พูดกันถึงเรื่องออมหุ้นเกี่ยวกับตัวเนื้อหาการประกอบกิจการที่เป็นตัวเลขบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูพวกงบการเงินต่างๆที่บอกว่าธุรกิจมีกำไรไหม มีกระแสเงินสดเป็นอย่างไร มีลักษณะการเติบโตอะเปล่า ตลอดจนมีการกู้หนี้ยืมสินหรือแจกจ่ายเงินปันผลต่อผู้ถือหุ้นยังไงบ้าง เบื่อกันแล้วยังครับตอนนี้ ฮาๆ ผมคิดว่าหลายๆคนก็คงเบื่อแล้วล่ะม้าง มันน่าจะมีอะไรที่มันสนุกกว่านี้ในเชิงของคุณภาพบ้างวันนี้เดี๋ยวเอามาถกกันนะครับ

ปกติแล้วเวลาเราจะดูในเรื่องของการเลือกหุ้นมาลงทุนซักตัวเนี่ย หลักการมันมีอยู่ 2 อย่างคือ การมองในมิติของคุณภาพและปริมาณ วันนี้เราจะมาดูในเชิงของคุณภาพนะครับว่ามีอะไรที่เราจะต้องดูกันบ้าง ไม่เอาพวกตัวเลขล่ะวันนี้ มาดูกันนะครับว่า 5 ข้อนั้นมีอะไรบ้าง

1. ผู้บริหาร

ว่ากันว่า.... (ว่ากันไปละนะ)....

ถ้าผู้บริหารดีมีชัยไปกว่าครึ่ง!

ถ้าเราลงทุนในบริษัทที่ผู้บริหารเก่ง มีคุณธรรม มีความสามารถ ไม่คดโกงคู่ค้า ไม่เบี้ยวเจ้าหนี้ เกรงใจเงินของผู้ถือหุ้น มันก็คงเป็นเรื่องที่ Perfect มากๆเลยนะครับ การลงทุนนั้นเราต้องดูคณะผู้บริหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญเช่นกัน ยิ่งเป็นเรื่องการลงทุนระยะยาว ผู้บริหารนี่ยิ่งสำคัญเลยนะครับ ถ้ากะลงทุนเอากำไรสั้นๆ เรื่องอื่นชั่งมันใครก็ไม่รู้บริหารแต่ขอหุ้นขึ้นก็พอ อย่างงี้พลาดทีแย่เลยนะครับ เราลองคิดง่ายๆก่อนว่าถ้าเรามีเพื่อนซัก 10 คนมาชวนเราไปร่วมลงทุนกับเขาโดยที่เขาเป็นผู้บริหาร จะต้องมีบางคนแน่นอนที่ให้ตายยังไงเราก็จะไม่ไปร่วมด้วยเพราะเราอาจจะไม่ไว้ใจเขาว่าเขาจะเอาเงินของเราไปใช้ให้เกิดประโยชน์จริงไหม การเลือกหุ้นเลือกธุรกิจก็เช่นกันนะครับ เหตุผลเดียวกันนั่นเลยล่ะ

2. ขนาดของบริษัท

ชอบบริษัทใหญ่ๆหรือเล็กๆล่ะ?

บริษัทเล็กใหญ่มันก็มีความแตกต่างกันนะครับ บางคนชอบลงทุนในบริษัทใหญ่ๆเพราะหลายๆอย่างมันมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความได้เปรียบในการผลิต อำนาจต่อรองทางธุรกิจ รวมไปถึงสามารถนำบุคคลากรที่มีคุณภาพเข้ามาร่วมทีมงานได้อย่างไม่ยาก อย่างว่านะครับ บริษัทที่สามารถต่อรองได้ อะไรก็สบาย จะขอเครดิตก็ง่าย จะขอส่วนลดเจรจาการค้าได้มากกว่าอะไร แถมใครๆก็อยากจะมาร่วมทำธุรกิจด้วยเต็มไปหมด

อย่างไรก็ตามแต่ บริษัทเล็กๆก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดี หลายๆครั้งบริษัทเล็กๆก็มีความคล่องตัวในการบริหารงาน บางบริษัทสามารถสร้างกำไรแบบก้าวกระโดดได้ บริษัทเล็กๆหลายอย่างแม้จะไม่สามารถแข่งขันกับรายใหญ่ได้ แต่อาจจะมี Know How และเทคนิคต่างๆที่เป็นแบบเฉพาะตัว สามารถสร้างผลกำไรในตลาดที่ตัวเองเชี่ยวชาญได้นะครับ

3. ลักษณะของสินค้าและบริการ

สินค้าอะไรที่ลูกค้าจะซื้อล่ะ?

ถ้าของในโลกนี้มันเหมือนกันหมด คนที่ขายได้ในราคาถูกก็คงได้เปรียบใช่ไหมครับและคนก็คงเบื่อแย่เลยที่มีแต่สินค้าซ้ำๆกันเต็มไปหมด แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้เรื่องของการสร้างแบรนด์ ยี่ห้อ ลักษณะเฉพาะตัวของสินค้ามีความสำคัญมากๆ บางครั้งเราก็อาจจะดูว่าบริษัทไหนมีกลยุทธ์ในการสร้างสรรสินค้าและบริการอย่างไร เพื่อดูแนวโน้มการเติบโตในอนาคตซึ่งจะสร้างแนวทางเพื่อตัดสินใจในการลงทุนได้ ไม่ว่าจะเป็น

  • มีสินค้าที่เป็นแบรนด์เฉพาะตัวและมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
  • สินค้ามีหลากหลายให้เลือกสรรและมีการพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการเรื่อยๆ
  • มีนวัตกรรมใหม่ๆไม่มีใครเหมือน อาจจะเป็นผู้นำในการคิดค้นสินค้าใหม่ๆที่ไม่มีคู่แข่ง

เราลองสำรวจพฤติกรรมของตัวเองก็ได้ว่า ในปัจจุบันเราชอบทำอะไร ชอบกินอะไร ชอบใช้อะไร ชอบซื้ออะไร ลองไปคุยกับเพื่อนๆดูว่าสิ่งใดที่พวกเราซื้อใช้กันบ้าง ถ้าบริษัทขายของจนเป็นที่นิยมได้ ลองไปส่องผลกำไรของเขาดูก็เป็นแนวคิดที่ไม่เลวเลยนะครับ

4. แหล่งที่มาของเงินทุน

ในการทำกิจการเจ้าของเขาก็จะระดมทุนมา 2 แหล่งเสมอคือ

  • เงินจากการกู้ยืม : ยืมคนนั้นคนนี้ ยืมธนาคาร ยืมนักลงทุน แล้วก็จะคืนเป็นเงินต้นกับดอกเบี้ย
  • เงินจากการลงทุน : เอาเงินมาลงทุนเอง ชวนคนอื่นมาร่วมลงทุน รวยด้วยกัน เจ๊งด้วยกัน เติบโตด้วยกันแจกเงินปันผลเมื่อมีกำไร

การที่เราเป็นนักลงทุนในหุ้นนั้นก็ย่อมจะคาดหวังว่าเราจะเอาเงินไปลงทุนและได้ได้รับผลกำไรจากการลงทุน แต่ถ้าบริษัทที่เราลงทุนอยู่นั้นใช้เงินทุนจากการกู้หนี้ยืมสินก็ย่อมทำให้เกิดภาระต้นทุนทางการเงินที่มาก ซึ่งมีผลต่อความได้เปรียบในการแข่งขันได้ อีกทั้งเมื่อมีภาระหนี้เกิดขึ้นการลงทุนก็อาจจะมีความเสี่ยงต่อการลงทุนของบรรดาเจ้าของก็ได้นะครับ อย่าลืมว่าเจ้าหนี้ยอมได้เงินก่อนเจ้าของเสมอ

5. Trend ของการเติบโต

สิ่งที่จะเอื้ออำนวยการเติบโตของธุรกิจนั้นก็มีทั้งในปัจจัยของ

  • ผู้บริโภคที่กำลังต้องการสินค้าและบริการ
  • เศรษฐกิจดีที่จะอำนวยความสะดวกให้เกิดการใช้จ่าย
  • Trend และ กระแสต่างๆจะต้องมาในทิศทางที่ดี

แน่นอนครับการที่เราจะไปลงทุนในกิจการใดๆหากเราไปลงไม่ถูกที่ถูกทางก็อาจจะทำให้เราไม่ได้รับผลดีในการลงทุนก็ได้ ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆก็คือ ในสมัยที่โลกเราเขาใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อสื่อสารกันไปแล้ว หากเรายังมานั่งลงทุนกับโทรเลข ใครจะมาใช้บริการล่ะ การจับกระแสเทรนก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่สามารถทำให้เราสามารถคาดเดาได้ว่าอะไรจะเติบโต เมื่อเรามาศึกษาข้อมูลที่มากขึ้นเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค สินค้าและบริการนั้นๆอยู่ในกลุ่มที่กำลังมาแรง นั่นก็เป็นโอกาสดีที่น่าลงทุนนะครับ

5 ข้อนี้ก็เป็นหลักคิดง่ายๆในเบื้องต้นสำหรับมือใหม่ในการนำไปพิจารณาเลือกหุ้นเพื่อลงทุนนะครับ ขอให้โชคดีต่อการลงทุนนะครับ

Reference : www.set.or.th