ใคร ๆ ก็อยากที่จะมีชีวิตที่ดี ใคร ๆ ก็อยากจะร่ำรวยขึ้นเพื่อที่จะดูแลคนที่เรารักได้ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร และจัดการการเงินอย่างไรให้งอกเงย เพราะว่าเดี๋ยวนี้การเก็บออมอย่างเดียวคงไม่ใช่คำตอบที่ดี เพราะว่าเงินเฟ้อในปัจจุบันจะทำให้เงินเราด้อยค่าลงเรื่อย ๆ ทุก ๆ วัน แน่นอนครับว่า ถ้าเราต้องการรักษา และเพิ่มมูลค่าให้กับเงินที่เราถือครองอยู่ก็ต้อง “ลงทุน”

การลงทุนในอดีตนั้น ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาฯ ทองคำ ฯลฯ  มักจำกัดเฉพาะกลุ่มที่มีฐานะดี หรือ คนที่มีความรู้ความสนใจเท่านั้น เพราะว่า ในสมัยก่อนถ้าจะเริ่มลงทุนได้ ก็ต้องมีสินทรัพย์ที่มากพอสมควร และกว่าจะมีประสบการณ์ที่โชกโชน จนสามารถที่จะซื้อ-ขายสินทรัพย์ได้อย่างคล่องตัว ก็ต้องใช้เวลาในการศึกษาการลงทุนค่อนข้างนาน เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน และบริหารการเงินไปด้วย ส่งผลให้คนส่วนใหญ่ ไม่กล้าที่จะเริ่มต้นลงทุน ทำให้คนทั่วไปที่มีเงินเก็บ ก็มักจะฝากเงินไว้ในออมทรัพย์ หรือ ฝากประจำ ทำให้เสียโอกาส

แต่ในปัจจุบันการลงทุนเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น ไม่ได้จำกัดแค่การลงทุนในสินทรัพย์แบบเดิม ๆ อีกแล้ว และไม่ได้จำกัดด้วยว่าจะต้องมีเงินทุนเท่าไหร่จึงจะลงทุนได้ ทุกคนสามารถลงทุนเพื่อสะสมความมั่งคั่งได้ โดยอาจเริ่มจาก การลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งข้อได้เปรียบของกองทุนก็คือ ถ้าเราไม่มีเวลาในการบริหารเงิน หรือ บริหารการลงทุนด้วยตัวเอง ก็ใช้มืออาชีพคอยบริหารเงินให้กับเราน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าครับ ดังนั้นเรามาเปลี่ยนแนวคิดเพื่อสร้างเงินให้งอกเงยกันดีกว่าครับ

มาถึงตรงนี้ หลาย ๆ คนก็คงที่จะเริ่มอยากรู้แล้วสินะครับว่า เราจะเปลี่ยนให้ชีวิตดีขึ้น จากการซื้อกองทุน ได้อย่างไร และซื้อได้ที่ไหนบ้าง แน่นอนครับ การซื้อกองทุนที่สะดวกที่สุดก็คงหนีไม่พ้นซื้อที่ธนาคารใกล้บ้านหรือ ใกล้ที่ทำงานแน่ ๆ

แต่ส่วนใหญ่แล้ว จากประสบการณ์ของผม ถ้าเราไปเลือกซื้อกองทุนที่ธนาคาร พนักงานส่วนใหญ่ก็มักจะ “ให้คำแนะนำที่โน้มเอียง หรือเข้าข้าง บลจ. ที่อยู่ในเครือธนาคารนั้น ๆ” แน่นอนว่าคงจะเปรียบเทียบให้เราเห็นแต่แง่ดีของ ธนาคาร และ บลจ. ที่ตนเองทำงานอยู่ เผลอ ๆ จะได้สินค้าอื่นที่ไม่ตรงจุดประสงค์ติดมาด้วย

จากข้อเสียนี้เองครับ จะเห็นว่าการซื้อ-ขายกองทุนเองก็ยังมีความยากลำบาก และยุ่งยากอยู่เหมือนกันเพราะว่าหลังจากเราเปรียบเทียบกองทุนด้วยตนเอง(พยายามไม่ฟังเสียงพนักงาน) ก็จะทราบว่ากองทุนที่ดี ก็อาจจะไม่ได้มีอยู่แค่ธนาคารเดียว และอาจจะทำให้เราพลาดโอกาสในการลงทุนไปก็ได้ แถมเราก็ต้องมาเสียเวลาในการดูแลการลงทุนจัดสรรเงินแบบยุ่งยากมากขึ้น เพราะว่ามีหลายบัญชี จะโอนเงิน สับเปลี่ยนก็ยาก แล้วจะมีวิธีไหนที่จะทำให้เราซื้อกองทุนดี ๆ ข้ามธนาคารได้บ้าง ?

ซึ่งจริง ๆ แล้ว เดี๋ยวนี้ ธนาคารเองก็เริ่มที่จะเปลี่ยนแนวคิดอะไรบางอย่างแล้วนั่นเอง นั้นก็คือ “Open Architecture”

Open Architecture คืออะไร?

หลาย ๆ ท่านคงคิดว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับกองทุน และบริการของธนาคารกันละ ?

อย่างที่ผมได้เกริ่นไปก่อนหน้านี้คือ เป็นไปได้ยากที่ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ดีที่สุดจะมาจาก บลจ. เพียงที่เดียว ดังนั้นการขายกองทุนต่าง บลจ.ในธนาคารเดียวนั้น ก็เปรียบเหมือนการเปิดโอกาส และเป็นการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ที่มีให้ดีขึ้น และนี่แหละคือความหมายของ Open Architecture

ธนาคารเดี๋ยวนี้ก็ได้พัฒนามากขึ้นโดยเน้นความต้องการ และประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นหลัก ต่างจากสมัยก่อนที่มีขอบเขตด้านผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบเดิม ๆ ที่มีกรอบที่แน่ชัด แต่วันนี้ได้ก้าวเข้าสู่ทางเลือกที่มีมากขึ้น รวมทั้งให้โอกาสในการกระจายการลงทุนไปในกองทุนรวมที่หลากหลายเพื่อรับผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ อีกด้วย

3 ข้อดีของ Open Architecture ที่เราจะได้ก็คือ

  1. มีกองทุนดีๆ ให้เลือกลงทุน เปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงกองทุนดีๆ ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้ว มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี จากหลากหลาย บลจ.ได้
  2. ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า เป็นเหมือน One-Stop-Service ให้ลูกค้าเข้าถึงกองทุนดีๆ จากบลจ.ชั้นนำ ได้ในที่เดียว
  3. ใครๆ ก็ซื้อได้ ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่กลุ่มลูกค้าใด กลุ่มหนึ่ง ทุกคนมีสิทธิ์ลงทุนและเข้าถึงความมั่งคั่งได้อย่างเท่าเทียมกัน

ผมเชื่อว่าด้วยแนวคิดแบบ Open Architecture ที่เป็นการตอบสนองความต้องการของนักลงทุน มือใหม่ และมือเก๋าให้ตรงจุดด้วยความรู้ความชำนาญแบบมืออาชีพ และเพื่อที่จะขจัดความไม่สะดวกที่นักลงทุนได้รับมานานจนอาจจะเป็นสิ่งที่เคยชินไปแล้ว ซึ่งปัจจุบันผมเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงดีๆ แบบนี้เกิดขึ้นกับธนาคารพาณิชย์ไทย ที่เริ่มทยอยกันเปิด Open Architecture กันแล้ว...แต่ที่เห็นเปิดให้กับนักลงทุนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการลงทุนนี้ได้ เห็นจะมีแค่แห่งเดียว คือ ธนาคาร TMB ที่ถือได้ว่าเป็นธนาคารไทยแห่งแรกแรกที่รวมเอา กองทุนดี ๆ ที่คัดสรรคุณภาพตามมาตรฐานสากล จากหลากหลาย บลจ.ชั้นนำ เช่น Aberdeen, CIMB Principal, TMBAM, UOBAM ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน มานำเสนอให้ลูกค้าทุกคนมีสิทธิ์ซื้อได้ ไม่จำกัดนักลงทุนกลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง แล้วยังมีสาขามากมายใกล้ๆ ที่ทำงานและในห้างสรรพสินค้า ที่นักลงทุนสามารถเลือกซื้อได้ง่ายๆ ทั่วประเทศ

ผมเชื่อว่าถึงตรงนี้ หลายๆ คนน่าจะเริ่มสนใจการลงทุนแบบ Open Architecture กันบ้างแล้ว เรียกได้ว่า ครบเครื่องเรื่องความสบายใจ ศึกษารายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม และลงทะเบียนรับข่าวสารดีๆ เกี่ยวกับการลงทุนก่อนใคร คลิกที่นี่ ครับ