วิธีลาออกจากชีวิต "มนุษย์เงินเดือน" ทำอย่างไร?
เขียนใบลาออกซิ... ม่ายใช่ล่ะ 555
ผมว่าประเด็นการถกเถียงเรื่องนี้มีมากมายในช่วงหลังนะครับ ยิ่งเด็กๆในยุคใหม่ ยิ่งไม่ต้องการทำงานประจำที่ต้องการความมั่นคงในชีวิตเลย ง่ายๆ ว่าไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือน ทุกคนพร้อมที่จะเสี่ยงและมีอิสระในการทำอะไรต่ออะไรมากกว่าการที่จะต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ไม่ต้องการตอกบัตรเข้าทำงาน การให้คนอื่นมาตัดสินเงินเดือนของตัวเอง การต้องทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบแต่ต้องทำเพื่อหารายได้ การอยู่ในสังคมที่บางครั้งอาจจะเจอการทำงานแบบเจ้าขุนมูลนาย ที่ต้องทำตามนายสั่งทุกอย่าง หรืออาจจะเจอแนวการทำงานแบบ ผู้ใหญ่คนนี้เอา อีกคนไม่เอา งานก็เสร็จไม่ทัน นัดประชุมก็ยาก กดดันเราอีก
หลายคนคงกำลังรู้สึกอยู่และหลายคน
กำลังต้องการหาทางออกไปทำอะไรของตัวเองบ้าง
อยากใช้ชีวิตชิวๆ ด้วยการมีอิสรภาพทางการเงินบ้าง
นอกจากการเบื่อแนวทางการทำงานประจำแล้วอีกปัจจัยหนึ่งที่หลายๆคนอาจจะกังวล รวมทั้งผมด้วยคือ ชีวิตเรามันไม่ได้เป็นอมตะ เรามีชีวิตถึงวัยเกษียณเพียงแค่ถึงอายุ 60 ปีเท่านั้น เอาง่ายๆก็คือมีเลข ศูนย์เพียง 5 ครั้ง หากเราสบายใจในการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนไปเรื่อยๆก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าเราจะหาทางกำหนดแนวทางชีวิตของเราเองนั้นมันก็ต้องเริ่มทำ
ส่วนตัวผมเองผมเริ่มคิดตั้งแต่ตอนทำงานใหม่ๆแล้วล่ะ แต่ความพร้อมของผมอายุที่ช่วงอายุ 20 ปลายๆ ตอนนั้นมองว่าตอนนั้นประสบการณ์ก็พอมีแล้ว ถือว่าโตในระดับหนึ่งและ ถ้าเราไม่เริ่มอะไรที่เป็นชีวิตของตัวเองภายในช่วงอายุ 30 นี้แล้ว ผมอาจจะต้องทำงานประจำต่อไปจนเกษียณเลยก็ได้
จากการที่เราจะพบเงื่อนไขต่างๆที่ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงหลายๆสิ่งหลายๆอย่างได้ยากขึ้น มีประสบการณ์และพลังที่จำกัด คุณอาจจะต้องมีภาระเรื่องครอบครัว พ่อแม่แก่แล้วต้อง อาจจะมีภรรยาสามีและลูกต้องดูแล คุณอาจจะต้องล้มเลิกความตั้งใจหลายๆอย่างที่เป็นความฝันไปเพราะแก่เกินจะทำ
ผมไปดูละครเวทีเรื่อง ซูสีไทเฮา แล้วชอบเพลงมากๆเลยครับ
ชีวิตมันมีแค่ครั้งเดียวจะรีบทำอะไรก็ทำเลย
"ชีวิตคนเราล้วนเกิดมาแค่คราเดียว ย่อมมีครั้งเดียวที่จะไขว่คว้า...."
"ไม่มั่วร่ำรอ เฝ้าคอยวาสนา ไม่คอยชะตาลิขิตชีวิต..."
----- ซูสีไทเฮา เดอะ มิวสิคัล -----
มาถึงตรงนี้ หลายๆคนก็คงสงสัยว่า ผมไม่ได้ยกประเด็นเรื่องเงินเดือนเลยหรอ? การออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนมาทำงานอิสระนี่มันได้มากได้น้อยกว่ากันอย่างไร?
สำหรับผมแล้วจริงๆเงินมันไม่ได้เป็นประเด็นอะไรมากหรอกครับ มีเงินมากๆมันก็ดีอยู่หรอก ผมเองก็อยากมีเงินเยอะๆ แต่ประเด็นที่สำคัญกว่านั้นผมมองว่ามันอยู่ความสุขในการมีชีวิตอยู่ หลายๆคนมองว่าเงินมันสร้างความสุขได้ก็เลยพยายามหาเงินให้ได้เยอะๆ ต้องทำงานหนักๆ ต้องหาทางมีเงินเดือนสูงๆ ทำงานเอาเป็นเอาตาย เอาเงินมาซื้อบ้าน ซื้อรถ ไปเที่ยว หรือตอบสนองความต้องการของตัวเราเอง ก็ไม่ผิดหรอก ผมเองก็เคยเป็นอย่างนั้นนะ
แต่พอกลับมามองอีกที จริงๆแล้วความสุขมันไม่ได้เกี่ยวกับเงินทองมากขนาดนั้นหรอก ถ้าผมต้องซื้อบ้านใหญ่โตหรูหราแต่ต้องออกไปทำงานงกๆ ผมก็ไม่รู้ว่าผมกำลังสร้างความสุขจริงหรือเปล่า? หรือผมกำลังสร้างที่นอนให้ผมแต่สร้างที่อยู่ให้คนรับใช้และสุนัขเฝ้าบ้านก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ
หลายคนอาจจะคิดว่าต้องหาเงินให้มากๆเพื่อจะได้มีความสุขในภายหลัง
แต่จริงๆแล้วเราสามารถสร้างความสุขได้ในตอนนี้โดยไม่ต้องใช้เงินมากขนาดนั้นก็ได้
เล่าความหลังของตัวเองซะเยอะ ผมจะให้ดูภาพที่สำคัญในชีวิตที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการลาออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนให้ดู ภาพนี้มันง่ายมากจนคุณอาจจะคิดไม่ถึงก็ได้ว่ามันมีแค่นี้
นั่นก็คือ รายรับ รายจ่าย และ เงินออม
จุดเริ่มต้นมันมีแค่นี้เองล่ะ ถ้าคุณมีรายรับจากการทำงานข้างนอก
มากกว่ารายจ่าย คุณออกจากงานประจำได้เลย
อย่างที่ผมบอกนั่นแหละครับวิธีคิดของผมง่ายมากเลยว่าจะออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน ก็คือ คิดเรื่องความสุขมากกว่าเงินที่คุณจะต้องหามา ถ้าคุณหาเงินได้มากและคุณใช้มาก ใช้เกินทำให้ติดหนี้สาระพัด ให้ตายชาตินี้คุณก็ออกจากงานประจำไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะไปเริ่มอย่างไร
เมื่อคุณออกจากงานแล้ว แถมภาระหนี้สินยังจ่อคอหอย มันก็ไม่ต่างกับหนูที่วิ่งบนจักรที่มีดอกเบี้ยวิ่งไล่ล่าชีวิต ก็ต้องทำงานต่อไปเพื่อให้มีข้าวกิน ถ้าหยุดวิ่งเมื่อไหร่ก็เจ๊ง
คุณลองถามตัวเองดูก่อนว่า
ตอนนี้คุณมีภาพของการบริหารเงินเป็นแบบนี้หรือเปล่า?
รายจ่าย
ผมจะคำนวณตลอดเวลานะว่ารายจ่ายของผมมีอะไรบ้าง บางอย่างมันมีรอบในการจ่ายที่ไม่เหมือนกัน เช่นค่าใช้จ่ายทั่วไปคิดเป็นรายวัน ค่าโทรศัพท์ก็คิดรายเดือน จ่ายประกันก็จ่ายเป็นรายปี ผมพยายามควบคุมอยู่ตลอดเวลานะ วันๆเราใช้อะไรกันบ้างล่ะ?
สำหรับผมก็ไม่ได้อดข้าวอดน้ำจนอับจนหรอก ก็กินโน้นกินนี่กับเพื่อนเยอะแยะไป ขอให้แค่อยู่ใน Limit รายจ่ายของเราก็พอแล้ว ผมลองคิดเล่นๆนะว่ารายจ่ายของผมเวลาไปทำงานมีอะไรบ้าง
1. ค่ารถ จ่ายแน่นอนวันละ 120 บาท ผมไม่ได้ขับรถหรอกแม้จะมีใบขับขี่ และผมไม่มีภาระในการผ่อนรถ ทำประกัน ซ่อมดูแล
2. ค่ากิน ขั้นต่ำก็ 120 บาท (กินมื้อละ 40 x 3 มื้อนอกบ้าน แต่บางทีก็ทำเอง) ถ้ากินหรูหราก็มือละ 300-500 บาท ก็กินมันแค่อาทิตย์ละครั้ง 2 ครั้งก็พอแล้ว
3. ค่าใช้จ่ายจิปาถะ ขนม นม อ้วนแล้ว แต่ว่าก็อยากมีค&#