สำหรับการเลือกซื้อประกันชีวิตแล้ว สำหรับบางคนอาจดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญเหมือนกับการเข็นครกขึ้นภูเขา โดยเฉพาะกับมือใหม่ (ที่อาจจะเริ่มชายตามามองหาประกันชีวิตเพื่อเอาไว้ใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษี) เนื่องจากความรู้เรื่องประกันชีวิตนั้นหาศึกษาในแบบที่เข้าใจง่ายๆ ได้ยาก ถ้าอยากจะรู้รายละเอียดก็อาจจะต้องถามเอาจากตัวแทน แต่ส่วนใหญ่คนก็กลัวจะถูกเสนอขายทันที แถมเงื่อนไขต่างๆ และภาษาที่ใช้ ก็มักจะใช้ภาษาที่มีลักษณะเป็นทางการที่อาจจะเข้าใจยาก รายละเอียดก็เยอะแยะไปหมด
สุดท้ายบางคนก็ใช้วิธีถามเอาจากเพื่อนๆ หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ตเอา ซึ่งถ้าโชคดีได้เจอคนรู้จริงก็ดีไป แต่ถ้าโชคร้ายเจอคนไม่รู้จริงก็จะยิ่งทำให้เราเข้าใจแบบผิดๆไปกันใหญ่จนอาจทำให้ตัดสินใจเลือกแบบประกันที่ ไม่สอดคล้องกับความจำเป็นของเราจริงๆ มารู้อีกทีก็ตอนทำประกันไปแล้ว
"ดังนั้น วันนี้ผมจะขอแนะนำ 3 ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับมือใหม่ ในการวางแผนเลือกซื้อประกันชีวิตให้ตัวเองได้ง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพ เรียกได้ว่า อ่านจบ
สามารถเดินไปซื้อประกันชีวิตแบบที่คุ้มค่าที่สุดให้กับตัวเองได้เลยทีเดียว ดังนี้ครับ!"
1. เลือกประเภทให้สอดคล้องกับความต้องการ/ความจำเป็น
ก่อนอื่น ต้องรู้ก่อนว่า ประกันชีวิตแบบพื้นฐานมีอยู่ 4 ประเภท และแต่ละประเภท ก็เหมาะกับเป้าหมายที่ต่างกัน ดังนี้
แบบตลอดชีพ
เหมาะกับคนที่เน้นความคุ้มครองชีวิตระยะยาว ไม่เน้นผลตอบแทน เพื่อความมั่นคงในชีวิตของคนที่เราดูแล เช่น สำหรับคนที่มีลูกเล็ก หรือคนที่ต้องการวางแผนสร้างหลักประกันให้กับครอบครัว
แบบชั่วระยะเวลา
เหมาะกับคนที่เน้นความคุ้มครองชีวิตระยะสั้น-ปานกลาง ช่วง 10-20 ปี ไม่มีผลตอบแทน จะได้ผลประโยชน์ก็ต่อเมื่อเสียชีวิตเท่านั้น เพื่อความมั่นคงในชีวิตของคนข้างหลังอีกเช่นกัน เช่น คนที่มีภาระหนี้บ้าน หรือต้องการคุ้มครองลูกในวัยเรียน
แบบสะสมทรัพย์
เหมาะกับคนที่ต้องการการันตีเงินออม ต้องการออมเงิน ไม่เน้นความคุ้มครองมากนัก มีทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว
แบบบำนาญ
เหมาะกับคนที่ต้องการวางแผนเกษียณ สร้างรายได้ที่แน่นอนส่วนหนึ่ง และรับเงินบำนาญหลังเกษียณ
ซึ่งหากเราไม่เข้าใจเงื่อนไขและรายละเอียด ของแบบประกันชีวิตแต่ละแบบ ว่าเหมาะสมกับความต้องการหรือความจำเป็นแบบไหนเราก็อาจไปซื้อแบบที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการหรือความจำเป็นของเราได้
เช่น เราเป็นหัวหน้าครอบครัว มีลูก มีภาระหนี้สิน ก็ควรเน้นคุ้มครองชีวิต ปกป้องครอบครัวก่อน แต่ดันไปซื้อแบบสะสมทรัพย์ที่เน้นออมเงิน แทนที่จะไปซื้อแบบตลอดชีพ หรือแบบชั่วระยะเวลา ที่เน้นคุ้มครองชีวิต ถึงจะเหมาะสมกว่า เพราะให้ความคุ้มครองชีวิตที่สูงกว่า ในจำนวนเบี้ยเท่ากัน เป็นต้น ส่วนใครที่ไม่มีภาระ ก็อาจจะเลือกแบบเน้นออมเงิน อาจจะเหมาะสมกว่า
ดังนั้น ก่อนจะเลือกซื้อ ก็ควรสำรวจความจำเป็นจริงๆ ก่อน
ว่าเราควรเลือกซื้อแบบไหน เพราะอะไร
2. สำรวจงบประมาณจ่ายเบี้ยแต่ละปีให้พอเหมาะ
การซื้อประกันชีวิต สำคัญที่สุดคือ “เราควรจะต้องมีความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันจนครบกำหนดระยะเวลาชำระเบี้ยโดยไม่ต้องใช้สิทธิเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบกำหนดสัญญา” จึงจะได้ประโยชน์สูงสุดจากแบบประกัน โดยทั่วไป คำนวณคร่าวๆ อาจจะไม่ควรเกินประมาณ 10% ของรายได้ทั้งปี (เช่น คนที่มีรายได้เดือนละ 30,000 บาท หรือปีละ 360,000 บาท เบี้ยต่อปีที่เหมาะสมอาจจะอยู่ที่ประมาณปีละ 30,000-40,000 บาท เพราะหากสูงกว่านี้ อาจจะเริ่มรู้สึกเป็นภาระที่หนักเกินไป และจะทำให้ไม่อยากจ่ายเบี้ยปีต่อๆไปได้ จึงเป็นเรื่องที่ควรระวัง)
3. เลือกแบบประกัน ที่มี feature ตรงใจ
แบบประกันบางแบบ จ่ายเบี้ยสั้น แต่เบี้ยประกันสูง บางแบบจ่ายยาวแต่เบี้ยต่อปีไม่แพง บางแบบคุ้มครองยาว หรือบางแบบไม่มีเงินจ่ายคืนเลย แต่ให้ความคุ้มครองสูง เป็นต้น เราก็เลือกดูว่า แบบไหนที่ตรงใจกว่า ก็ต้องลองเอาแต่ละแบบ ในลักษณะเดียวกัน มาเปรียบเทียบกัน แล้วดูว่าตัวไหนที่ตอบโจทย์เรามากที่สุด ก็จิ้มตัวนั้นได้เลย!
เพียงแค่หลักการเบื้องต้น 3 ข้อนี้ ก็อาจจะเพียงพอให้เราสามารถเลือกแบบประกันชีวิตที่ตรงตามความจำเป็น และตรงใจเราที่สุดได้แล้ว แต่ถ้าใครยังรู้สึกว่ายุ่งยาก ซับซ้อน และยังไม่รู้จะไปหาข้อมูลแบบประกันได้จากไหน จะต้องจ่ายเบี้ยเท่าไหร่ยังไงบ้าง
ตอนนี้บริษัทประกันชีวิตหลายบริษัทก็เริ่มที่จะมีระบบมาช่วยเราวางแผนเลือกซื้อแบบประกันให้เราได้ ซึ่งผมก็อยากจะแนะนำ ตัวช่วยออนไลน์ที่ชื่อว่า “My Smile Plan”
มาช่วยเราวางแผนเลือกซื้อได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้วสัมผัส เพียงแค่เราเข้าไปที่ www.muangthai.co.th/mysmileplan
จากนั้นทำตามขั้นตอนง่ายๆ
- ใส่ข้อมูลเบื้องต้น แล้วกด “เริ่มค้นหา”
- จากนั้น “เลือกความต้องการในการทำประกัน”
- เริ่ม “ทำแบบทดสอบ” สั้นๆ
เพียงแค่นี้ ระบบก็จะแนะนำประกันที่เหมาะสมกับเรา และตอบโจทย์ความต้องการของเราที่สุดมาให้ ซึ่งหากเราสนใจ ก็สามารถคลิกเลือกที่ประกัน และใส่ข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมทั้งเลือกความคุ้มครอง ระบบก็จะคำนวณเบี้ยประกันมาให้ พร้อมทั้งให้รายละเอียดของประกันแต่ละราย และสามารถ log in เพื่อกรอกใบสมัคร Online จ่ายเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิตหรือRabbit LINE Payและทำประกัน ได้อย่างสะดวกสบาย
ยุคสมัยนี้ หลายวงการเริ่มมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ซึ่งวงการประกันก็เริ่มมีการนำเข้ามาใช้บ้างแล้ว เราในฐานะผู้บริโภค ก็ควรจะตามเทรนด์ให้ทัน เพราะเทคโนโลยีก็มาช่วยให้เราตัดสินใจเลือกทำประกัน