เดี๋ยวนี้ ใคร ๆ ก็รู้ดีว่า การลงทุนเป็นสิ่ง “จำเป็น” ไม่ว่าจะคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน หรือว่า เจ้าของกิจการ ถึงแม้จะรู้ว่า การลงทุนนั้นจำเป็น แต่ปัญหาถัดมาที่พบเป็นประจำคือ ไม่มีเวลาหรือไม่มีความรู้ในด้านการลงทุน หากไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ หรือ ลงทุนแบบ ผิด ๆ ถูก ๆ ก็จะมีโอกาสที่จะทำให้เสียเงินที่เก็บสะสมมา มากกว่าที่จะได้ผลตอบแทนที่ดี


ดังนั้นก็น่าจะดีกว่าหากเราลงทุนผ่านกองทุนรวม ที่มีผู้เชี่ยวชาญในการลงทุน คอยดูแลการลงทุนให้กับเราก็น่าจะดีกว่า และมีกองทุนประเภทหนึ่ง นอกจากจะเป็นกองทุนที่เน้นสร้างผลตอบแทนในระยะยาวแล้ว ก็ยังสามารถที่จะลดหย่อนภาษีได้อีก นั่นก็คือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund) หรือ กองทุน LTF นั่นเอง


LTF มีข้อดีอย่างไรกับนักลงทุน และ ทำไมเราถึงต้องลงทุนใน LTF ด้วย ?


ข้อดีของกองทุน LTF อย่างแรก และเป็นจุดเด่นของกองทุน LTF เลยก็คือ "การลดหย่อนภาษีนั่นเอง" โดยเราสามารถที่จะซื้อกองทุน LTF ได้สูงสุด 15% ของเงินได้ทั้งปี สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท/ปี ถ้ามีการวางแผนภาษีที่ดีแล้วละก็ อาจจะเสียภาษีน้อยลงหรือ อาจจะได้เงินคืนจากสรรพกรเลยก็เป็นไปได้


ข้อดีถัดมาของกองทุน LTF ก็คือ “ได้ลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทน” ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อเราลงทุน เราก็สามารถที่จะคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนได้นั่นเอง โดยผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นก็สูงพอที่จะเอาชนะเงินเฟ้อได้ เอาเป็นว่า ลงทุนในหุ้น เงินลงทุนมีโอกาส


แต่นักลงทุนต้องเข้าใจก่อนนะ ว่าการลงทุนเองก็มีความเสี่ยงเช่นกัน แต่ถ้านักลงทุนรับความเสี่ยงได้ และเราเลือกกองทุน LTF ได้ดี ผมว่าก็มีแนวโน้มที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงคุ้มกับความเสี่ยงที่ต้องลงทุนไป


นอกจากนี้ กองทุน LTF บางกอง ก็สามารถให้เงินปันผลได้อีกด้วย นั่นก็หมายความว่า ถ้านักลงทุนท่านไหนที่คิดว่า อยากจะได้ผลตอบแทนระหว่างการลงทุน ก็สามารถที่จะได้เงินปันผลจากกองทุนได้อีกทางด้วย นับว่าประโยชน์มากมายเลยทีเดียว


นอกจากการลดหย่อนภาษี และ การที่มีแนวโน้มจะได้ผลตอบแทนด้วยนั้น การลงทุนกับกองทุน LTF ก็ยังมีข้อดีแฝงอยู่อีกประการก็คือ ทำให้เรามีเงินก้อนโตในอนาคต เพราะว่าเราจะต้องถือกองทุนLTF เป็นเวลา7ปีปฏิทิน ซึ่งถ้านักลงทุนได้ลงทุนกับกองทุน LTF แล้วก็จะพบว่า ตนเองมีเงินเหลือมากขึ้น แต่อย่าเอาเงินที่ได้จากการลงทุนไปใช้จนหมด ^_^


คิดว่านักลงทุนที่อ่านมาถึงตรงนี้ น่าจะพอตอบได้แล้วว่า ทำไมเราต้องลงทุนกับ 'กองทุน LTF'


วิธีเลือกกองทุนLTFเลือกอย่างไร ?


บ่อยครั้งมากๆ ที่เรามักจะเลือกกองทุน LTF จากความสะดวกสบาย ในการซื้อ หรือ เชื่อคำบอกเล่าจากคนรู้จัก เรียกได้ว่า ละเลยการเลือกกองทุนที่ดี จึงทำให้แทนที่จะได้ผลตอบแทนแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย กลับได้ผลตอบแทนแบบ ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง จึงเป็นที่มาของบทความในวันนี้ ที่จะแนะนำวิธีการเลือกกองทุนที่ถูกต้อง และผลประโยชน์ 3 เด้งจากการลงทุนกับ กองทุน LTF ที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้ว และเป็นกองทุนชั้นนำ


ซึ่งการเลือกกองทุนที่ดี ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร เพียงแค่ เราเลือกกองทุนที่ทำผลตอบแทนระยะยาว 3-5 ปี ได้ดี ย้ำนะ 3-5 ปี เป็นหลัก เนื่องจากว่ามีหลาย ๆ งานวิจัยที่ออกมาบอกว่า กองทุนที่ทำผลตอบแทนระยะยาวๆได้ดี มีแนวโน้มว่าจะทำผลตอบแทนได้ดีต่อไปอีก เช่นเดียวกับนักเรียนที่เรียนดีอยู่แล้ว โอกาสที่จะกลายเป็นเด็กเกเร และผลการเรียนตกต่ำก็ยากมากขึ้นไปด้วย


นอกจากนี้ การที่ดูผลตอบแทนระยะยาว 3-5 ปี เป็นหลักก็จะสอดคล้องกับ ระยะเวลาการลงทุนของกองทุน LTF ที่กำหนดไว้ที่ 7 ปีปฏิทิน ย่ิงไปกว่านั้น การลงทุนระยะยาว ๆ ก็จะทำให้โอกาสในการขาดทุนของกองทุนก็จะลดลงไปด้วย


อีกประเด็นที่น่าสนใจ นอกจากการเลือกกองทุนจากผลตอบแทนย้อนหลังแล้ว ก็คือ กระบวนการเลือกหุ้น หรือ คัดกรองหุ้นที่จะไปลงทุนนั่นเอง เนื่องจากการลงทุนในหุ้นเป็นตัวกำหนด แนวโน้มของผลตอบแทนในอนาคต เพราะว่าถ้าหากผู้จัดการกองทุนมีแนวทางการเลือกหุ้นที่ดี มีหลักเกณฑ์ที่ดูแล้วสมเหตุผล ก็น่าจะทำให้ผลตอบแทนที่จะเกิดขึ้นนั้นมีแนวโน้มที่ดีกว่าการที่ผู้จัดการกองทุนเลือกหุ้นแบบไม่มีระบบ หรือแนวทางที่ไม่ชัดเจนเท่าไหร่


สุดท้าย ก็อย่าลืมเรื่องของ ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนด้วย เนื่องจากว่าเป็น “ต้นทุน” ที่สำคัญในการลงทุนกับกองทุนรวม


ถ้าเราเลือกลงทุนกับกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมแพง แล้วละก็ ในระยะยาวๆ อาจจะได้ผลตอบแทนที่น้อยลงกว่าที่ควรจะได้ก็เป็นไปได้ ซึ่งเราควรที่จะหากองทุนที่มีค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม หรือ ไม่แพงเกินไป หรือถ้าจะแพงก็ควรมีผลตอบแทนที่สูงคุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไปนั่นเอง


สรุปได้ว่าถ้าเราเลือกกองทุน LTF ได้ดีแล้วละก็ ผลที่ตามก็คือ ประโยชน์จากการลงทุนแบบ 3 เด้ง นั่นก็คือ

  • เด้งที่ 1 คือ ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี - อันนี้คงไม่ต้องบอกอะไรมาก พอซื้อกองทุน LTF ปุ๊บ ก็สามารถใช้ในการลดหย่อนภาษีในทันที แต่จะลดหย่อนมากหรือว่าน้อยนั้นขึ้นกับฐานภาษีและภาระทางภาษีของแต่ละคน ซึ่งเราควรคำนวณกันก่อนที่จะซื้อ LTF เพราะว่าถ้าหากซื้อ LTF เกินแล้ว ก็อาจจะมีปัญหาตามมาภายหลัง ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนในกองทุน LTF เองก็เหมือนกับการลงทุนในกองทุนหุ้นอื่น ๆ คือ ถ้าเราเลือกกองทุนได้ดี ก็มีแนวโน้มที่จะได้ผลตอบแทนที่ดี กองทุน LTF เราก็คงจะคาดหวังผลตอบแทนได้ประมาณ 10% ต่อปี ซึ่งก็ถือว่าสูงอยู่พอสมควร
  • เด้งที่ 2 ก็คือ มีเงินเก็บเป็นก้อนไว้ต่อยอดชีวิต - เนื่องจากการลงทุนใน LTF นั้น จะต้องลงทุนอย่างน้อย ๆ 7 ปี ปฏิทิน ซึ่งนานพอที่จะทำให้เรามีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน และความเสี่ยงจากการลงทุนเองก็น้อยลงมาก ๆ และยิ่งเราลงทุนต่อเนื่องทุกปี ก็จะทำให้เรามีเงินเก็บพอที่จะเอาไปต่อยอดทำอย่างอื่นได้ ซึ่งผมเชื่อว่า ถ้าเรามีวินัยในการลงทุนแล้วละก็ เงินที่ได้จากการลงทุนใน LTF ไม่ใช่เงินก้อนเล็ก ๆ อย่างแน่นอน






  • เด้งที่ 3 คือ มีความสบายใจ และมีความรู้ในการลงทุนมากขึ้น - ถ้ากองทุนที่เราถืออยู่นั้น เป็นกองทุนที่ดี มีกระบวนการการลงทุนที่ถูกใจแล้วละก็ คงไม่ทำให้เรากังวล และเป็นห่วงมากนัก ในทางกลับกัน หากเราลงทุนกับกองทุน LTF ที่ไม่ดี หรือ ไม่เข้าใจกระบวนการ การลงทุนของกองทุนแล้วละก็ เวลาที่กองทุนผันผวนไปบ้าง ก็อาจจะทำให้เราอยู่ไม่สุข บางครั้งสับเปลี่ยนกองทุนออกจากกองทุนที่ถืออยู่ สุดท้ายหนีเสือปะจระเข้ คือ ไปเจอกองทุนที่แย่กว่า แถมกองทุนที่เราสับเปลี่ยนออกมา ปรับตัวดีขึ้นซะงั้น ทั้งนี้เพราะว่าเราไม่เข้าใจกระบวนการการลงทุน และเข้าใจกองทุนที่เราถือ







ประโยชน์ 3 เด้ง จากกองทุน LTF ชั้นนำ


เป็นอย่างไรกันบ้าง คิดว่าน่าจะได้ความรู้กับการลงทุนในกองทุน LTF มากขึ้น ผมหวังว่า นักลงทุนในกองทุนรวมทุกท่าน น่าจะได้ประโยชน์ไปไม่น้อย แต่ที่สำคัญกว่าความรู้คือ การลงมือทำ ใครที่ยังไม่มีกองทุน LTF ในมือ และมีภาษีที่ต้องเสียอยู่ ก็เริ่มคิดเงินที่ต้องซื้อกองทุน LTF และลงทุนกันได้เลยนะ เดี๋ยวช้าไปอาจจะทำให้เราลืม รู้สึกตัวอีกทีก็สิ้นปีไปแล้ว เวลาซื้อกองทุน LTF สิ้นปีมีแนวโน้มได้ราคาแพงกว่าการทยอยซื้อนะจะบอกให้….

แล้วพบกันครั้งหน้าวันนี้ลาไปก่อน สวัสดีครับ นักลงทุนทุกท่าน