“โรคมะเร็ง” สำหรับใครบางคน อาจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไกลตัว คนที่สุขภาพดี ร้อยวันพันปีไม่เคยต้องหาหมอหรือเข้าโรงพยาบาลเลยอย่างเรา ไม่น่าจะมีโอกาสเป็นโรคร้ายแรงแบบนี้ได้

“แต่รู้หรือไม่ว่าจากสถิติแล้ว สาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของคนไทย อันดับ 1 ก็คือการเสียชีวิตจาก โรคมะเร็ง นี่แหละครับ”

จากข้อมูลของ กองยุทธศาสตร์และแผนงานกระทรวงสาธารณสุข ในปี 2560 แจ้งว่า จาก สถิติปี 2559 คนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง โดยเฉลี่ย 118 คน ต่อประชากร 100,000 คน

(http://bps.moph.go.th/new_bps/sites/default/files/health_strategy2559.pdf)

ฟังดูแล้วเหมือนจะน้อย แต่ลองคิดดูว่า ทุกๆ 1,000 คน รอบตัวเราจะมีคนเสียชีวิตจากโรคมะเร็งประมาณ 1 คน มันก็น่ากลัวไม่น้อยนะครับ (และนี่คือนับเฉพาะผู้ที่เสียชีวิตนะครับ ไม่ได้นับผู้ที่ “ตรวจพบ” เป็นโรคมะเร็งอีก ซึ่งถ้านับรวมด้วย สัดส่วนจะต้องสูงกว่านี้อย่างแน่นอน) แถมถ้าเทียบกับปี 2549 แล้วก็จะพบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งนั้นสูงขึ้นเกือบ 45% เลยทีเดียว โดยที่โรคมะเร็งที่คนไทยเป็นกันมากที่สุด ก็คือ “มะเร็งตับ” ตามมาด้วย “มะเร็งปอด” นั่นเอง

ซึ่งจริงๆ แล้วสาเหตุต่างๆ ที่ร่วมกันทำให้เกิดโรคมะเร็งนั้น ล้วนแล้วแต่แทรกอยู่ในวิถีชีวิตในแต่ละวันของเราทั้งสิ้น ตั้งแต่เรื่องอาหารการกิน อารมณ์ความรู้สึก การพักผ่อนและการออกกำลังกาย การใช้เครื่องมือสื่อสาร รวมไปถึงสภาพแวดล้อมต่างๆ ทำให้หากเราปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจการดำเนินชีวิตให้ดี โรคมะเร็งอาจจะยิ่งใกล้ตัวกว่าที่เราคิดก็เป็นได้ เพราะไม่มีใครสามารถการันตีได้ 100% ว่าจะไม่มีทางเป็นโรคมะเร็งได้

ดังนั้น แทนที่เราจะมองข้าม ผมคิดว่าคงดีกว่าถ้าเราวางแผนลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง รวมถึงเตรียมรับมือผลกระทบของมันไว้ล่วงหน้า

นอกเหนือจากการดูแลรักษาสุขภาพ หมั่นออกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ รักษาอารมณ์ให้ดี รวมถึงไปตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปีแล้ว สิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เราควรวางแผนรับมือกับค่ารักษาเอาไว้ให้ดีด้วย แม้เราจะรักษาสุขภาพของเราเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม

เนื่องจาก ถ้าเกิดเราโชคร้ายเป็นมะเร็งขึ้นมาจริงๆ การรักษาโรคมะเร็งนั้นมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ไปจนถึงสูงมากๆ (ตามระดับการให้บริการของแต่ละโรงพยาบาล) ทำให้อาจส่งผลกระทบต่อการเงินของเราและครอบครัว โดยเฉพาะค่าผ่าตัดและค่าฉายรังสีหรือการทำคีโม

ซึ่งการวางแผนรับมือกับค่ารักษาดังกล่าว นอกเหนือจากการเก็บเงินสำรองที่เราเก็บเป็นค่ารักษาแล้ว เราสามารถเลือกทำ “ประกันโรคมะเร็ง” เพื่อสร้างเงินทุนไว้เป็นค่ารักษา หากตรวจพบโรคมะเร็งขึ้นมาได้

โดยลักษณะการทำ ประกันโรคมะเร็ง จะเป็นการเลือกทำวงเงินทุนประกันก้อนใหญ่ แล้วจ่ายเบี้ยประกันเป็นประจำทุกปี (ซึ่งเบี้ยประกันก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยตามอายุที่มากขึ้น) หากตรวจพบโรคมะเร็ง ไม่ว่าจะในระยะลุกลาม หรือไม่ลุกลาม ทางบริษัทประกันก็จะจ่ายวงเงินให้เราเป็นสัดส่วนตามทุนประกันที่ทำไว้ รวมไปถึงอาจมีเงินชดเชยรายวัน ในแต่ละวันที่เราพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจากโรคมะเร็งอีกด้วย (แล้วแต่บริษัท)

ตัวอย่างของประกันโรคมะเร็งที่น่าสนใจ

สำหรับผู้ที่สนใจวางแผนทำประกันโรคมะเร็งเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงของค่ารักษา ที่ผมจะขอยกมาแนะนำในวันนี้ คือประกัน “เจน แคนเซอร์ ซูเปอร์ โพรเทคชั่น” (Gen Cancer Super Protection) แพ็กเกจประกันชีวิต+โรคมะเร็งจาก บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (Generali) ที่มีคอนเซ็ปต์ว่า “ตรวจเจอ อุ่นใจ จ่ายทุกระยะ คุ้มครองรวมสูงสุด 5 เท่า หรือ 15 ล้านบาท”

ซึ่งแพ็กเกจ ประกันชีวิตและโรคมะเร็ง “เจน แคนเซอร์ ซูเปอร์ โพรเทคชั่น” (Gen Cancer Super Protection) นั้น จะจ่ายเมื่อเป็นโรคมะเร็งทุกระยะ รวมถึงกรณีเสียชีวิต รวมความคุ้มครองสูงสุด 5 เท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัย หรือสูงถึง 15 ล้านบาท

  • คุ้มครองตลอดชีวิต 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย จนถึงอายุ 85 ปี
  • หากตรวจเจอมะเร็งระยะไม่ลุกลาม รับเงิน  1 เท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัย
  • หากตรวจเจอมะเร็งระยะลุกลาม รับเงินอีก 3 เท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัย แล้วก็ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันหลักต่อ
  • และถ้าไม่เป็นมะเร็ง ก็ได้รับเงินคืน 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเมื่อมีชีวิตอยู่ครบสัญญา
  • นอกจากนี้ ยังสามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ตามเกณฑ์ของสรรพากร

และจะมีแผนประกันให้เราเลือกอยู่ 4 แผน ดังนี้

ตัวอย่างเช่น หากเราเลือกแผน 2 ที่จำนวนเอาประกันภัย 1,000,000 บาท หากเราตรวจพบโรคมะเร็งในระยะไม่ลุกลาม บริษัทประกันจะจ่ายให้เรา 100% ของจำนวนเอาประกันภัย คือ 1,000,000 บาท แต่หากรักษาไม่หาย จนถึงระยะลุกลาม หรือตรวจพบเมื่อเป็นโรคมะเร็งในระยะลุกลามไปแล้ว บริษัทประกันจะจ่ายอีก 300% ของจำนวนเอาประกันภัย คือ 3,000,000 บาท จากนั้น หากเราเสียชีวิต ไม่ว่าจะกรณีใดๆ (ทั้งจากโรคมะเร็งและไม่ใช่โรคมะเร็ง) บริษัทประกันก็จะจ่ายเราอีก 100% ของจำนวนเอาประกันภัย คือ 1,000,000 บาทเช่นกัน และหากเรามีอายุจนถึง 85 ปี บริษัทประกันก็จะจ่ายเงินครบสัญญาให้เราอีก 100% ของจำนวนเอาประกันภัย คือ 1,000,000 บาท

นอกจากนั้น หากเราตรวจพบเป็นมะเร็งระยะลุกลาม บริษัทประกันก็ยังยกเว้นค่าเบี้ยในส่วนของเบี้ยที่เป็นประกันชีวิตให้เราอีกด้วย จึงเป็นแผนประกันที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการวางแผนทำประกันเพื่อคุ้มครองโรคมะเร็งโดยเฉพาะและต้องการความคุ้มครองชีวิตในทุกๆกรณีไปพร้อมๆกัน

สรุปจุดเด่นและข้อจำกัด ประกันชีวิตและโรคมะเร็ง “เจน แคนเซอร์ ซูเปอร์ โพรเทคชั่น” (GenCancerSuperProtection) จาก บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต

จุดเด่น

  • เป็นแพ็กเกจความคุ้มครองที่รวมทั้งความคุ้มครองชีวิตทุกกรณี และความคุ้มครองโรคมะเร็งเข้าไว้ด้วยกัน
  • จ่ายผลประโยชน์จากโรคมะเร็ง สูงสุดถึง 400% ของทุนประกัน
  • คุ้มครองทั้งกรณีเป็นมะเร็งระยะลุกลาม และไม่ลุกลาม
  • หากตรวจพบว่าเป็นมะเร็งระยะลุกลาม ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยส่วนประกันชีวิตต่อ

ข้อจำกัด

  • คุ้มครองความเจ็บป่วยจากกรณีโรคมะเร็งเท่านั้น
  • ไม่มีเงินชดเชยรายวัน

โรคมะเร็งนั้น เป็นโรคร้ายแรงที่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิด เพราะสาเหตุของการเกิดโรคล้วนแล้วแต่แทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตของเราในแต่ละวัน ซึ่งโอกาสเกิดโรคหรือเสียชีวิตนับวันก็จะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้เราควรจะต้องรู้จักดูแลรักษาสุขภาพ รวมไปถึงการใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ดี และไม่ควรที่จะลืมวางแผนจัดการความเสี่ยงของค่ารักษาโรคมะเร็งเอาไว้ด้วย ด้วยการวางแผนทำประกันโรคมะเร็งอย่างเหมาะสม เลือกแผนความคุ้มครองที่คุ้มค่ากับตัวเราไว้ให้ดีด้วยนะครับ

รับประกันโดย บมจ. เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

บทความนี้เป็น Advertorial