ในเรื่องของการทำประกัน ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันทรัยพ์สินต่างๆ ถ้าใครเคยทำก็จะเห็นว่า เวลาหยิบกรมธรรม์มาเปิดเนี่ย จะมีแต่ภาษาทางการยากๆ อ่านดูอย่างกับอ่านตำรากฎหมาย อ่านไปก็ไม่ค่อยจะเข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไงทั้งนั้นเลยใช่ไหมล่ะครับ

แล้วเพราะความที่มันเข้าใจยากนี่แหละ ทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความสับสน ไม่เข้าใจว่าตกลงแล้วคำนี้มันหมายความว่ายังไงกันแน่ ไม่ก็ทึกทักเข้าใจไปเองว่าหมายความว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด พอไปทำประกัน ก็เลยทำแบบผิดๆถูกๆ มารู้ทีหลังก็เสียหายเกินกว่าจะแก้ไปแล้ว

เนื่องจากผมพบเห็นปัญหาดังกล่าว วันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผมจะได้ทำ "ดิกชั่นนารีประกัน" ขนาดย่อม เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจศัพท์แสงในการทำประกันกันมากขึ้น จะได้ไม่ต้องมานั่งแปลเวลาเราพูดถึงประกัน หรือเวลาอ่านกรมธรรม์กันนะครับ ^^

====================================================================

กรมธรรม์ (Policy) = หนังสือสัญญาข้อตกลงระหว่างบริษัทประกัน กับ ผู้ทำประกัน ในนั้นจะอธิบายถึงรายละเอียดของประกันที่เราได้ทำไป ว่าเป็นประกันประเภทอะไร? แบบอะไร? ทุนประกันเท่าไหร่? จ่ายเบี้ยเท่าไหร่? วันครบรอบสัญญาแต่ละปีคือวันที่เท่าไหร่? วันครบกำหนดสัญญาคือเมื่อไหร่? รวมถึงเงื่อนไขการจ่ายเงินชดเชย หรือเงินคืนแบบต่างๆ ซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมาก และภาษาที่ใช้ก็ค่อนข้างจะเป็นภาษากฎหมายซะเป็นส่วนใหญ่ ทำให้คนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจยากอยู่ไม่น้อย

ทุนประกัน หรือ จำนวนเงินเอาประกันภัย (Sum Assured) = จำนวนเงินที่เราเลือกให้บริษัทประกันจ่ายชดเชยให้เมื่อเราเสียชีวิต เวลาที่เราไปดูแบบประกัน เขามักจะบอกเป็น % ของทุนประกัน เช่น 100% ของทุนประกัน ก็แปลว่า จ่ายเงินเท่าทุนประกันนั้นแหละครับ หรือ 150% ของทุนประกัน ก็แปลว่า จะจ่ายเงินให้ 1.5 เท่า ของทุนประกันที่เราเลือกครับ

เบี้ยประกัน (Premium) = จำนวนเงินที่เราจ่ายเพื่อเป็นค่าทำประกัน (อาจจะเลือกจ่ายเป็นรายปี รายครึ่งปี หรือรายเดือนก็ได้ แล้วแต่แบบประกัน)

ผู้เอาประกันภัย = ก็คือคนที่เป็นคนทำประกันนั่นแหละครับ

ผู้รับผลประโยชน์ = คนที่เราเลือกว่าจะให้บริษัทจ่ายทุนประกันให้ เมื่อเราเสียชีวิต (อาจจะเป็นพ่อ แม่ ลูก หรือญาติพี่น้อง)

อนุสัญญา (Rider) = สัญญาประกันสุขภาพและอุบัติเหตุหรืออื่นๆ ที่สามารถเลือกซื้อเสริม พ่วงเข้าไปกับประกันชีวิตตัวหลักได้

เงินคืน = จำนวนเงินที่บริษัทจ่ายเป็นผลตอบแทนคืนให้ เป็นจำนวนที่แน่นอน โดยคิดเป็น % ของทุนประกัน (เงินที่เราได้รับคืนเป็นรายปี จากการทำประกันชีวิตประเภทสะสมทรัพย์ หรือแบบบำนาญ จะคือเงินคืน แบบนี้)

เงินปันผล= ผลตอบแทนที่บริษัทได้จากการนำเงินไปลงทุน และอาจจะจ่ายให้ผู้ทำประกันในบางแบบประกัน โดยที่เงินที่จ่ายอาจจะไม่แน่นอน แล้วแต่ผลการลงทุน (ไม่ใช่เงินคืนที่เราได้รับจากแบบประกันชีวิตสะสมทรัพย์หรือแบบบำนาญที่เราเห็นเป็น % ในแบบประกัน)

====================================================================

(**คนส่วนใหญ่ ทั้งคนที่ทำประกัน หรือแม้แต่คนขายประกัน รวมถึงบริษัทประกันบางแห่งเองก็ตาม มักจะเรียก "เงินคืน" ที่เป็นผลตอบแทนที่ได้มา (เช่น สมมติที่บอกว่า "3% ของจำนวนเงินเอาประกัน ในสิ้นปีที่ 3, 6, 9) ว่า"เงินปันผล" ทั้งๆที่เป็นคนละตัวกันเลย (เพราะเงินคืน จะได้ชัวร์ๆเท่านั้นแน่นอน แต่เงินปันผล ได้ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผลการลงทุนของบริษัท ถ้าตัวแทนคนไหนบอกว่าจะได้ปันผลเท่านั้นเท่านี้ เช่น ได้ปีละ 2.75% ทุกปี แบบนี้ถือว่าให้ข้อมูลที่ผิดนะครับ)

====================================================================

มูลค่าเงินสดกรมธรรม์ = เหมือนเป็นเงินเก็บในกรมธรรม์ที่เรามีอยู่ โดยมูลค่าเงินสดจะเหลือจากการที่เบี้ยประกันที่เราจ่ายไปในแต่ละปี ถูกหักออกด้วยค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการทำประกันชีวิต ส่วนที่เหลือ บริษัทประกันจะนำไปบริหารจัดการลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงย กลายเป็นกำไรของบริษัทและเป็นมูลค่าเงินสดในกรมธรรม์ของเรา สะสมมาเรื่อยๆ

โดยสิทธิ์ที่เราจะสามารถเลือกได้ หากเราจะหยุดจ่ายเบี้ยประกัน มีดังนี้

ใช้สิทธิ์ เวนคืนมูลค่าเงินสดในกรมธรรม์ = คือการหยุดจ่ายเบี้ยประกัน แล้วเลือกปิดกรมธรรม์ ยกเลิกสัญญา แล้วให้บริษัทประกันจ่ายคืนมูลค่าเงินสดกรมธรรม์ที่เหลืออยู่ทั้งหมดมาให้เราเป็นเงินก้อนทีเดียวจบเลย

====================================================================

(**หลายคนมักจะหลงผิดในการทำประกันชีวิต ว่าเป็นการ "ฝากเงิน" เหมือนกับบัญชีเงินฝากประจำ (แบบที่ชอบถูกคนขายประกันที่ไร้จรรยาบรรณหลอกให้เข้าใจผิด) คิดว่าฝากเงินเข้าไปแล้ว ถ้าจำเป็น สามารถถอนเงินที่ฝากกลับมาได้ โดยที่ยังมีมูลค่าเท่าเดิม จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นการทำประกันชีวิตแล้ว มันคือการ "ซื้อประกัน" ดังนั้น เวลาเราจ่ายเบี้ยประกันไป เบี้ยส่วนหนึงจึงถูกหักเป็นค่าใช้จ่ายในการทำประกัน จึงเหลือเฉพาะส่วนที่เป็น "มูลค่าเงินสด" ซึ่งมันน้อยกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายมาแน่ๆอยู่แล้ว (เพราะถูกหักค่าใช้จ่ายไป) เพราะฉะนั้น อย่าเข้าใจผิด หรือหลงเชื่อว่า เมื่อเราเวนคืนเงินสดกรมธรรม์ หรือเอาเงินคืนจากกรมธรรม์ มันจะได้เท่ากับเบี้ยที่เราจ่ายไปนะครับ)

====================================================================

ใช้สิทธิ์ มูลค่าเงินสำเร็จ = คือการหยุดจ่ายเบี้ยประกัน แล้วเลือกให้ยังมีการคุ้มครองชีวิตต่อไป จนกว่าจะถึงวันครบกำหนดสัญญาทำประกันที่ทำให้สัญญาสิ้นสุดลง แต่ระหว่างทาง ทุนประกันชีวิตที่ทำไว้จะมีมูลค่าลดลง

ใช้สิทธิ์ ขยายระยะเวลา = คือการหยุดจ่ายเบี้ยประกัน แล้วเลือกให้ยังมีการคุ้มครองชีวิตต่อไป โดยยังมีทุนประกันคุ้มครองชีวิตเท่าเดิม แต่จะต่อเวลาคุ้มครองออกไปได้อีกแค่ไม่กี่ปี (ไม่ยาวถึงครบกำหนดสัญญาเดิม)

====================================================================

เอาล่ะครับ นั่นคือคำศัพท์พื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการทำประกันชีวิตที่เราใช้กันบ่อยๆเวลาทำประกัน รวมถึงความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำศัพท์ที่ยังสับสนกันอยู่ ก็หวังว่าจะทำให้คนที่ยังไม่คุ้นเคยกับการทำประกัน