค่อยแน่ใจว่าตลาดหุ้นจะไปในทิศทางใด กองทุนนี้ก็เป็นคำตอบที่น่าสนใจเหมือนกันนะครับ โดยที่กองทุนนี้อาจจะเป็นแหล่งพักเงินที่ได้ผลตอบแทนระหว่างที่รอทิศทางของตลาดหุ้นที่แน่ชัดก็ได้ครับ

ผมมักจะได้ยินคำกล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่จะ Stay Calm , Stay Invest อยู่เสมอ ๆ ในสมัยก่อนผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นักว่า ทำไมต้องลงทุนอยู่เรื่อยๆ ถ้าเราเห็นความไม่แน่นอน เราก็ควรถอยไม่ใช่เหรอ แต่เมื่อไม่นานมานี้เอง ผมก็เข้าใจแล้วว่า ถ้าหากเรามีเครื่องมือการลงทุนที่หลากหลาย เราก็สามารถนำมาใช้ได้อย่างต่อเนื่อง สามารถหาผลตอบแทนได้อยู่ตลอดเวลานั่นเองครับ

ด้วยสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบัน ผมเชื่อว่ากองทุน KCR1YA ของบลจ.กสิกรไทย จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ผู้ลงทุนได้  Stay Calm , Stay Invest อยู่ตลอดเวลา และมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดี ช่วยกระจายความเสี่ยงของเงินในกระเป๋า โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้อยากลงทุนเสี่ยงสูงมาก ๆ ยอมรับความเสี่ยงได้กลาง ๆ แต่ต้องการลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนที่ดีครับ

ส่วนวันนี้ผมต้องลาไปก่อน สวัสดีครับทุกคน

ปล . วัน IPO คือวันที่ 30 ก.ค – 5 ส.ค. เปิดเสนอขายครั้งเดียวเท่านั้นนะครับ เริ่มลงทุนเพียง 500 บาท สนใจลงทุนและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารกสิกรไทย คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่...https://bit.ly/32McBwx

หมายเหตุ

*ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินต้นและผลตอบแทนตามที่คาดหมายไว้ หากผู้ออกตราสารหรือธนาคารที่กองทุนลงทุนไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ 

**การจ่ายผลตอบแทนเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด

คำเตือนสำคัญ

  • ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนในช่วงเวลา 1 ปีได้ ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
  • การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
  • ผลการดำเนินงานในอดีต ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยัน ถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • การนำเสนอข้อมูลดังกล่าวมิใช่การให้คำแนะนำการลงทุน และผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิ์ ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียในทุกกรณีที่อาจเกิดขึ้นจากการให้ข้อมูลดังกล่าว

      #KCR1YA #KAsset #คำตอบที่ใช่ของการลงทุน

บทความนี้เป็น Advertorial