ผมเคยเขียนเรื่องการลงทุนแบบ “ใส่ไข่ไว้ในตะกร้าหลายใบ” ที่เป็นแนวคิดหลักของการลงทุนแบบ Asset Allocation ทำให้นักลงทุนมองเห็นภาพของการกระจายความเสี่ยงได้ชัดขึ้นไปแล้ว คลิกอ่านได้ที่นี่ได้เลยครับ!

ถ้ามองเรื่องการกระจายความเสี่ยง หลายๆคนอาจจะนึกไม่ออกว่า การกระจายความเสี่ยงที่ดีควรจะเป็นยังไง? แบบไหนถึงจะเรียกว่าการกระจายความเสี่ยงจริงๆ? แล้วหลักการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนมีแนวทางอย่างไร? พูดไป อาจจะมีคำถามออกมามากมายกว่านี้

งั้นครั้งนี้ “นายปั้นเงิน” ขอเขียนเรื่อง Diversified Portfolio หรือวิชาการกระจายความเสี่ยงเบื้องต้น ให้เป็นแนวทางการจัดพอร์ตลงทุนตามความเสี่ยงที่แต่ละคนรับได้ก็แล้วกันครับ

Diversified Portfolio เกี่ยวอะไรกับ Asset Allocation

Diversified Portfolio เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่สื่อความหมายของการกระจายไข่ไว้ในตะกร้าได้เป็นอย่างดี ถ้าพูดในด้านการลงทุนให้ชัดขึ้นก็คือ เมื่อเราวางเงินลงทุนไปในสินทรัพย์สองชนิด หากสินทรัพย์ประเภทหนึ่งเกิดขาดทุน สินทรัพย์อีกชนิดก็ควรจะทำกำไรให้กับเราได้ สิ่งนี้จะทำให้พอร์ตการลงทุนเกิดความเสียหายน้อยที่สุด

นักลงทุนส่วนใหญ่จะใช้หลักการกระจายความเสี่ยงกับการทำ Asset Allocation ควบคู่กันไปตามประเภทของสินทรัพย์ที่ต่างกัน

เช่น การลงทุนในกองทุนรวมหุ้น กับ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ตามสถิติเราพบว่า ถ้าภาพของตลาดหุ้นอยู่ในขาลง กองทุนอสังหาฯจะกลายมาเป็นแหล่งพักเงินจากความกลัวของนักลงทุน เมื่อผลตอบแทนของกองทุนรวมหุ้นไม่ดี แต่องทุนรวมอสังหาฯกลับทำผลตอบแทนได้ดี การกระจายความเสียหายก็จะเห็นได้ชัดขึ้น ตามสัดส่วนที่ได้จัดไว้ตอนวางแผน Asset Allocation

แต่นักลงทุนบางคนก็ไม่ได้กระจายความเสี่ยงลงไปใน Asset categories ที่หลากหลายเสมอไป เช่น นักลงทุนวัยรุ่นที่สามารถรับความเสี่ยงได้ ก็จะนำเงินไปลงทุนในหุ้นสามัญที่มีความเสี่ยงสูงเพียงแค่ประเภทเดียว เพียงแต่กระจายความเสี่ยงไปในหุ้นต่างอุตสาหกรรมเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตหุ้น

ไม่ว่าจะใช้กลยุทธ์ไหนก็ตาม การกระจายการลงทุนสามารถลดความเสี่ยงได้ จากการวางเงินลงทุนไปในสินทรัพย์แต่ละประเภทที่มีลักษณะแตกต่างกัน แต่ก็ไม่แนะนำให้ถือสินทรัพย์ต่างชนิดกันมากเกินไปนะฮะ เพราะมันจะยากต่อการดูแลควบคุม

ลองจัดประเภทของสินทรัพย์ที่อยากนำเงินไปลงทุนตามหลัก Diversification แล้วแบ่งสัดส่วน Asset Allocation ตามความเสี่ยงที่รับได้ และอยู่ในจุดที่สบายใจในการลงทุนตามสัดส่วนนั้นด้วยนะครับ

วิธีการง่ายๆ ในการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนเบื้องต้น

การกระจายความเสี่ยงจะถูกแบ่งออกเป็นสองระดับ

ในขั้นแรกคือ การกระจายความเสี่ยงลงไปใน Asset categories หรือประเภทสินทรัพย์ เช่นเลือกหุ้น ตราสารหนี้ หรือกองทุนรวม เป็นต้น

และขั้นต่อมาคือ กระจายความเสี่ยงเป็นสินค้ารายตัว ภายใต้ Asset categories แต่ละชนิด เช่น พอร์ตหุ้นที่ลงทุนจะจัดสรรหุ้นในอุตสาหกรรมไหนบ้าง กระจายลงไปในหุ้นตัวไหน หรือเลือตราสารหนี้ประเภทไหน ระยะสั้น หรือระยะยาว ถึงตอบโจทย์การลงทุนที่ต้องการได้

แล้วกระจายความเสี่ยงยังไงถึงจะประสบความสำเร็จล่ะ?

นักลงทุนบางคนกระจายความเสี่ยงแบบง่ายๆภายใต้สินทรัพย์เพียงประเภทเดียวผ่าน “กองทุนรวม” แทนที่จะไปลงทุนในสินทรัพย์หลายๆประเภท  

ซึ่งกองทุนรวมจะมีนโยบายเฉพาะที่แตกต่างกันทั้ง กองทุนรวมหุ้นสามัญ กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น เปรียบเสมือนการคัดเลือก Asset Category ไว้ก่อนนั่นแหละ ส่วนหน้าที่ในการเลือกสินค้ารายตัวให้เป็นหน้าที่ของ Fund manager แทนก็แล้วกัน

กองทุนรวมจะอำนวยความสะดวกเรื่องการติดตามผลตอบแทนและง่ายต่อการดูแล เพราะนักลงทุนไม่ต้องเข้าไปทำความเข้าใจในสินทรัพย์ลงทุนอย่างละเอียดมาก มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลซื้อขายให้ด้วย แถมยังใช้เงินในการลงทุนน้อยกว่าไปซื้อสินทรัพย์แยกรายตัวอีกต่างหาก

เป็นไงล่ะลงทุนครั้งเดียวได้สินทรัพย์ตั้งหลายตัว !!!

ถ้าจะลงทุนในกองทุนรวมแล้วอยากให้การกระจายความเสี่ยงเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ก็ควรเลือกกระจายเงินไปในกองทุนรวมที่วางนโยบายต่างกันหลายๆแบบ

แต่ยังไงก็ตาม การลงทุนในกองทุนรวมต้องศึกษานโยบายการลงทุนของกองให้ละเอียดด้วย เพราะเนื้อในนโยบายของกองทุนบางกองก็ไม่ได้กระจายความเสี่ยงเท่าที่ควร อย่างเช่น กองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้นเพียงอุตสาหกรรมเดียว

หากท่านผู้อ่านสนใจการลงทุนแบบ Asset Allocation ที่บริหารพอร์ตโดยผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ในการลงทุนกว่า 10 ปี มีใบอนุญาตในการจัดการกองทุนถูกต้องตามเกณฑ์ของ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ติดต่อมาคุยกันได้ที่หน้าเพจ นายปั้นเงิน ปีศาจแห่งการลงทุน” ได้เลยครับบบบ

ผมยินดีและพร้อมคุยกับทุกคนด้วยความเต็มใจคร้าบบบบ :D

นายปั้นเงิน ปีศาจแห่งการลงทุน