นักลงทุนทุกคนต่างก็รู้ดีว่า “แนวทางและหลักความคิดในการลงทุน” เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องหาให้เจอ เหมือนกับการค้นหา “พาหนะ” ที่จะช่วยขับเคลื่อนไปบนเส้นทางแห่งการลงทุน โดยหวังว่ามันจะพาเราไปได้ไกล และถึงจุดหมายในที่สุด

การเลือกแนวทางและหลักความคิดจึงเป็นเรื่องสำคัญ บ้างก็ต้องการพาหนะที่มั่นคงปลอดภัย บ้างก็ต้องการพาหนะที่มีแรงม้าสูง บ้างก็ต้องการพาหนะที่ขับขี่สะดวกสบาย ต่างคนต่างมีความต้องการที่แตกต่างกัน

แต่..มันจะเป็นพาหนะที่ “ใช่” สำหรับนักลงทุนแต่ละคนหรือไม่ คงจะต้องเป็นหน้าที่ของนักลงทุนแต่ละคนต้องลองพิสูจน์กันด้วยตัวเอง จึงมีน้อยคนนักที่จะเลือกพาหนะที่เหมาะสมกับตัวเองตั้งแต่แรก

ตัวผมเองก็เป็นนักลงทุนคนหนึ่งที่เข้าสู่โลกของการลงทุนตั้งแต่อายุ 20 ปี การเลือกแนวทางการลงทุน “ครั้งแรก” ของผมนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาด แต่มันก็สร้างบทเรียนที่ช่วยให้ผมกลับมาทำความเข้าใจตัวเอง และเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับชีวิตได้ในเวลาต่อมา

ครั้งแรกกับการลงทุนในหุ้น

อย่างที่เล่าให้ทุกคนฟังไปแล้วว่า ผมเข้าสู่โลกของการลงทุนตั้งแต่อายุ 20 ปี ด้วยความสนใจใน “หุ้น” ผมอ่านหนังสือหลายเล่มที่สอนเกี่ยวกับพื้นฐานการลงทุนในหุ้น จนเมื่ออายุครบตามเกณฑ์ที่จะมีสิทธิ์เปิดพอร์ตฯ เป็นของตัวเอง ผมไม่รอช้า รีบนำเงินที่เก็บหอมรอมริบในระหว่างที่กำลังเรียนอยู่ไปลงทุนในหุ้นทันที

ตอนนั้นผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเหมาะกับการลงทุนประเภทไหน แต่ผมเห็นชื่อของ วอเรนต์ บัฟเฟตต์ ผ่านตาอยู่บ่อยครั้ง ในหนังสือที่ผมอ่าน มันทำให้รู้สึกว่าเราจะมั่งคั่งได้ในวันข้างหน้า เพราะสิ่งที่เรียกว่า “หุ้น”

ผมคิดง่ายๆ ว่าการลงทุนในหุ้นที่มีตัวเลขงบการเงินดี ดูแล้วเป็นกิจการที่มั่นคง แล้วถือมันไปยาวๆ แบบที่เค้าเรียกกันว่า VI (Value Investment) แค่นี้ก็ทำให้เรารวยได้แล้ว

แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด!!

ตลอดระยะเวลา 3 ปี หุ้นที่ผมซื้อราคาขยับทีละน้อย (น้อยมากๆๆ) ในเวลานั้น ผมเจอทั้งตลาดที่อยู่ในช่วงขาขึ้น และขาลง ผลตอบแทนโดยรวมกลับแพ้ตลาดทุกปี มันทำให้ผมเริ่มท้อ และรู้สึกว่าตัวเองกำลังมาผิดทาง

ผมอยากรวยเร็วๆ ไม่ได้อยากจะมานั่งรอดูเงินค่อยๆ เติบโตอย่างนี้ หลังจากนั้นผมก็เริ่มค้นคว้าวิธีการลงทุนของคนในตลาดมากขึ้น จนพบว่ามันมีวิธีเล่นหุ้นแบบสั้นๆ แต่ได้เงินเร็วตามรายใหญ่ และฟังข่าววงในด้วย วิธีนี้ ถ้าทำตามได้ เราจะได้เงินแน่ๆ แค่ซื้อให้ไวและขายให้ทัน นี่อาจจะเป็นพาหนะแรงขับสูงที่จะให้ผมไปถึงฝันที่วาดไว้อย่างรวดเร็วก็ได้

แต่ใครจะรู้ล่ะว่า..มันจะกลายเป็นวิธีที่ทำให้ผมแทบอยากจะเลิกลงทุนไปเลยทั้งชีวิต…

หุ้นปั่น ข่าววงใน ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย

ในช่วงนั้นผมเพิ่งเรียนจบ และเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังมีความใจร้อนที่อยากจะรวยเร็วๆ มีเงินเยอะๆ โดยที่ไม่เคยเรียนรู้การบริหารจัดการเงิน และวิธีการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง

ด้วยความคาดหวังจะให้เงินที่ลงทุนไป ทำกำไรให้กับเราได้อย่างเต็มที่ ในระหว่างนั้น ผมศึกษาวิธีการเล่นหุ้นแบบระยะสั้น ด้วยการอ่านกราฟ ดูเทคนิค เทคคอร์สวิธีการอ่านกราฟหุ้น ที่เราสามารถลงทุนตามนักลงทุนรายใหญ่

พอได้ลองทำความเข้าใจกับ “หุ้นปั่น” ที่ให้ผลตอบแทนสูง กับวิธีการเล่นที่ดูชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ภาพวาดที่สวยงามเกิดขึ้นตรงหน้า ผมจะต้องใช้วิธีนี้ลงทุนให้ตัวเองก้าวไปสู่เป้าหมายได้อย่างแน่นอน

“นี่แหละคือเส้นทางการลงทุนของเรา เรายังหนุ่มอยู่ ยังเจ็บตัวได้อีกเยอะ”

ผมหลอกตัวเองอยู่คนเดียว…

ในช่วงแรกผมเล่นตามสูตรที่ได้เล่าเรียนมา มีทั้งกำไรและขาดทุน ทุกครั้งที่ขาดทุนมันทำให้ผมอยากเอาคืน ผมคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ใจไม่นิ่งพอ บริหารเงินบนหน้าตักไม่ได้เรื่อง ผมเก็บปัญหาที่เกิดขึ้นไปคิดหาทางออก ทำการบ้านหนักขึ้น บางวันก็นอนไม่หลับเพราะเรื่องการขาดทุนมันยังวนเวียนอยู่ในหัว

ช่วงนั้นใครมีข่าววงในมา ผมก็เชื่อ และเล่นตามพวกเขาไปทั้งหมด โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำว่า “วงใน” นั้น ใครๆก็พูดได้ จะจริงหรือไม่จริง ผมไม่เคยหาคำตอบเลย เข้าซื้อหุ้นตัวไหนไปก็โดนขายใส่จนแทบจะหนีเอาตัวรอดไม่ทัน

ผมซื้อขายหุ้น เข้าๆ ออกๆ ทำรอบเยอะมาก หุ้นที่ผมซื้อผมไม่เคยรู้จักเลยว่ามันทำกิจการอะไร ขายไปเพราะทำกำไรหรือตัดขาดทุนอย่างเดียวเท่านั้น 6 เดือนนั้น ผมซื้อขายหุ้นบ่อยกว่าช่วงเวลา 3 ปีก่อนหน้านั้นซะอีก

เงินเก็บที่ผมสะสมมาตลอด 3 ปีครึ่ง หายไปเกือบทั้งหมด ผมขาดทุนมากกว่า 70% ภายในระยะเวลา 6 เดือน คิดเป็นเงินก็ประมาณ 6 หลัก สำหรับผมในตอนนั้น มันคือเงินที่มีมูลค่ากับผมมาก เป็นเงินที่ใช้เวลาและแรงกายแลกมันมา

นับเป็นช่วงเวลาที่ผมทรมานกับการลงทุนมาก ผิดหวังกับการขาดทุนครั้งใหญ่ สภาพจิตใจหดหู่ นี่อาจจะเป็นจุดต่ำสุดในชีวิตการลงทุนของผมแล้วก็ได้ ผมต้องกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า...

วิธีการนี้เหมาะกับตัวเราแล้วจริงเหรอ ? หรือเราไม่เหมาะกับการลงทุนกันแน่ ?

แต่...ผมยังเชื่อมั่นว่าโลกของการลงทุนจะสร้างความมั่งคั่งให้ผมได้อย่างแน่นอน

ผมจะถอดใจจากมันเพราะการขาดทุนครั้งใหญ่ไม่ได้!!

บทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ในโลกของการลงทุน

สิ่งแรกที่ผมกลับมาทำเลยก็คือ ลืมวิชาทั้งหมดที่ได้เรียนหรืออ่านมา แล้วสำรวจตัวเองอีกครั้ง ว่าตัวเราเป็นนักลงทุนสไตล์ไหน จิตใจและ mindset เรื่องการลงทุนของเราเป็นยังไง อะไรคือวิธีการลงทุนที่เหมาะกับเรา

ผมพบว่าการลงทุนแบบวิเคราะห์กิจการ ประเมินมูลค่าหุ้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามความต้องการ ซื้อหุ้นโดยมีส่วนเผื่อความปลอดภัย และถือมันยาวๆ จนกว่าจะมีเหตุผลในการขาย เป็นแนวทางการลงทุนที่น่าจะเหมาะกับผม โดยเนื้อแท้แล้วผมเป็นคนใจเย็น กล้าเสี่ยงได้เฉพาะเกมที่ผมสามารถควบคุมได้ และมองเห็นโอกาสแห่งชัยชนะได้มากกว่าหนทางแห่งความพ่ายแพ้

ในขณะเดียวกันก็ทำความเข้าใจกับการวางแผนการเงินอย่างถูกต้อง เรียนรู้สินทรัพย์ชนิดต่างๆ เพื่อเลือกกระจายความเสี่ยง เพราะไม่อยากแบกรับความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนไว้ในหุ้นทั้งหมด

ผมรับความเสี่ยงและสภาพจิตใจของนักเก็งกำไรไม่ไหว ผมไม่เหมาะกับการเก็งกำไรเลยแม้แต่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้น ผมเลิกให้ความสำคัญกับคำว่า “ข่าววงใน” หรือต่อให้มีใครมาบอกว่าหุ้นตัวไหนจะไปที่ราคาเป้าเท่าไหร่ ผมก็ไม่เก็บคำพูดเหล่านั้นมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลย ต่อให้เรื่องที่พูดเป็นอย่างนั้นจริง ผมก็ไม่เสียใจ เพราะอย่างมากก็แค่เสียดาย แต่อย่างน้อยก็ไม่เสียเงินแหละวะ!!

ผมไม่ได้บอกว่าวิธีการเก็งกำไร หรือเล่นหุ้นตามรายใหญ่เป็นวิธีที่ไม่ดี มีคนมากมายที่ประสบความสำเร็จในการเก็งกำไร เพราะเป็นวิธีที่เหมาะกับพวกเขา แต่มันไม่เหมาะกับผมเท่านั้นเอง..

ใช่ว่าทุกคนที่เลือกเส้นทางที่เหมาะสม จะไม่ต้องเจอกับการขาดทุนหรือผิดพลาดอีกต่อไป ถ้าวันนี้คุณเกิดการขาดทุนครั้งใหญ่กับคุณเป็น “ครั้งแรก” ขอให้จำไว้ว่า มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้ทบทวนตัวเอง

อย่ายอมแพ้ หาข้อผิดพลาดของตัวเองให้เจอ แล้วจงกลับไปสู้กับมัน

เพราะทั้งหมดเป็นเพียงการเริ่มต้นบนเส้นทางที่ยาวไกลเท่านั้น..