เคยอ่านหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับหุ้นไหมครับ?

บางครั้งเราจะได้ยินคำต่างๆที่ทำให้รู้สึกว่า หุ้นมันน่าซื้อมากๆเลยนะ ยกตัวอย่างเช่น

"ยอดขายทะลัก" (ต้องทะลักล้นเลยนะ)

"Backlog อื้อซ่า"

"ยอดขายพุ่ง"

"รับงานเกินพิกัด"

"ลุยโปรเจคใหม่"

แล้วทั้งหลายทั้งปวงก็เป็นข่าวที่ที่ผู้บริหารแถลงออกมาทำให้นักลงทุนแห่เข้าไปซื้อหุ้น แต่เดี๋ยวก่อน!! จริงๆแล้วเขาบอกแค่ว่ายอดขายเขามากขึ้น แต่สิ่งที่เราอาจจะต้องเช็คเพิ่มเติมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของพวกเรานั้นก็คือ การดูงบการเงินอื่นๆประกอบนะครับ มันก็เป็นไปได้ว่า แม้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่อย่างอื่นที่เขาไม่ได้บอก อาจจะมีหลายๆเรื่องเพิ่มเติมดังนี้

1. เขาอาจจะไม่ได้บอกว่าต้นทุนเพิ่มขึ้น

การที่ยอดขายเพิ่มนั้นเป็นผลดีหากต้นทุนที่เขาบริหารนั้นไม่ได้เป็นอัตราส่วนที่เปลี่ยนแปลงไป แต่มันก็มีกิจการที่ไม่สามารถควบคุมต้นทุนได้ ยิ่งขายของมากขึ้นก็ยิ่งต้องใช้พลังและต้นทุนที่สูงขึ้นไปกับค่าใช้จ่ายต่างๆ เดิมทีขายของได้มูลค่า 1,000 บาท ต้นทุน 500 บาท พอขายได้มากขึ้นเป็น 2,000 บาท แต่ต้นทุนกลับขึ้นเป็น 1,500 บาท มันมีความเป็นไปได้ในเรื่องทุกอย่างนะครับ เราอาจจะไปลองเช็คได้จากต้นทุนทางตรง ต้นทุนในการบริหารงานและต้นทุนทางการเงินดูว่ามันขายได้มากขึ้นและทำให้ผลตอบแทนมากขึ้นตามไหม

2. เขาอาจจะไม่ได้บอกว่าบริษัทอาจจะขาดทุน

ข้อนี้หนักเข้าไปใหญ่เลยครับ แต่ก็มีความเป็นไปได้ หลายๆครั้งที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะมีจากค่าใช้จ่ายอะไรก็ตาม แต่ถ้าอยู่ๆต้นทุนนั้นมีจำนวนเกินมูลค่ายอดขายไปก็อาจจะทำให้บริษัทขาดทุนได้ เช่น ผู้บริหารอาจจะปวดหัวครับ เลยจ้างที่ปรึกษาเต็มไปหมด ปรึกษาจนกำไรหายหมดเลยก็เป็นได้ ถ้ายอดขายเพิ่มแต่ผลสรุปคือการขาดทุนของธุรกิจ นั่นก็หมายความว่าบรืษัทจะไม่มีกำไร ซึ่งจะส่งผลต่อกำไรสะสมของบริษัทและมูลค่าหุ้น ยอดขายเพิ่มแต่กำไรลด นั่นก็ไม่ใช่เรื่องดีนะครับ

3. เขาอาจจะไม่ได้บอกว่าบริษัทจะต้องเพิ่มทุน

ถึงแม้บริษัทอาจจะยอดขายเติบโตก็ตาม แต่ถ้าผลสุดท้ายแล้วบริษัทขาดทุน ซึ่งทำให้เงินอาจจะหมดไปจากกระเป๋าไม่มีสภาพคล่องหลงเหลืออยู่เลย บริษัทก็อาจจะมีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนหรือกู้เงินเพื่อนำกระแสเงินสดเข้ามาใช้จ่ายหมุนเวียนในบริษัท และแน่นอนว่าหากมีการเพิ่มทุนเกิดขึ้น นั่นก็หมายความว่านักลงทุนจะต้องนำเงินมาซื้อหุ้นเพื่อรักษาสิทธิในอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัท ไม่เช่นนั้นแล้วความเป็นเจ้าของในบริษัทก็จะน้อยลง อันเป็นผลต่อการได้รับการจัดสรรปันส่วนของเงินปันผลในอนาคตที่ลดลงเช่นกัน

4. เขาอาจจะไม่ได้บอกว่าบริษัทจะต้องกู้เงินเพิ่ม

ต่อจากข้อ 3 นอกจากหนทางในการแก้ปัญหาในเรื่องสภาพคล่องที่เกิดจากการขาดทุนด้วยการเพิ่มทุน บริษัทอาจจะเลือกการกู้เงินเพิ่มเพื่อเสริมสภาพคล่องเป็นทางเลือกได้เช่นกัน ซึ่งการกู้เงินนั้นทำให้บริษัทจะต้องจ่ายดอกเบี้ย และเป็นต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นในการทำธุรกิจและถ้าหากไม่สามารถแก้ปัญหาต้นทุนต่างๆได้ มันจะกลายเป็นปัญหาซ้ำซ้อนเข้าไปใหญ่ ยอดขายโตแต่ขาดทุน แถมกู้เงินมาแล้วต้นทุนสูงขึ้นก็ขาดทุนต่อเนื่องเข้าไปอีก

จากตัวอย่าง 4 ข้อที่เล่าให้ฟังก็อาจจะเป็นเรื่องง่ายๆที่อาจจะตั้งเป็นข้อสังเกตเสมอว่าธุรกิจที่เรากำลังจะลงทุนและมีข่าวดีนั้น ลึกๆแล้วเป็นข่าวดีที่ต้องวิเคราะห์กันให้ถี่ถ้วนหรือเปล่าว่าข่าวนั้นเป็นข่าวที่ดีจริงและเป็นผลดีต่อการลงทุนของเรา บางครั้งการลงทุนมันก็ต้องใช้ความรอบคอบในการตัดสินใจเสมอนะครับ