จากตอนที่แล้วผมได้เล่าให้ฟังว่าชีวิตของเราเนี่ยมันมีเงินที่สามารถเอามาใช้ได้อยู่ 2 แหล่ง คือ เงินปัจจุบัน กับ เงินในอนาคต  ว่าแต่เพื่อนของผมแต่ละท่านนั้นใช้เงินส่วนไหนกันอยู่บ้าง แต่แน่นอนเลยหล่ะว่าพฤติกรรมของการใช้เงินของแต่ละคนย่อมส่งผลต่ออนาคตทางการเงินอยู่ไม่น้อยเลยล่ะครับ เงินปัจจุบันมันเป็นสิ่งที่เราสามารถเอาไปต่อยอดสร้างความมั่งคั่งในอนาคตได้ ในขณะที่เงินในอนาคตนั้นหากเราใช้มันขึ้นอาจจะกลายเป็นสิ่งที่กลับเข้ามาทำร้ายเงินในปัจจุบันได้ เพราะฉะนั้นแล้วการสร้างสถานะทางการเงินให้เงินปัจจุบันอยู่ในกระเป๋าเงินของเราได้ยิ่งนานเท่าไหร่ก็ยิ่งดีใช่ไหมครับ

พฤติกรรมทางการเงินของมนุษย์เงินเดือน คุณว่ามนุษย์เงินเดือนใช้เงินเก่งไหม? อย่างที่บอกไง เงินเดือนน้อย แต่วงเงินสูง อยากใช้เงินเมื่อไหร่ก็ใช้ได้! ใช้ก่อนจ่ายที่หลัง ยอมเป็นหนี้จากการใช้เงินในอนาคต ซึ่งหลายๆครั้งผมเองก็แอบสงสัยไม่ได้ว่าอะไรเป็นอุปสรรค์ของมนุษย์เงินเดือนที่ทำให้เก็บเงินไม่ได้? คำตอบมันก็มีจิปาทะมากไม่ว่าจะเป็นการบ่นว่า ฉันเงินเดือนน้อย ฉันมีภาระเยอะ ฉันต้องเอาเงินไปใช้จ่ายโน้นนี่ ซึ่งหลายๆครั้งเหตุผลต่างๆมันเป็นแค่ "ข้ออ้าง" ที่สนับสนุนให้เขาใช้เงินไปเรื่อยๆจนไม่เหลือเก็บครับ พฤติกรรมการใช้เงินนี่ล่ะที่จะบอกอนาคตของแต่ละคนเลยว่า ต่อไปเขาจะเป็นคนจนหรือคนรวย ซึ่งความแตกต่างระหว่างสถานะทางการเงินมันมีแค่เส้นบางๆที่เรียกว่า "เหลือเก็บ กับ เป็นหนี้"

  • คนรวย : มีรายรับมากกว่ารายจ่าย เขาจะมีเงินออมเกิดขึ้นมาในบัญชีเงินธนาคาร และสามารถเอาเงินนั้นไปสร้างความมั่งคั่งได้อีก
  • คนจน : มีรายรับน้อยกว่ารายจ่าย เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจะต้องหาเงินส่วนอื่นมาจ่าย ซึ่งมันก็ไม่พ้นเงินในอนาคตที่พาหนี้สินมาด้วย

เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วก็ต้องตัดสินใจกันนะครับว่าเราอยากจะเป็นคนรวยหรือคนจน ซึ่งหากจะเริ่มต้นนั้นก็เริ่มจากการสร้างสถานะทางการเงินให้รายรับมากกว่ารายจ่ายให้ได้   ต้องสร้างสถานะทางการเงินให้เป็นบวก วิธีการก็อาจจะเริ่มต้นด้วยการดูว่า ในชีวิตประจำวันนั้นมีการใช้จ่ายเงินอย่างไรบ้าง ยิ่งเป็นมนุษย์เงินเดือนยิ่งง่ายเลยครับ รู้เลยว่ารายได้เข้ามาวันไหน ไม่ 25 ก็ วันที่ 1 ของแต่ละเดือนนั่นเลยล่ะ แล้วเราก็มานั่งทำบันทึกรายรับรายจ่ายกันว่าเราได้ใช้เงินไปกับอะไรบ้างและดูว่าเราจะลดๆตรงไหนในส่วนที่ไม่จำเป็น ไว้ผมจะเล่าเทคนิคให้ฟังในคราวต่อๆไปว่าเราจะตรวจสอบรายจ่ายแต่ละประเภทอย่างไรได้บ้าง

เมื่อลดรายจ่ายเก็บออมมากขึ้นคุณจะมีความสุขมากที่ได้เห็นเงินในบัญชีมากขึ้นนะครับ การมีเงินในบัญชีเงินฝากมันมีข้อดีหลายๆอย่าง คือ เราสามารถป้องกันความเสี่ยงทางด้านการเงินได้ พูดเป็นภาษาชาวบ้านก็คือมีเงินสำรองมากขึ้นเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินหรือยามวิกฤต ทำให้เราไม่ต้องไปเสี่ยงต่อการเป็นหนี้เพิ่ม บางคนเป็นหนี้ซ้ำซ้อนนะครับ นอกจากเงินไม่มียังมีปัญหาต้องทำให้เป็นหนี้มากกว่าเดิมอีก นอกจากนี้เรายังได้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยเงินฝากอีกด้วย บัญชีเงินฝากก็มีหลายแบบนะครับซึ่งอยู่ที่ว่าเราจะเลือกเอาเงินไปเก็บออมแบบไหนเพราะเงื่อนไขในรายละเอียดของแต่ละประเภทเงินฝากก็จะให้ผลตอบแทนไม่เหมือนกัน เช่น

  • เงินฝากกระแสรายวัน: เป็นบัญชีเงินฝากที่เคลื่อนไหวรายวัน มีความคล่องตัว โดยเฉพาะในแง่เอาไว้ใช้ทำธุรกิจ สามารถใช้จ่ายผ่านเช็คธนาคารแทนเงินสดได้
  • เงินฝากออมทรัพย์: เป็นบัญชีเหมาะกับการใช้จ่ายทั่วไป สามารถเบิกถอนได้สะดวกผ่านช่องทางต่างๆเช่นตู้ ATM และสามารถได้รับดอกเบี้ยเงินฝากได้ โดยในแต่ละปีธนาคารจะมีการจ่ายดอกเบี้ยจำนวน 2 ครั้ง
  • เงินฝากประจำ: เป็นเงินฝากระยะยาว เหมาะสำหรับคนที่มีเป้าหมายในการฝากไม่ว่าจะเป็น 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน 24 เดือน 36 เดือน บัญชีเงินฝากประจำนั้นจะให้ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์

ซึ่งทุกท่านสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บัญชีเงินฝาก นะครับว่าแต่ละประเภทบัญชีเป็นอย่างไรนะครับ การออมในเงินฝากจะเป็นก้าวแรกทีทำให้เราเกิดความมั่งคั่งได้ อย่างน้อยก็คือ สามารถเก็บออมและไม่มีความเสี่ยงใดๆ ประเมินรายรับรายจ่าย และ ลดค่าใช้จ่ายทั้งหลาย คุณจะพบกับเงินออมอย่างแน่นอนครับ นำไปฝากในบัญชีทีละนิดๆเราจะรวยขึ้นอย่างแน่นอน

ต้าร์ กวิน สุวรรณตระกูล

ผู้แต่งหนังสือ รวยได้จริงกับสิ่งที่เรียกว่าเงินเดือน