[WEEKLY OUTLOOK กับอัศวินกองทุน]
สรุปภาพรวมการลงทุน ช่วงวันที่ 12-16 ธันวาคม 2559
สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้วกับ Weekly Outlook ครั้งที่ 26 นี้ ทุกคนยังอยู่กับผม “อัศวินกองทุน” เจ้าเก่าเจ้าเดิม ที่จะมาเพิ่มเติมกับแนวโน้มการลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 12 - 16 ธันวาคม 2559 ครับ
ก่อนจะเข้าเรื่องหลัก ขอพักอัพเดทกันให้ฟังก่อนครับว่า เงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา รวมไปถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่ได้ทำไปมากแล้ว จะกลายเป็นตัวช่วยสนับสนุนให้เงินดอลลาร์ฯ มีโอกาสอ่อนค่าลงหลังจากการประชุม Fed ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นครับ แบบนี้คงต้องจับตาตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั้งหลายให้ดีครับ รับรองว่าจะทำให้การลงทุนของเรานั้นได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มอย่างแน่นอน
เอาล่ะครับ เรามาดูกันเลยว่าภาพรวมการลงทุนในสัปดาห์นี้เป็นยังไงกันบ้างครับ
สรุปภาพรวมประจำสัปดาห์
“จับตาทิศทางค่าเงินดอลลาร์ฯ หลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ”
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (+)
ผมมองว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯคนล่าสุดจะเน้นนโยบายที่สนับสนุนธุรกิจต่างๆ เช่น การลดภาษี และการผ่อนคลายกฎระเบียบ ซึ่งเป็นผลดีต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าการคาดการณ์ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นต่อไป แบบนี้ถือว่าเป็นเหตุผลที่เราจะเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐกันต่อครับ
ตลาดหุ้นยุโรป (+)
ถึงแม้ประชาชนอิตาลีจะลงมติไม่เห็นชอบให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ตลาดหุ้นให้น้ำหนักต่อภาวะเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ปรับตัวดีขึ้นมากกว่า คาดว่าตลาดหุ้นจะปรับขึ้นได้จากปัจจัยบวกด้านปัจจัยพื้นฐาน ขณะที่ประเด็นการเมืองจะยังไม่มีความเสี่ยงไปจนถึงปลายไตรมาส 1 ปี 2560 แบบนี้ก็เป็นโอกาสในการลงทุนของยุโรปกันบ้างเช่นกันครับ มาครับ มาเพิ่มการลงทุนกันเถอะ
ตลาดหุ้นจีน (A-SHARE + / H-SHARE +)
ทางฝั่งตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีกว่าการคาดการณ์ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะหุ้น A-SHARE ขณะที่ตลาดได้คาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ไว้มากแล้ว ทำให้เงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าลงหลังการประชุม Fed ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่อย่างจีน แต่ทางตลาด H-SHARE ก็ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยตามทิศทางตลาดในภูมิภาค ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ผมยังมองว่าควรจะเพิ่มสุดส่วนการลงทุนกันต่อไปอยู่ครับ
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น (=)
ตลาดหุ้นตอบรับข่าวดีจากเงินเยนอ่อนค่าไปแล้วค่อนข้างมาก อีกทั้งในสัปดาห์หน้าซึ่งจะมีการประชุมนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ซึ่งถ้าหากไม่ได้ปรับเป้าดอกเบี้ยขึ้น จะส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน และที่ผ่านมาผมเห็นว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นค่อนข้างเร็ว นั่นย่อมแปลว่าในตอนนี้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แบบนี้ผมแนะนำคงการลงทุนเพื่อดูท่าทีกันไปก่อนครับ
ตลาดหุ้นเกาหลี (+)
ปัจจัยบวกที่ยังคงทำให้ตลาดหุ้นเกาหลีปรับตัวสูงขึ้นได้อีก คือ การเพิ่มงบเบิกจ่ายภาครัฐในปี 2560 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ผมมองว่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ไปมากแล้ว จะทำให้เงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าลงหลังการประชุม Fed ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่อย่างเกาหลี ดังนั้นแนะนำเพิ่มสัดส่วนการลงทุนครับ
ตลาดหุ้นไทย (+)
ราคาน้ำมันยังเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของหุ้นในกลุ่มพลังงาน คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความคืบหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเม็ดเงินจากการลงทุนใน LTF ช่วงโค้งสุดท้ายของปีแบบนี้ ผมว่าควรจะต้องเพิ่มสัดส่วนการลงทุนซะหน่อยแล้วล่ะครับ
ตลาดหุ้นอินเดีย (+)
ตลาดปรับตัวสะท้อนความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับผลกระทบจากการยกเลิกธนบัตรมูลค่าสูงไปมากแล้ว ประกอบกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาสอดคล้องกับการคาดการณ์ช่วยประคับประคองการปรับตัวลงของตลาด ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง ผมคิดว่าดังนั้นควรลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียบางส่วนลงครับช่วงนี้
เงินสดและกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น (-)
เมื่อความผันผวนของตลาดหุ้นมีแนวโน้มลดลง นักลงทุนควรลดการถือครองเงินสด และหาการลงทุนที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นเหมือนเช่นเคยครับ
น้ำมัน (+)
ทางฝั่งราคาน้ำมันจะยังมีปัจจัยสนับสนุนอยู่ เช่น การลดกำลังการผลิตจาก OPEC และความต้องการน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปัจจัยที่ต้องติดตามคือราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจทำให้ผู้ผลิตน้ำมันที่มีต้นทุนไม่สูงมาก สามารถกลับมาผลิตได้อีก ตรงนี้อาจจะกดดันราคาน้ำมันได้ครับ ถ้าหากใครกำไรพอใจแล้ว ผมแนะนำให้ขายทำกำไรมาส่วนหนึ่ง แต่ถ้าหากใครมองว่าราคาตรงนี้เป็นโอกาส ผมว่าไม่ควรพลาดที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนนะครับ
ทองคำ (+)
ราคาทองคำจะปรับลดลงสะท้อนปัจจัยลบไปแล้วค่อนข้างมาก จึงทำให้มีโอกาสปรับลดลงไม่มากนัก แต่ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมนโยบายการเงินสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะส่งผลให้ราคาทองคำยังคงมีความผันผวน ผมแนะนำให้ลดการลงทุนในทองคำลงบางส่วนครับ
ตราสารหนี้ไทย (=)
ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลไทยช่วงอายุ 1-3 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้นต