หลังจากที่เราได้เรียนรู้เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันชีวิตไปแล้ว ทั้ง 12 ข้อแรก (ย้อนอ่านได้ที่ 24 เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ควรรู้ ตอนที่ 1

ในตอนนี้ เรามาต่อกันอีก 12 ข้อหลังให้ครบ 24 ข้อกันได้เลยครับ!

13. การระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ

ถ้าเรามีข้อพิพาทกับบริษัทประกันชีวิต แล้วไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครผิดใครถูก เราสามารถขอตั้งอนุญาโตตุลาการ (บุคคลที่คู่กรณีตกลงกัน ตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นคนกลางชี้ขาดในข้อพิพาท) ขึ้นมาเพื่อให้เป็นคนกลางในการตัดสินได้ (เช่น อาจจะขอให้คปภ.เป็นผู้ตัดสิน) โดยบริษัทต้องตกลงยินยอมด้วย

14. การชำระเบี้ยประกันภัย

เราสามารถเลือกชำระเบี้ยได้เป็นรายปี, 6 เดือน, 3 เดือน หรือรายเดือน โดยชำระที่สำนักงานใหญ่หรือสาขาของบริษัท หรือกับตัวแทนก็ได้ (ปัจจุบันมีช่องทางอิเล็กทรอนิคส์เพิ่มเข้ามาด้วย) โดยบริษัทจะออกใบเสร็จรับเงินไว้ให้เป็นหลักฐาน และเราสามารถเลือกเปลี่ยนงวดชำระเบี้ยได้ (เช่น จากรายปี เป็นรายเดือน) โดยการทำหนังสือขอเปลี่ยนไปที่บริษัท ซึ่งบริษัทจะถือว่าเราชำระเบี้ย ก็ต้องเมื่อบริษัทได้รับเงินสดแล้วเท่านั้น

15. ระยะเวลาผ่อนผันชำระเบี้ยประกันภัย

ถ้าเราไม่ได้จ่ายค่าเบี้ยประกันปีต่อภายในวันครบกำหนดชำระเบี้ย บริษัทจะผ่อนผันต่อให้อีก 31 วัน แต่ถ้าเราเสียชีวิตในระหว่างนั้น บริษัทก็ยังคงจ่ายทุนประกันให้เราตามปกติ แต่จะหักด้วยค่าเบี้ยประกันที่ยังไม่ได้จ่าย

16. การขาดอายุกรมธรรม์

ถ้าเรายังไม่จ่ายเบี้ยปีต่อหลังพ้นช่วงผ่อนผัน กรมธรรม์ก็จะขาดออายุ โดยนับวันตั้งแต่วันครบกำหนดชำระเบี้ย

17. การต่ออายุกรมธรรม์

หลังขาดอายุ ภายใน 5 ปี และเราไม่ได้ขอเวนคืนเงินสดกรมธรรม์ เราสามารถกลับมาขอต่ออายุกรมธรรม์ได้ 2 วิธีคือ

17.1 ชำระเบี้ยที่ค้างไว้ พร้อมดอกเบี้ย

บริษัทประกันจะคิดดอกเบี้ยเท่ากับดอกเบี้ยที่ใช้คำนวณเบี้ยประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ + 2%

17.2 เปลี่ยนวันเริ่มต้นสัญญาในกรมธรรม์ใหม่

โดยบวกระยะเวลาเพิ่มเข้าไปเท่ากับระยะเวลาที่ขาดอายุ แล้วเริ่มชำระเบี้ยใหม่ตามอัตราเบี้ยตามอายุของเรา ณ วันเริ่มต้นสัญญาใหม่นั้น 

ซึ่งในการต่ออายุกรมธรรม์ ต้องดำเนินการดังต่อไปนี้ และรอให้บริษัทอนุมัติ

1) ยื่นคำขอต่ออายุ โดยใช้เอกสารขอต่ออายุของบริษัท

2) ยื่นใบแสดงผลตรวจสุขภาพ ว่ามีสุขภาพปรกติ

3) ชำระหนี้สิน ที่เป็นค่าเบี้ยค้างจ่ายพร้อมดอกเบี้ย

18. การนำมูลค่าเวนคืนมาชำระเบี้ยประกันภัยโดยอัตโนมัติ

ถ้ากรมธรรม์ประกันชีวิตของเรามีมูลค่าเงินสดกรมธรรม์ หรือมูลค่าเวนคืนแล้ว และเราไม่ได้ชำระเบี้ยปีต่อภายในระยะเวลาผ่อนผัน บริษัทจะกู้มูลค่าเงินสดที่มีอยู่มาจ่ายเป็นค่าเบี้ยปีต่อให้อัตโนมัติ แล้วคิดดอกเบี้ยเท่ากับดอกเบี้ยที่ใช้คำนวณเบี้ยประกัน +2% ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า

1) ถ้ามูลค่าเงินสดเพียงพอจ่ายค่าเบี้ย บริษัทก็จะใช้วิธีกู้ยืมแบบที่กล่าวไป ไปเรื่อยๆทุกปี จนกว่ามูลค่าจะเหลือไม่พอ

2) ถ้ามูลค่าเงินสดเหลือไม่พอจ่ายค่าเบี้ย บริษัทจะแปลงกรมธรรม์นี้เป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ หรือเปลี่ยนเป็นประกันภัยแบบขยายเวลาโดยอัตโนมัติ

19. การเวนคืนกรมธรรม์

ถ้าเราจ่ายเบี้ยมาจนทำให้กรมธรรม์มีมูลค่าเงินสด เราสามารถขอเวนคืนกรมธรรม์ เป็นเงินสดมาให้เราได้ ตามมูลค่าในตารางมูลค่าเงินสดที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ หักด้วยหนี้สินต่างๆ (ถ้ามี)

20. การเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ

ถ้าเราจ่ายเบี้ยมาจนทำให้กรมธรรม์มีมูลค่าเงินสด เรามีสิทธิจะขอหยุดจ่ายเบี้ย และเปลี่ยนกรมธรรม์เป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ มีผลทำให้ กรมธรรม์ยังมีระยะเวลาของสัญญาหรือระยะเวลาคุ้มครองเท่าเดิม แต่มูลค่าความคุ้มครอง และเงินเมื่อครบสัญญาอาจจะลดลง หรือเราอาจจะได้เงินคืนทันทีก้อนหนึ่งเมื่อใช้สิทธิ์ด้วยก็ได้ ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับมูลค่าเงินสดที่มีอยู่ในกรมธรรม์ตามระยะเวลาที่เราไ้ดชำระเบี้ยมา ตามตารางมูลค่าเงินสดที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

21. การเแปลงเป็นการประกันภัยแบบขยายเวลา

ถ้าเราจ่ายเบี้ยมาจนทำให้กรมธรรม์มีมูลค่าเงินสด เรามีสิทธิจะขอหยุดจ่ายเบี้ย และแปลงกรมธรรม์เป็นการประกันภัยแบบขยายเวลา มีผลทำให้ กรมธรรม์ยังมีความคุ้มครองอยู่เท่าเดิม และจะขยายเวลาคุ้มครองต่อไปจากวันที่ขอหยุดจ่ายเบี้ยอีกระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่ครบตามระยะเวลาสัญญาเดิม รวมถึงอาจจะได้เงินคืนเมื่อครบสัญญา หรือเงินคืนทันทีก้อนหนึ่งเมื่อใช้สิทธิ์ด้วยก็ได้ ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับมูลค่าเงินสดที่มีอยู่ในกรมธรรม์ตามระยะเวลาที่เราไ้ดชำระเบี้ยมา ตามตารางมูลค่าเงินสดที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

22. การกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์

ถ้าใช้สิทธิ์เปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ หรือการประกันภัยแบบขยายเวลาแล้ว เราสามารถขอให้กรมธรรม์ที่ถูกแปลงสัญญา กลับมาใช้สัญญาตามเดิมได้ ภายใน 5 ปี โดยมีขั้นตอนดังนี้ เพื่อให้บริษัทอนุมัติ

1) ยื่นเอกสารคำขอกลับมามีผลบังคับตามเดิมของกรมธรรม์กับบริษัท

2) ยื่นใบแสดงผลตรวจสุขภาพ ว่ามีสุขภาพปรกติ

3) ชำระหนี้สิน ที่เป็นค่าเบี้ยค้างจ่ายพร้อมดอกเบี้ย

4) ชำระเบี้ยประกันที่ขาดชำระ พร้อมดอกเบี้ยทบต้นในอัตราดอกเบี้ยเท่ากับดอกเบี้ยที่ใช้คำนวณเบี้ยประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ + 2%

23. การกู้ยืมเงิน

ถ้าเราจ่ายเบี้ยมาจนทำให้กรมธรรม์ประกันชีวิตฉบับนี้มีมูลค่าเงินสด และเรายังไม่ใช้ใช้สิทธิ์กรมธรรม์เงินสำเร็จหรือขยายเวลา เราสามารถขอกู้เงินจากมูลค่าเงินสดกรมธรรม์ที่มีอยู่ได้ โดยกู้ได้สูงสุดไม่เกินมูลค่าเงินสดที่มีอยู่ หักด้วยหนี้สินใดๆ (ถ้ามี) โดยบริษัทจะคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับดอกเบี้ยที่ใช้คำนวณเบี้ยประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ + 2% แต่ถ้าเราไม่ได้ชำระเงินกู้คืน จนทำให้มูลค่าเงินกู้และดอกเบี้ยค้างจ่ายสูงกว่ามูลค่าเงินสดที่เหลืออยู่ในขณะนั้น กรมธรรม์จะถูกปิดทันที

24. สิทธิในการขอยกเลิกกรมธรรม์

เรามีสิทธิ์ที่จะขอยกเลิกรมธรรม์ประกันชีวิตที่เพิ่งทำได้ ภายใน 15 วันนับตั้งแต่เซ็นเอกสารรับมอบกรมธรรม์จากบริษัท โดยบริษัทจะคืนเบี้ยที่ชำระมาแล้วให้ พร้อมหักค่าใช้จ่าย 500 บาท และค่าตรวจสุขภาพตามจริง (ถ้ามี)