หนึ่งในสิ่งที่เรามักจะนึกถึงเวลาสนทนาในเรื่องการแต่งงานก็คงจะหนีไม่พ้นคำว่า “สินสอด” ซึ่งก็คือเงินทองที่เจ้าบ่าวจะต้องนำไปขอกับพ่อแม่เจ้าสาวตามที่ตกลงไว้ ในสมัยก่อนฝ่ายชายจะเป็นผู้หามาให้ด้วยการทำงานเก็บเงินด้วยตัวเอง แต่ด้วยสภาพสังคมในปัจจุบันที่ต้องแข่งกับตัวเองมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานแลการสร้างฐานะให้ตัวเอง การหาเงินก้อนเพื่อนำมาเป็นสินสอดมีการเปลี่ยนแปลงไปมากยิ่งขึ้น

 

ในปัจจุบันสิ่งที่ผมได้สังเกตจากเพื่อนๆที่ได้แต่งงานไปแล้ว หากคนที่มีฐานะปานกลาง ทำงานเป็นพนักงานประจำของบริษัทนั้น เมื่อจะแต่งงานก็มีการบริหารจัดงานเงินสินสอดที่เปลี่ยนไป เนื่องจากสภาพสังคมที่ต้องแข่งขันและการสร้างฐานะมีความยากลำบากยิ่งขึ้น ทำให้ฝ่ายหญิงได้มีบทบาทในการเข้ามาช่วยในการจัดงการสินสอดร่วมกับฝ่ายชาย โดย

1. ตั้งเป้าหมายการแต่งงาน

โดยมีการกำหนดร่วมกันว่าจะแต่งเมื่อไร ขึ้นอยู่กับความพร้อมทั้งสองฝ่าย เพื่อที่จะกำหนดแผนการออมเงินเพื่อใช้ในเรื่องสินสอดและการจัดงานแต่งงาน

 

2. กำหนดแผนออมเงินและสร้างวินัยทางการเงิน

โดยมีการหักเงินเข้าเป็นกองกลางโดยที่ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะมีการสมทบเงินร่วมกันเป็นรายเดือน การสร้างวินัยดังกล่าวจะทำให้สามารถบรรลุถึงเป้าหมายในการออมเงินเพื่อการแต่งงานได้

 

จากข้อสังเกตการบริหารเงินของคู่บ่าวสาวข้างต้น หลังแต่งงานแล้วได้ประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตร่วมกันเกือบทุกคู่ เนื่องจากการสร้างวินัยทางการเงินนั้นได้เริ่มมาก่อนการแต่งงาน ทำให้การวางแผนการเงินในเรื่องต่างๆถูกนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการการท่องเที่ยว การมีบุตร การวางแผนการศึกษาให้บุตร ตลอดจนการวางแผนเกษียณอายุและส่งต่อความมั่งคั่งให้กับลูกหลาน การช่วยเหลือเกื้อกูลกันเช่นนี้นอกจากจะทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายการสร้างความสุขทางการเงินของครอบครัวได้ ยังสามารถสร้างความสุขและความสัมพันธ์ระหว่างกันได้อีกด้วย