50 ปีที่ผ่านมาครอบครัวคนไทยมีลูกน้อยลงจากเดิมเฉลี่ย 6 คน ปัจจุบันเหลือเพียง 1-2 คน เพราะภาระค่าใช้จ่ายถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนรายได้โตตามไม่ทัน และที่สำคัญอายุขัยเฉลี่ยของคนไทยยืนยาวขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 58 ปีกลายเป็น 75 ปี แถมมีแนวโน้มอายุยืนขึ้นอีกในอนาคต เพราะเทคโนโลยีทางการแพทย์เจริญก้าวหน้าไปมาก ป่วยเป็นโรคร้ายแรงก็มีโอกาสหาย บาดเจ็บสาหัสก็มีโอกาสรอดได้

ผลที่ตามมาก็คือประเทศไทยกำลังเข้าสู่ "สังคมผู้สูงอายุ" โดย 10 ปีที่ผ่านมา ประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นจาก 6.2 ล้านคนเป็น 11.3 ล้านคนในปี 2560 หรือคิดเป็นสัดส่วนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 17% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งนิยามสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) ของสหประชาชาติ หมายถึง สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด หากไม่รีบหาทางแก้ไขคาดว่าสัดส่วนผู้สูงอายุของไทยจะเกินตัวเลขนี้ในปี 2568 (อ้างอิงจากไทยรัฐออนไลน์ ณ วันที่ 5 ม.ค. 2561)

ยิ่งด้านงบประมาณรัฐมีจำกัดจนไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุจำนวนมากขนาดนี้ได้ ยิ่งต้องริเริ่มวางแผนการเงินให้รัดกุมเพื่อป้องกันความเสี่ยงในช่วงวัยเกษียณครับ โดยจากแหล่งข้อมูลนิด้าโพลได้สำรวจภาวะเศรษฐกิจของผู้สูงอายุไทยปี 2559 พบว่า ผู้สูงอายุไทยส่วนใหญ่ ร้อยละ 51.68 ระบุว่า ไม่มีภาระหนี้สินที่ต้องรับผิดชอบ รองลงมา ร้อยละ 48.32 ระบุว่า ผู้สูงอายุมีภาระหนี้สินที่ต้องรับผิดชอบ

โดยในจำนวนนี้ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.32 ระบุว่า มีภาระหนี้สินที่ต้องรับผิดชอบที่เกิดจากการประกอบธุรกิจการค้า การประกอบอาชีพ รองลงมา ร้อยละ 27.09 ระบุว่า เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ร้อยละ 17.49 ระบุว่า เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย บ้าน คอนโด ทาวน์เฮาส์ ฯลฯ ร้อยละ 14.24 ระบุว่า เพื่อเป็นค่าเป็นการผ่อนชำระสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านร้อยละ 10.06 ระบุว่า เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาบุตรหลาน และร้อยละ 0.77 ระบุอื่นๆ ได้แก่ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูพ่อแม่ ค่ารักษาพยาบาล ชดเชยค่าเสียหายจากการถูกฉ้อโกง เป็นต้น (อ้างอิง: นิด้าโพลล์ - ภาวะเศรษฐกิจของผู้สูงอายุไทย 2559)

จากข้อมูลที่แสดงออกมานั้นชี้ให้เห็นว่ากลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่มีภาระกับมีภาระมีสัดส่วนกันเกือบเท่ากันเลยทีเดียว ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดต้องรู้จักพึ่งตนเองโดยการวางแผนสะสมความมั่งคั่งเพื่อวัยเกษียณตั้งแต่ตอนที่ยังมีแรงทำงานไหว โดยหมั่นเก็บออมเงินเป็นประจำ เรียนรู้วิธีการลงทุนให้เงินงอกเงย และกระจายความมั่งคั่งในทรัพย์สินรูปแบบต่างๆ ได้แก่ เงินฝาก ประกัน หุ้น กองทุน อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

ซึ่งอสังหาฯ เป็นทรัพย์สินที่ควรสะสมเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือสร้างรายได้จากการปล่อยเช่า พร้อมรับผลตอบแทนจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งราคาอสังหาฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นทุกปี และไม่ค่อยผันผวนเหมือนหุ้น นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงระดับความมั่งคั่งด้วยว่าฐานะความเป็นอยู่หลังเกษียณต้องดีขึ้นหรืออย่างน้อยเท่ากับก่อนเกษียณ เพื่อใช้ชีวิตยามเกษียณอย่างมีความสุขไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ซึ่งสามารถใช้คำนวณจำนวนเงินที่ควรจะมีในวันเกษียณได้ด้วยวิธีง่ายๆ คือ

ค่าใช้จ่ายต่อปีหลังเกษียณ x 70% ของค่าใช้จ่ายปัจจุบัน x จำนวนปีที่คาดว่าจะใช้หลังเกษียณ

ยกตัวอย่าง คุณตั้งใจจะเกษียณต่ออายุ 60 ปีและคาดว่าจะมีอายุหลังเกษียณต่อไปอีก 20 ปี ถ้าคุณมีค่าใช้จ่ายปัจจุบัน 30,000 บาทต่อเดือน ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณของคุณจะเท่ากับ 21,000 บาทต่อเดือน (30,000 x 70%)  หรือประมาณ 252,000 บาทต่อปี

จากนั้นนำจำนวนเงินที่ได้ต่อปีไปคูณกับจำนวณปีที่คุณต้องการจะอยู่ 252,000 x 20 จะได้เท่ากับ 5,040,000 บาท นี่คือจำนวนเงินที่คุณจะมีใช้ไปตลอด 20 หลังเกษียณตามที่คำนวณอย่างสบายใจครับ หากทำได้ตามแผนที่คำนวณไว้จะทำให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งสุขภาพกายและใจซึ่งเป็นเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้เรื่องเงินครับ ยิ่งอายุมากขึ้นโรคภัยไข้เจ็บก็เริ่มถามหา หยุดทำงานก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า เพื่อนฝูงที่คบเริ่มจากไปก็เกิดความเหงา

ดังนั้น ผู้สูงอายุต้องการการดูแลเป็นพิเศษโดยเฉพาะกลุ่มคนโสดกับครอบครัวที่ไม่มีลูก จึงทำให้เกิดแนวคิดใหม่ในการสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุเป็นสถานที่เพรียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกปลอดภัย บริการทางการแพทย์ที่ดูแลอย่างใกล้ชิด และกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีความสุข ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดบ้านพักคนชราที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นสถานที่สำหรับผู้สูงอายุที่เดือดร้อนในเรื่องที่อยู่อาศัย ขาดผู้อุปการะเลี้ยงดู ฐานะยากจน ไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้ จะเห็นได้ว่าบรรยากาศการอยู่อาศัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

โครงการ Jin Wellbeing County เมืองแนวคิดใหม่เพื่อวัยเกษียณ โดยบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้มีประสบการณ์ด้านโรงพยาบาลมากว่า 40 ปี พัฒนาโครงการนี้โดยรวม 3 ธุรกิจเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ Health Care, Real Estate และ Hospitality เพื่อให้เป็นเมืองที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้สูงอายุ โดยคำนึงถึง กิจกรรม สังคม วิถีชีวิตที่เหมาะสมกับการส่งเสริมดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้ง Body, Soul และ Spirit โดยแพทย์เฉพาะทางและบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และยังใช้โปรแกรมการดูแลแบบเฉพาะบุคคล หรือ Personalized Medicine ที่เริ่มตั้งแต่การตรวจวิเคราะห์ถึงระดับยีน ประเมินความเสี่ยงโรคทางพันธุกรรม เพื่อวางแผนการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันให้ผู้พักอาศัยในโครงการมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

โครงการ Jin Wellbeing County ทำเลที่ตั้งโครงการอยู่ติดถนนใหญ่พหลโยธินขาออก ใกล้ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และอยู่ก่อนถึงมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เดินทางโดยรถยนต์สะดวกมาก ลงจากทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์เพียง 2 กิโลเมตรก็ถึงโครงการ และด้านหลังโครงการมีรถไฟฟ้าสายสีแดงผ่านในอนาคตอีกด้วย

การเดินทางไปสนามบินดอนเมืองก็ง่ายอยู่ไม่ไกล การเดินทางไปต่างจังหวัดโดยรถมุ่งสู่ภาคเหนือ-อีสานก็ต้องใช้ถนนสายนี้ เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โครงการมีพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 140 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางมากถึง 50% เพื่อให้ผู้สูงอายุได้มีโอกาสทำกิจกรรมต่างๆ ได้เจอเพื่อนใหม่มีสังคมในวัยเดียวกันซึ่งเข้าใจกันมากกว่าคนวัยอื่น

การออกแบบเน้น Universal Design “สวยงาม ปลอดภัย ผ่อนคลาย” ภายในห้องคำนึงถึงการใช้ รถ Wheelchair ได้สะดวกในการกลับรถ และทำกิจกรรมต่างๆ พื้นห้องปูด้วยกระเบื้องยาง ไม่ลื่น กันกระแทก และเก็บเสียงได้ดี ส่วนในห้องน้ำใช้กระเบื้องกันลื่น เฟอร์นิเจอร์เลือกใช้ที่เกิดซอกมุมให้น้อยที่สุด ไม่เก็บฝุ่น และทำความสะอาดง่าย ภายนอกห้องจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางตลอดเส้นทางเดินมีราวจับเป็นระยะๆ เพื่อความปลอดภัย มีที่นั่งพักร่มรื่นภายใต้ต้นไม้ใหญ่ มีรถกอล์ฟไว้บริการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน มีลิฟท์กว้างพิเศษที่สามารถขนเตียงเข้าไปได้ โถงลิฟท์ออกแบบมาให้เป็นโถงกันไฟได้ 3 ชั่วโมงตามมาตรฐานของสถานพยาบาล

การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่โครงการให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ภายใต้แนวคิดสุขภาพดีอย่างยั่งยืนแบบครบวงจร (Integrated Healthcare) ด้วยการป้องกัน รักษา และฟื้นฟู ไล่ตั้งแต่ โภชนาการ กิจกรรมเพื่อการผ่อนคลาย การออกกำลังกาย บริการนักจิตบำบัด ระบบติดตามสุขภาพ (Tracking System) โรงพยาบาลฟื้นฟูสุขภาพ ซึ่งโครงการเน้นดูแลกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุที่เป็นคนไทยมากกว่าคนต่างชาติ รวมถึงนักลงุทนที่สนใจลงทุนปล่อยเช่า โดยประเภทห้องมี 2 ขนาด ได้แก่ 1 ห้องนอนขนาด 43 - 46 ตร.ม. และ 1 ห้องนอน (Plus) ขนาด 63 - 66 ตร.ม. ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 4 ล้านบาทหรือประมาณ 94,000 บาทต่อตร.ม. ได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่เหมาะกับผู้สูงอายุ ดังนี้

สิ่งอำนวยความสะดวกภายใน Community Center (ทุก Cluster)

  • ห้องออกกำลังกาย
  • ห้องเล่นเกมส์
  • ห้องสวดมนต์
  • ห้องเอนกประสงค์
  • สระว่ายน้ำ
  • พื้นที่ปลูกผัก 
  • ทะเลสาบ
  • ลู่วิ่ง
  • เลนจักรยาน
  • ทางสำหรับรถเข็น
  • ลานกิจกรรม
  • ลานหินบำบัด

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในอย่าง Wellness Center (หน้าโครงการ)

เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ ด้วยคลาสกิจกรรมบำบัดที่หลากหลาย มุ่งเน้นการปรับสมดุลจากจิตใจสู่ร่างกาย ลดความเสียงการเกิดภาวะซึมเศร้า เพิ่มคุณภาพชีวิตให้มีความสุขยิ่งขึ้น ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพโดยเฉพาะ ประกอบด้วย

  • สระธาราบำบัด
  • บ่อสปาบำบัด ห้องซาวน่า จากุซซี่ ห้องอบไอน้ำ
  • ห้องนวดบำบัด
  • ห้องออกกำลังกาย
  • ห้องเล่นเกมส์
  • ห้องคาราโอเกะ
  • ห้องสวดมนต์
  • ห้องจัดเลี้ยง

บริการทางการแพทย์แบบบูรณาการ (Integrated Healthcare)

สำหรับผู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ อาทิ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่พักฟื้นหลังการผ่าตัด เป็นต้น โดยมุ่งเน้นการฟื้นฟูคุณภาพชีวิตให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ประกอบด้วย

  • ห้องพักคลินิกรักษาโรคทั่วไป 
  • บริการให้คำปรึกษาเภสัชกร 
  • นักกายภาพบำบัด 
  • นักกำหนดอาหารวิชาชีพ 
  • นักโภชนาการ 
  • นักจิตวิทยา 

นอกจากนี้ ทางโครงการยังให้ความสำคัญกับการส่งต่อผู้ป่วย (Effective transfer)  โดยร่วมมือกับสถาบันหลักๆ ในการช่วยเหลือผู้ป่วย ในกรณีป่วยหนัก หรือ ฉุกเฉิน ทั้งในส่วนของเครือโรงพยาบาลธนบุรีเอง และโรงพยาบาลใกล้เคียง ตลอด 24 ชั่วโมง

ระบบรักษาความปลอดภัย

  • ระบบติดตามสุขภาพ (Tracking System)
  • หน่วยพยาบาลฉุกเฉิน ที่เตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง
  • สัญญาณเตือนภัยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ทั้งภายในห้องพัก และรอบโครงการ
  • เจ้าหน้าที่เข้าถึงจุดเกิดเหตุ เพื่อให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที (Emergency Call)
  • รปภ.และกล้อง CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง
  • Smoke Detector ป้องกันอัคคีภัย
  • ระบบจัดการขยะและกลิ่นรบกวน

ร้านค้าภายในโครงการ

  • ร้านอาหาร
  • ร้านสะดวกซื้อ
  • ร้านทำผม

สำหรับคนที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดและลงทะเบียนรับโปรโมชั่นได้ที่ https://goo.gl/xyRcyT หรือโทร 062-802-9999

บทความนี้เป็น Advertorial