ในเรื่องของการทำ “ประกันสุขภาพ” นอกจากตัวเองแล้ว หลายๆ คนอาจจะเคยพิจารณาวางแผนทำประกันสุขภาพให้คนในครอบครัว โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่มักจะทำประกันสุขภาพให้ลูกตั้งแต่แรกเกิด
แต่ก็อาจจะมีหลายคนที่สงสัยว่า...ทำประกันสุขภาพให้คนในครอบครัวไปทำไม? จะคุ้มค่าหรือไม่? แค่ตัวเองไม่พอหรือ? ทำแล้วจะจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยไหวรึเปล่า?
ตามหลักการแล้ว หากเรามีกำลังความสามารถที่จะทำประกันสุขภาพได้ อย่างน้อย เราควรทำประกันสุขภาพให้ตัวเองก่อน เพื่อความสบายใจว่า หากเราเจ็บป่วยจะได้ไม่ส่งผลกระทบถึงคนข้างหลัง “ค่ารักษาพยาบาล” ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง หากจำเป็นต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ยกตัวอย่างเช่น
- การผ่าตัดไส้ติ่ง ตั้งแต่ 60,000 - 200,000 บาท
- การผ่าตัดแก้ไขข้อเข่าเทียม ตั้งแต่ 50,000 - 300,000 บาท
- การผ่าตัดต้อหิน ตั้งแต่ 15,000 - 90,000 บาท
- โรคระบบทางเดินหายใจจากไวรัส RSV ในเด็ก ตั้งแต่ 30,000-70,000 บาท
- โรคมือ เท้า ปาก ในเด็ก ตั้งแต่ 30,000-120,000 บาท
(ที่มา: ค่ารักษาโดยประมาณจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.))
หากเกิดเหตุไม่คาดฝันเหล่านี้ขึ้นกับเราหรือคนในครอบครัว อาจทำให้เกิดปัญหาการเงินขึ้นมาได้
เพราะฉะนั้น “การทำประกันสุขภาพจึงเป็นวิธีหนึ่งในการบริหารความเสี่ยงเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ” เพราะมีข้อดีตรงที่ว่า
- ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง เพราะบริษัทประกันเป็นคนจ่ายให้ (ไม่เกินวงเงินที่ทำประกันไว้) ดังนั้น หากเกิดการเจ็บป่วย ก็จะไม่กระทบกับเงินที่เก็บออมไว้
- เปลี่ยนค่าใช้จ่ายที่ “คาดการณ์ไม่ได้” ให้เป็นค่าใช้จ่ายที่ “คาดการณ์ได้” ซึ่งค่าใช้จ่ายที่คาดการณ์ไม่ได้ ก็คือ ค่ารักษาพยาบาล เพราะเราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลยว่า จะป่วยเป็นโรคอะไร? ร้ายแรงแค่ไหน? ต้องรักษาตัวนานแค่ไหน? และมีค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่? ทำให้วางแผนค่าใช้จ่ายล่วงหน้าไม่ได้ และไม่รู้ว่าควรเตรียมเงินเท่าไหร่ถึงจะพอ แต่หากทำประกันแล้ว เราก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งก็คือ “ค่าเบี้ยประกันภัย” เข้ามาแทน เพราะเรารู้ล่วงหน้าได้ว่า ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยแต่ละปีเท่าไหร่ จากข้อมูลที่มีทำให้สามารถวางแผนบริหารจัดการค่าใช้จ่ายจากเบี้ยประกันภัยที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้
- อุ่นใจ และมั่นใจได้ว่าจะได้ใช้บริการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลที่ต้องการ เมื่อเรามีประกันสุขภาพไว้คุ้มครองค่ารักษาจากโรงพยาบาลต่างๆ แล้ว ก็ทำให้เราสบายใจได้ว่า สามารถเลือกใช้บริการโรงพยาบาลที่ต้องการ และอยู่ในเครือข่ายของบริษัทประกันนั้นๆ ได้ โดยไม่ต้องกังวลใจเรื่องค่ารักษาพยาบาลมากนัก
- อื่นๆ เช่น เรื่องของสิทธิในการลดหย่อนภาษี เป็นต้น
สำหรับคนที่มีครอบครัว และทำประกันสุขภาพเพื่อคุ้มครองตัวเองแล้ว ก็ควรพิจารณาทำ "ประกันสุขภาพเพื่อคุ้มครองคนในครอบครัว" ด้วย
ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพให้ตัวเองและคนที่เรารัก ควรมีการวางแผนล่วงหน้า ซึ่งมีอยู่ 5 ขั้นตอนง่ายๆ ก็คือ
- สำรวจค่ารักษาของโรงพยาบาลที่ต้องการใช้ในกรณีฉุกเฉิน ว่ามีอัตราเท่าไหร่ เช่น ค่าห้อง ค่าผ่าตัด ค่าหมอ หรือค่ารักษาโรคร้ายแรง
- สำรวจสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่ตัวเองมีอยู่ เช่น ประกันสังคม บัตรทอง ประกันกลุ่ม หรือสวัสดิการจากที่ทำงาน ว่ามีเพียงพอ หรือครอบคลุมค่ารักษาในโรงพยาบาลที่จะใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือไม่
- เลือกทำประกันสุขภาพให้ครอบคลุมด้านต่างๆ ตามส่วนที่ขาด เช่น ค่ารักษาทั่วไปกรณีผู้ป่วยใน (IPD) ผู้ป่วยนอก (OPD) ค่าห้อง ค่ารักษาโรคร้ายแรง หรืออุบัติเหตุ ตามวงเงินส่วนที่ยังขาดอยู่
- เปรียบเทียบความคุ้มค่า และความพึงพอใจของแผนประกันที่เลือก กับบริษัทประกันแต่ละที่ว่า ที่ไหนค่าเบี้ยประกันภัยคุ้มค่าที่สุด เมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ หรือเราพึงพอใจกับการให้บริการของบริษัทประกันใดมากที่สุด โดยต้องดูค่าเบี้ยประกันภัยในอนาคตไว้ด้วย เพื่อประเมินว่า เราสามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยไหวหรือไม่
- ทำประกันสุขภาพตามที่วางแผนไว้ โดยประเมินค่าเบี้ยประกันภัยให้เหมาะสมกับรายได้ เบื้องต้น ค่าเบี้ยประกันภัยไม่ควรเกิน 10% ของรายได้ทั้งปีของเรา
สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะทำประกันสุขภาพให้ทุกคนในครอบครัว และต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ก็มีแผนประกันที่สามารถตอบโจทย์นี้ได้ คือ
ประกันสุขภาพ แฟมิลี่ แคร์ (Family CARE) ของเอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต ที่ออกแบบมาเพื่อคนมีครอบครัวโดยเฉพาะ ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่
- คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ ทั้งกรณี เสียชีวิตทั่วไป และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอก ดังนั้นไม่ว่าจะป่วยหนัก หรือเจ็บเล็กน้อย ประกันสุขภาพตัวนี้ก็คุ้มครอง
- เข้ารับการรักษาได้เลย โดยไม่ต้องสำรองจ่าย ด้วยบัตร FWD Care Card ในโรงพยาบาลและคลินิกในเครือข่ายกว่า 380 แห่งทั่วประเทศ
- มีส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัย 25% เมื่อซื้อความคุ้มครองให้สมาชิกในครอบครัวพร้อมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป
โดยมี 2 แผนให้เลือก เงื่อนไข ผลประโยชน์และความคุ้มครองดังนี้
แผนประกันสุขภาพ แฟมิลี่ แคร์ (Family CARE) นี้ นับว่าเป็นแพ็คเกจคุ้มครองสุขภาพที่คุ้มค่าที่ทุกครอบครัวควรพิจารณา หากสมาชิกในครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ซื้อประกันสุขภาพนี้พร้อมกัน ก็จะได้รับความคุ้มครองตามแผนที่เลือกเช่นเดียวกัน และยังได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยอีกด้วย
ตัวอย่าง เบี้ยประกันภัยเมื่อสมัครแพ็คเกจ Family CARE แผน 1
สนใจดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://sale.fwd.co.th/th/ หรือ โทร.0 2106 6499
จากทั้งหมดที่ว่ามา จะเห็นได้ว่า "ประกันสุขภาพ" เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเราลดความเสี่ยงจากค่ารักษาพยาบาล ที่ไม่เฉพาะกับตัวเราเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทุกคนในครอบครัวด้วย ถ้าเป็นไปได้ ก็ควรวางแผนทำประกันสุขภาพให้ครบ ทั้งพ่อ แม่ ลูก เพื่อความสบายใจของทุกคนในครอบครัวครับ
บทความนี้เป็น Advertorial