ลงทุนอะไรดี? ….

กลายเป็นคำถามยอดฮิตของคนมีตังค์แต่ไม่กล้าเสี่ยง หลายคนต้องทนรับดอกเบี้ยเงินฝากประจำแค่ 2% ต่อปี เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เงินไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้เต็มที่ทั้งๆ ที่อุตส่าห์เหนื่อยหาเงินมา และการฝากธนาคารก็มีความเสี่ยงเงินด้อยค่าจากอัตราดอกเบี้ยโตไม่ทันเงินเฟ้อ ดังนั้นเราจึงควรหาลู่ทางการลงทุนที่ดีต่อยอดความมั่งคั่งให้กับตนเอง

บนโลกนี้คนรวยนิยมสะสมความมั่งคั่งอยู่ในทรัพย์สิน 2 ประเภทนั่นคือ “หุ้น” กับ “อสังหาริมทรัพย์” เพราะสถิติผลตอบแทนเฉลี่ยในระยะยาวมากกว่า 10% ต่อปี สามารถที่จะเอาชนะเงินเฟ้อได้ และทรัพย์สินเหล่านี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีตลาดซื้อขายรองรับ

จุดเด่นของอสังหาริมทรัพย์1.มีเอกลักษณ์ที่ปริมาณจำกัดและเคลื่อนย้ายไม่ได้ 
 2.มูลค่ามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นสูง ผันผวนน้อย 
 3.สามารถขอสินเชื่อบ้านได้ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด เมื่อเทียบกับสิน เชื่อประเภทอื่น 

“คอนโดมิเนียม” เป็นอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการอยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมสูงสุด  โดยเฉพาะในทำเลที่อยู่ย่านกลางใจเมืองที่ใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก และทำเลที่มีวิวสวยมองเห็นแม่น้ำมองเห็นทะเล ซึ่งแน่นอนว่ามันมีอยู่อย่างจำกัด แต่ความต้องการนั้นมีมาก จึงทำให้ราคาที่ดินปรับสูงขึ้นทุกปี และเร็วกว่าที่ดินในทำเลอื่น

นักลงทุนในอสังหาฯ จึงสนใจคอนโดในทำเลแบบนี้ เพราะได้มูลค่าเพิ่มเป็นโอกาสสร้างกำไรที่ดีตอนขาย (Capital Gain) และได้ค่าเช่าในระหว่างถือครองเป็นโอกาสเพิ่มผลตอบแทน (Rental Yield) แต่นอกจากคอนโดในทำเลที่ผมกล่าวถึงยังมี “คอนโดตากอากาศ” ที่ผมมองว่ามีรูปแบบการลงทุนที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เรียกว่า “Lifestyle Investment” คือ การลงทุนคอนโดปล่อยเช่า โดยมีมืออาชีพช่วยบริหารจัดการให้ครับ และสามารถใช้เป็นห้องพักผ่อนท่องเที่ยวได้ด้วย ซึ่งถือเป็นวิธีการลงทุนที่คุ้มค่าได้ประโยชน์ 2 ต่อ

และคอนโดตากอากาศที่ผมอยากจะพูดถึงในวันนี้ ก็คือ “โครงการ บลูเฟียร์ พัทยา (BluPhere Pattaya)” ที่เพิ่งเปิดโครงการไปช่วงต้นปี 2560 เป็นคอนโดริมหาด เพื่อการลงทุนจาก Habitat Group ผู้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการรูปแบบนี้มาแล้วหลายโครงการ และมีความเชี่ยวชาญทำเลในโซนพัทยา

ก่อนอื่นเรามารู้จักไฮไลท์เด่นๆ ของทำเลในโซนพัทยากันก่อนนะครับ พัทยาได้ถูกจัดอันดับโดย CNN ให้เป็นสถานที่น่าท่องเที่ยวติดอันดับ 1 ใน 20 จากทั่วโลก จึงเป็นทำเลที่เหมาะสมพัฒนาเป็นคอนโดตากอากาศมากที่สุดด้วยความพร้อมด้านต่างๆ ดังนี้

  • พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเกือบ 10 ล้านคนทุกปี
  • พัทยามีคนมาเที่ยวทั้งปี โดยช่วง High กับ Low Season ไม่ต่างกันมาก อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 75% ต่อปีสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ
  • พัทยาเป็นเมืองชายทะเลที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด ใช้เวลาเดินทางเพียง 90 นาที มาได้หลากหลายเส้นทาง
  • พัทยาเป็นแหล่งศูนย์กลางการขนส่งในระดับภูมิภาค (AEC) ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และมีนิคมอุตสาหกรรมล้อมรอบมากมาย นอกจากนี้รัฐบาลยังเร่งพัฒนาโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เพราะมองเห็นโอกาสยกระดับเมืองพัทยาสู่เขตเศรษฐกิจระดับโลก
  • พัทยามีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างสวนน้ำ Cartoon Network สวนน้ำ Ramayana ดึงดูดกลุ่มครอบครัวและวัยรุ่นทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ
  • พัทยามีโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนและการคมนาคมต่างๆ อย่างโครงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาเพื่อการพาณิชย์ให้กลายเป็นสนามบินใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ และโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ ไปยังเมืองพัทยาและสิ้นสุดที่มาบตาพุด ซึ่งทำให้พัทยามีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก

ส่วนรายละเอียดของโครงการ บลูเฟียร์ พัทยา นับเป็นโรงแรมมาตรฐานระดับ 5 ดาว การันตีจาก 3 รางวัลด้านการดีไซน์ จากเวที Thailand Property Awards 2017 ได้แก่

รางวัลชนะเลิศประเภท Best Low-Rise Condo Architectural Design (Resort)

รางวัล Highly Commended ประเภท Best Condo Interior Design 

รางวัล Best Condo Landscape Architectural Design

ผลงานทั้งหมดนี้บ่งบอกถึงคุณภาพ ความงดงาม และการใส่ใจในทุกรายละเอียดเป็นอย่างดี ส่วนที่ทำเลนั้นตั้งอยู่ในซอยนาจอมเทียม 18 ซึ่งห่างจากหาดนาจอมเทียนเพียง 100 เมตรเท่านั้น

ภายใต้การบริหารการเช่าและจัดการโดย BW Premier Collection เป็นแบรนด์พรีเมียมที่สุดในเครือ Best Western โรงแรมชั้นนำระดับโลกที่มีโรงแรมในเครือมากกว่า 4,200 แห่งทั่วโลกจากกว่า 100 ประเทศ บริหารมานานกว่า 70 ปี โดยโครงการมีข้อมูล Fact Sheet ดังนี้ครับ

  • ประเภทโครงการ : คอนโดเพื่อการลงทุน 100%
  • ที่ดินโครงการ : 0-3-97 ไร่
  • รูปแบบและยูนิต : คอนโด Low Rise 1 อาคาร 195 ยูนิต
  • ขนาดห้อง : 1 Bedroom : 21.70 ตร.ม. (Ocean Front & Mountain View) / 1 Bedroom : 26.20 ตร.ม. (Ocean View)
  • การตกแต่ง : Fully Furnished
  • กรรมสิทธิ์ห้องชุด : Freehold
  • ค่าส่วนกลาง : 60 บาท/ตร.ม./เดือน (จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี)
  • สิ่งอำนวยความสะดวก : Lobby / Restaurant and Bar / Business Lounge / Fitness Center / Jacuzzi / Infinity Edge Pool / Sunbathing Deck / Rooftop Garden / Playground / BBQ Area / Cabanas / Rooftop
  • ก่อสร้างเสร็จ : คาดว่าไตรมาส 2/2562
  • ราคา : เริ่ม 2.8 – 3.8 ล้านบาท

ไฮไลท์สำคัญของโครงการนี้ คือ การันตีค่าเช่า 7% ต่อปี รับรายได้ทุกเดือนเป็นเวลา 5 ปี อย่างเช่น ซื้อห้องราคา 2.8 ล้านบาทรับรายได้จากค่าเช่า 2.8 x 7% / 12 = 16,333 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 5 ปี และหลังจากปีที่ 5 จะได้รับผลตอบแทนแบบแบ่งผลกำไร (หลังหักค่าใช้จ่าย) 60% ให้แก่เจ้าของห้อง

ซึ่งการบริหารเป็นโรงแรมตอบโจทย์ในแง่ที่ว่าค่าเช่าแบบรายวันของโรงแรม สูงกว่าค่าเช่ารายเดือนแบบเช่าคอนโด และได้ค่าเช่าต่อเนื่องจริงๆ จากนักท่องเที่ยว ทำให้มั่นใจได้ว่าหลังจากปีที่ 5 แล้วยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี นอกจากนี้หากมองในแง่ Capital Gain ก็สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-5% ต่อปี และเจ้าของห้องยังสามารถเข้าพักฟรีได้สูงสุด 14 วันต่อปีในโครงการอีกด้วย

หากเปรียบเทียบการลงทุนในโครงการ บลูเฟียร์ พัทยา (BluPhere Pattaya) กับการลงทุนคอนโดใจกลางเมืองกรุงเทพฯ มีความแตกต่างกันดังนี้ครับ

 BluPhere Pattayaคอนโดใจกลางกรุงเทพฯ
โครงการเป็นคอนโดเพื่อการลงทุน 100% ในรูปแบบโรงแรมมาตรฐานระดับ 5 ดาวเป็นคอนโดเพื่ออยู่อาศัยและลงทุน
การปล่อยเช่าBW Premier Collection ทำการตลาดและหาผู้เช่าให้เจ้าของหาผู้เช่าเองหรือจ้างนายหน้า
การดูแลรักษาBW Premier Collection ดูแลความสะอาดและความสวยงามเจ้าของดูแลและทำความสะอาดเอง
ผลตอบแทนการเช่าปีที่ 1-5 การันตีค่าเช่า 7% ปีที่ 6 เป็นต้นไป แบ่งผลกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายในอัตรา 60 : 40ไม่ค่อยมีโครงการการันตีค่าเช่าและอาจถูกหักค่านายหน้า
ผลตอบแทนจากการขายมูลค่าเพิ่มจากที่ดินริมหาดในเมืองท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาต่างๆมูลค่าเพิ่มจากที่ดินในเมืองหลวงและโครงการพัฒนาต่างๆ

ใครที่สนใจโครงการ BluPhere Pattaya ดูรายละเอียดได้ที่ https://goo.gl/yJZHHX โดยช่วงนี้ยังได้โปรโมชั่นพิเศษ ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนและค่าส่วนกลาง 2 ปี อยู่นะครับจนถึง 31 ธ.ค. นี้เท่านั้นนะครับ

บทความนี้เป็น Advertorial