มีคำถามทุกวันเลยครับว่าจะเอาเงินส่วนไหนมาลงทุนดี บางคนก็คิดไปในระดับ Advance มากๆ มองว่าถ้าตัวเองสามารถหมุนเงินที่มีอยู่ได้แล้วเอาผลกำไรมาใช้ในค่าใช้จ่ายประจำวันแล้วน่าจะเป็นหนทางที่ทำให้เขาสร้างความมั่งคั่งอย่างรวดเร็ว โอ่ะ++!! ผมเลยต้องขอสัมภาษณ์เขาว่าทำอย่างไร วิธีการมันก็ง่ายๆเลยว่า เขามีเงินเดือนอยู่ประมาณ 30,000 บาท เขาก็เอาเงินจำนวนนี้มาเก็งกำไรในหุ้น

ซึ่งแนวทางของเขาก็คือ ถ้าเขาได้ 1%-5% ต่อวัน ก็ตก 300 - 1,500 บาทเลยนะ เล่นหุ้นได้ทุกวันจะได้เงินเดือนเพิ่มเติม 6,600 - 33,000 บาท ได้เลย (22 วัน) ฟังดูมันน่าสนใจมากเลยใช่ไหมครับ มีเงินเดือน 30,000 บาท ได้กำไรวันละ 1,500 ในหนึ่งเดือนได้เงินมากกว่าเงินเดือนอีกแหนะ รวมๆแล้วเขาจะมีเงินเดือนเพิ่มอีกเยอะแยะมากมาย

ผมเองก็อึ้งไปนิด "โอ๊ะ!! คุณพี่ท่านเก่งกว่า วอเล็น บัฟเฟตอีกแหนะ++"  สงสัยเอาเงินมาทบๆต้นเล่นไปเล่นมา 1 ปี เขาจะได้เงินมากขนาดไหน??

แต่ผมก็ลองถามคำถามเขากลับไปนะครับประมาณ 3 ข้อ

1. หุ้นมันจะขึ้นทุกวันให้ได้ 1% เลยหรอ

2. ถ้ามันตกยาวระเนระนาด ไป 3 เดือนล่ะ?

3. แล้วนี่ถ้ามันผิดพลาดจะเอาเงินที่ไหนกินข้าวละเนี่ย?

ดูเหมือนว่าเวลาเราตั้งเป้าหมายอะไรไว้ 

บางครั้งเราก็อาจจะลืมเรื่องความเสี่ยงไปก็ได้นะครับ

ผมเลยมานั่งคิดๆนะ จริงๆเงินของเราที่จับต้องได้มันอาจจะมี 2 ส่วนที่เป็น Subset กันอยู่ในกระเป๋า ได้แก่

1. เงินที่เป็นรายได้ 

2. เงินที่เป็นเงินออม

เงินที่เป็นรายได้

สำหรับผมแล้วมันเป็นเงินที่เหมือนน้ำอุ่นนะ บางส่วนก็เย็นบางส่วนก็ร้อน อันที่จริงแล้วชีวิตเราเมื่อมีรายได้แล้วก็มักจะมีค่าใช้จ่ายเป็นคู่ด้วยเช่นกัน (แต่บางทีค่าใช้จ่ายมันก็ไม่ได้มาเป็นคู่กับรายได้นะ ฮาๆ) การที่เราใช้เงินส่วนที่เป็นรายได้ทั้งก้อนเอาไปลงทุนเนี่ย มันจะมีความเสี่ยงในเรื่องของระยะเวลาในการลงทุน

เพราะแน่นอนว่าเงินบางส่วนของรายได้จะต้องนำไปจ่ายชำระและใช้ประโยชน์ต่างๆตามเวลาสมควรของมัน ซึ่งส่วนนั้นจะเป็นเงินร้อน เงินร้อนจะร้อนขึ้นเรื่อยๆเมื่อใกล้เวลาชำระหนี้ แล้วถ้าเรานำเงินส่วนหนี้ไปลงทุนแล้วขาดทุนล่ะ? เงินร้อนจะกลายเป็นเงินไฟลุกทันที ต้องหาเงินจากส่วนอื่นยืมมาใช้จ่ายเพื่อให้สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ไม่งั้นก็จะต้องโดนการผิดนัด เสียดอกเบี้ยเพิ่มเติม แย่เลย

เงินที่เป็นเงินออม

ในส่วนนี้คือเงินเย็น เงินเย็นไม่ใช่เงินญี่ปุ่น และก็ไม่ใช่ญาติกับเงินหยวนที่แบบเมื่อไหร่จะคืนก็ได้ หยวนๆกัน แต่มันคือเงินที่เราสามารถนำมันวางเฉยๆได้โดยไม่ได้ต้องมีแผนที่จะใช้มัน เงินส่วนนี้สามารถนำไปทำประโยชน์ต่างๆได้ไม่ว่าจะเป็นการออมหุ้น ซื้อกองทุน หรือจะลงทุนในทางเลือกอื่นๆได้อีกมากมาย เงินเย็นจะเป็นเงินที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางการลงทุนมากกว่าเงินร้อนเพราะเราสามารถนำมันไปลงทุนในระยะสั้นหรือระยะยาวก็ได้ 

แต่เงินร้อนจะสามารถลงทุนระยะสั้นได้เท่านั้นและก็ต้องถอนทุนคืนเพื่อเอาไปชำระหนี้ และแน่นอนว่าความเสี่ยงของการลงทุนระยะสั้นย่อมสูงกว่าระยะยาวเสมอ เพราะฉะนั้นแล้วการใช้เงินเย็น ผมจะแนะนำให้ลงทุนในระยะยาวมากกว่า

หากเรามีเงินเย็นเป็นรายเดือน เราก็สามารถนำมาฝากเป็นการฝากประจำได้ และอาจจะขยับเพิ่มความเสี่ยงด้วยการนำไปซื้อหุ้นรายเดือนด้วยวิธีการออมหุ้น แน่นอนครับว่าเงินตรงนี้จะช่วยสร้างทรัพย์สินและความมั่งคั่งได้ ตลอดจนคุณสามารถสร้าง Passive income จากเงินปันผลได้จากการสะสมหุ้นที่มากขึ้นทุกเดือนๆเช่นกัน