การมีบ้านหรือคอนโดมีเนียมที่น่าอยู่คงเป็นความฝันของใครหลายๆคน แต่เมื่อคิดที่จะซื้อที่อยู่อาศัยซักแห่งคงจะเป็นเรื่องที่ต้องคิดค่อนข้างมากเพราะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของชีวิต นอกจากการเลือกซื้อที่อยู่ที่มีคุณภาพแล้วการวางแผนการผ่อนชำระก็มีความสำคัญต่อทุกคนเป็นอย่างมาก ในการซื้อบ้านหรือคอนโดในโครงการซักแห่งสิ่งที่เราควรจะรู้ก็คือ ขั้นตอนในการซื้อ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ช่วง ดังนี้

1. ช่วงการจอง ทำสัญญา และผ่อนดาว

เมื่อเราได้สำรวจโครงการต่างๆเพื่อตัดสินใจในการซื้อที่อยู่อาศัยซักแห่งแล้ว เราควรจะเตรียมเงินให้พร้อมสำหรับการชำระเงินในช่วงแรก อันได้แก่

  • ค่าจอง : สำหรับการแสดงความประสงค์ในการซื้อห้องหรือบ้านหลังที่เลือกไว้
  • ค่าทำสัญญา : เพื่อเป็นการทำสัญญากับโครงการว่าเราจะซื้อที่อยู่ในราคาที่ตกลงกัน โดยมีรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย ราคาที่ตกลง สิ่งที่โครงการและเราในฐานะผู้ซื้อต้องปฏิบัติ
  • การผ่อนดาว :  เป็นเงินค่างวดที่เราจะต้องผ่อนกับโครงการตามระยะเวลาที่ตกลงกันก่อนถึงเวลาโอนกรรมสิทธิ์ โดยการผ่อนดาวจะคิดเป็น 10-15% ของราคาบ้านหรือคอนโดมิเนียม โดยแบ่งชำระเป็นงวด เช่น 24 เดือน หรือ 36 เดือน

2. ช่วงการโอนกรรมสิทธิ์ และชำระค่าใช้จ่ายที่เหลือ

หลังจากที่เราได้ผ่อนดาวเป็นที่เรียบร้อย ขั้นตอนต่อมาคือการขอยื่นกู้กับทางธนาคารเพื่อชำระค่าใช้จ่ายและโอนกรรมสิทธิ์ให้เราเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย ธนาคารจะพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระของผู้ขอสินเชื่อ หากเรามีสถานะทางการเงินที่ไม่ดี ก็ย่อมยากที่จะกู้ผ่านได้ สิ่งที่เราจะต้องเตรียมพร้อมคือการลดภาระหนี้ที่ไม่จำเป็นอื่นๆเพื่อให้ธนาคารเห็นความสามารถในการชำระหนี้ของเราและพิจารณาในการให้สินเชื่อทั้งนี้ในการผ่อนชำระนอกจากสินเชื่อแล้ว เรายังต้องชำระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องเช่น ค่าทำประกัน ค่าสมาชิกส่วนกลางและสาธารณูประโภคต่างๆ ก็ต้องกลับมาสำรวจตัวเองว่าเรามีความสามารถในการผ่อนในแต่ละเดือนมากขนาดไหน และควรจะใช้เวลาในการผ่อนชำระเป็นเวลากี่ปี

แน่นอนว่าหลายๆท่านก็คงมองหาแนวทางใหม่ๆในการผ่อนชำระสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย นอกจากการผ่อนชำระหนี้อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องดอกเบี้ยได้ การมีบ้านเป็นของตัวเองอย่างไรก็ตามถือเป็นทรัพย์สินของเราที่นับวันมูลค่าก็จะเพิ่มสูงขึ้นและที่สำคัญคือเราสามารถนำทรัพย์สินที่เราเป็นเจ้าของนั้นมาใช้ประโยชน์ในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้เรานำเงินสดมาผ่อนชำระหนี้สินได้อีกทางหนึ่งโดยเฉพาะผู้ที่เลือกซื้อบ้านในทำเลที่ดีย่อมได้เปรียบในการนำทรัพย์สินมาแปลงเป็นทุน เช่น

เพิ่มรายได้จากการให้เช่า

หากเรามีบ้านหรือคอนโดที่มีห้องว่าง เราสามารถทำการแบ่งเช่าได้ การให้เช่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด โดยปกติแล้วหลายๆคนมักจะนึกถึงการให้เช่าห้องนอนที่พักกับผู้ที่สนใจ โดยเฉพาะหากที่อยู่อาศัยอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยก็สามารถปล่อยเช่าให้กับนักเรียนนักศึกษา ในส่วนที่อยู่ใกล้กับย่านธุรกิจก็สามารถแบ่งเช่าให้กับพนักงานที่ทำงานในบริเวณใกล้เคียงได้ แต่หลายๆท่านอาจจะมีแนวคิดที่เปลี่ยนพื้นที่บ้านส่วนอื่นให้กลายเป็นพื้นที่ใช้สอยให้เช่า พื้นที่บางส่วนเช่นบริเวณที่เป็นห้องนั่งเล่น หรือพื้นที่ที่ที่เป็นสวนของบ้านก็สามารถต่อเติมให้กลายเป็นออฟฟิศให้เช่าสำหรับผู้ประกอบการที่มีธุรกิจขนาดเล็ก มีพนักงานจำนวนไม่สูงมากได้เช่นกัน หรือหากใครที่มีธุรกิจในนามนิติบุคคลที่ต้องตัดค่าใช้จ่ายจากการเช่า และกำลังเช่าที่อื่นอยู่ก็สามารถให้บริษัทเปลี่ยนที่เช่าให้มาเช่ากับตัวเราเองได้ นอกจากจะประหยัดต้นทุนในการดำเนินกิจการมากขึ้นแล้วยังสามารถนำค่าเช่าที่ได้รับไปชำระหนี้สินที่กู้ยืมต่อได้อีกด้วย

โดยปกติแล้วการทำสัญญาเช่าระหว่างเจ้าของที่อยู่อาศัยและผู้เช่า มักจะมีการจ่ายหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือจ่ายค่าห้องล่วงหน้าตามที่ตกลง เราสามารถนำเงินก้อนดังกล่าวไปชำระหนี้สินเงินกู้เพื่อให้เงินต้นและดอกเบี้ยลดลงได้เป็นจำนวนมาก และในส่วนของค่าเช่าที่ได้รับรายเดือนก็สามารถนำมาใช้แบ่งเบาภาระในการผ่อนได้เช่นกัน

นำพื้นที่บ้านมาทำธุรกิจ

สำหรับผู้ที่มีบ้านเป็นของตัวเองจะได้ประโยชน์เป็นอย่างสูงในการทำธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเช่า ถือเป็นการประหยัดต้นทุนของกิจการของตัวเองได้หลายๆคนอาจจะกำลังทำงานประจำอยู่และมีเวลาว่างวันเสาร์-อาทิตย์ ก็สามารถนำพื้นที่ใช้สอยของบ้านและเวลาที่ว่างของตัวเองนั้นมาประกอบกิจการตามความถนัดของตัวเองหรือชวนเพื่อนที่เชียญชาญมาประกอบกิจกรรมร่วมกัน เช่น การเปิดสอนพิเศษให้กับเด็กๆในหมู่บ้าน การสอนดนตรี ศิลปะต่างๆ หรือหากพื้นที่บ้านค่อนข้างกว้าง ก็สามารถจัดพื้นที่เป็นธุรกิจงานสัมมนา การทำเวิร์คช็อปในบ้าน ในสวนหลังบ้าน สำหรับผู้ที่สนใจในการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาวิชาชีพต่างๆได้ ซึ่งหากทำได้สำเร็จจริงเราอาจจะไม่เชื่อเลยว่ารายได้ที่ได้เพียงแค่ในวันเสาร์-อาทิตย์อาจจะสามารถสร้างได้มากกว่าการผ่อนบ้านทั้งเดือนเลยก็เป็นได้ และนั่นหมายความว่าเราสามารถนำทรัพย์สินของบ้านมาใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด นอกจากจะได้บ้านเป็นของตัวเองแล้วยังสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับชีวิตได้ด้วย

สรุป

สิ่งที่สำคัญในการผ่อนชำระสินเชื่อก็คือ  “การวางแผนทางการเงินที่ดีในการบริหารหนี้สิน” “การต่อยอดความคิดในการสร้างรายได้” และ “ความมีวินัย”  หากเราสามารถสร้าง 3 สิ่งนี้ได้แน่นอนว่าการซื้อที่อยู่อาศัยก็จะสามารถทำได้ง่ายและชีวิตเราก็จะสบายขึ้นนะครับ