ประเด็นเรื่องค่าคอมมิชชั่น มักจะเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันขึ้นมาว่าการออมหุ้นนั้นเป็นการทยอยการลงทุน

สำหรับคนที่คิดว่าจะลงทุนไม่มาก การที่เราจะต้องมาจ่ายค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 50 บาท นั้นเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเงินเป็นอย่างมาก

"เท่าไหร่ละถึงจะคุ้ม"

สมมติผมพูดที่ 50 บาทเป็นค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ หาก เราซื้อขายที่ 0.15%

ผมต้องซื้อหุ้นที่มูลค่ารวม 34,000 บาทใช่ไหมครับ ผมถึงคุ้มค่าธรรมเนียม 50 บาท

34,000 x 0.15% = 51 บาท

กรณีที่ค่าธรรมเนียม 0.25% แบบซื้อกับโบรกเกอร์

20,000 x 0.25% = 50 บาท

นั่นหมายความว่าจะเอาแบบ คุ้มๆ จริงๆเนี่ย หาเงินมาใส่เลย 20,000-30,000 เลยทีเดียว ต่ำกว่านี้ไม่คุ้ม

กรณีถ้าเราออมหุ้นเราอาจจะแบ่งเงินจากรายได้มาออมซัก 5,000 บาท เริ่มต้น แน่นอนว่า 50 บาท นั้นแพงงงงงงง

"กรณีหุ้นขึ้นหุ้นลง"

สมมติ หุ้นขึ้นซัก 5% จากมูลค่าหลักทรัพย์ที่เราลงทุน

20,000 ขึ้น 5% จะได้ 21,000 บาท

5,000 ขึ้น 5% จะได้ 5,250 บาท

ได้ค่าคอมคืนกันยัง?

อีกกรณีคือ หุ้นลงซัก 5% จากมูลค่าหลักทรัพย์ที่เราลงทุน

20,000 ลง 5% จะได้ 19,000 บาท

5,000 ลง 5% จะได้ 4,750 บาท

หุ้นลงขาดทุนที ค่าคอม 50 บาท นับว่าเด็กๆไปเลย

แต่ถ้าคุณทำ DCA ก็หมายถึง คุณไม่ต้องทุ่มเงินก้อน งวดต่อไปคุณได้หุ้นถูกลงอีก 5%

และการซื้อหุ้นเพิ่มที่ราคาลดลง 5% (250 บาท) แต่เสียเงินค่าคอม 50 บาท

ก็ยังประหยัดกว่าการนำเงินทุ่มซื้อทีเดียว 10,000 บาท ไปถึง 250-50 = 200 บาท

"ออมหุ้นปีหนึ่งจ่ายค่าคอมเท่าไหร่?"

50 บาท x 12 เดือน = 600 บาท (ไม่รวมค่าอื่นๆอีกนิดหน่อย)

แน่นอนว่าการที่คุณลงทุนไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้ซื้อๆขายๆ คุณจะจ่ายค่าคอมไม่ได้เยอะมากหรอก

600 บาท แค่เราเดือนออกไปเที่ยว กินข้าวที่สยามซัก 1 วัน ก็หมดเกลี้ยงแล้วล่ะ

แต่การซื้อๆขายๆ แล้วขาดทุนต้อง Cut Loss โดนกันเป็นหมื่นเป็นแสนบาทก็เห็นอยู่บ่อยๆ

ในขณะที่พอได้กำไรกัน ก็ไม่ได้คิดถึงต้นทุนค่าคอมมิชชั่นเท่าไหร่ เพราะค่าคอมมันเรื่องเล็กน้อยมาก

เรากำลังมองหาเงินล้านกันนะครับ

600 บาทนี่เด็กๆเลย

การออมหุ้น ออมไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจที่จะซื้อขายหุ้นรายวัน

หากเราเลือกหุ้นดีมีการเติบโต 1 ปี เงินค่าใช้จ่าย 600 บาท เราหาคืนได้แน่ครับ

ต่อให้เราลงทุนเพียง 1,000 บาทต่อเดือน ค่าธรรมเนียมคิดเป็น 5%

ปกติแล้วหุ้นที่เติบโตมันโตมากกว่า 5% อยู่แล้วครับ

แต่ถ้าหุ้นลงไปต่อล่ะ....

ถ้าซื้อหุ้นจำนวนเท่าเดิม ราคาลดของหุ้นก็ยังให้เราประหยัดมากกว่าค่าคอม 50 บาท ในงวดต่อๆไปอยู่ดี

แต่ถ้าซื้อด้วยเงินเท่าเดิม คุณจะได้จำนวนหุ้นที่มากขึ้นจากราคาที่ลดลงไป เป็นการสะสมหุ้นไปในตัว

แน่นอนว่า DCA คือ การทยอยลงทุน คุณจะได้หุ้นที่ถูกลงเรื่อยๆ อาจจะถูกกว่า 20% เลยก็ได้

และถ้ากิจการที่เราลงทุนนั้นดีจริง เดี๋ยวราคาหุ้นก็จะปรับตัวกลับมาอยู่ดีละครับ

จริงอยู่ที่การออมหุ้นด้วยเงินจำนวนน้อยจะให้อัตราส่วนของค่าคอมในราคาแพง

หลายๆคนมักจะมองตัวเลขที่ 1,000 บาท แต่คุณก็แก้ปัญหาค่าคอมได้ถ้าคุณออมมันมากขึ้นก็ได้นิ

เงินเดือนที่หักมาเป็นเงินออม ไหนๆจะลงทุนแล้ว ขุดมาเลยซัก 5,000-6,000 บาท

ยิ่งคุณออมมากขึ้น ค่าคอมยิ่งถูก แต่ถ้าคุณออมเยอะๆไม่ได้ ค่าคอมก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของการทำ DCA

หุ้นขึ้นก็มีความสุข หุ้นลงก็มีความสุข จ่าย 1 ปี แค่ 600++บาท เองถูกกว่าเห็นๆ

สุดท้ายนี้ ต้องไม่ลืมว่า การลงทุนด้วย Dollar Cost Average ความสำคัญคือการเลือกหุ้นนะครับ

เลือกหุ้นดี เติบโต ยังไงก็สามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับเราได้แน่นอน