สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุนยุค Digital กลับมาแล้วครับ

ปลายปีแบบนี้ สถานการณ์โดยรวมเหมือนจะมีความผันผวนมาก เทคนิคช่วงนี้ผมแนะนำให้ทยอยสะสมในตลาดที่สนใจได้ทุกตลาด แต่ขออนุญาตยกเว้นสหรัฐฯไปก่อนนะครับ

สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญที่น่าสนใจลงทุน พร้อมกับมุมมองแบบนี้ได้ทุกสัปดาห์ ที่นี่ที่เดียวครับ

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 24 ธันวาคม 2561 - 4 มกราคม 2562

ช่วงปลายปีแบบนี้ ผมยังคงแนะนำทยอยสะสมได้เรื่อยๆ ทุกตลาดครับ ยกเว้นสหรัฐฯ เท่านั้นที่ต้องชะลอกันไปก่อน

เหตุผล : เนื่องจากภาพรวมของเศรษฐกิจโดยรวมยังทรงๆ อยู่ แต่ดูตลาดทั่วโลกส่วนใหญ่แล้วมูลค่าต่ำกว่าพื้นฐาน จึงเป็นโอกาสที่จะหาจังหวะทยอยสะสม

Focus : ทุกตลาดยกเว้นสหรัฐฯ

ความน่าสนใจ : พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวดี GDP ญี่ปุ่นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในปีหน้า ขณะที่ฝั่งยุโรป จีน เกาหลี มีมูลค่าน่าสนใจให้สะสมต่อไป

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bps จาก 2.25% เป็น 2.50% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และจากแถลงการณ์ของ Fed ที่ส่งสัญญาณนโยบายการเงินขยายตัวแบบประนีประนอม(Dovish)  ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 2562 และมีการปรับคาดการณ์ GDP ในปีหน้าลง

ส่วนทางฝั่งไทยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.50% เป็น 1.75% เพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพของระบบการเงิน และมีการปรับคาดการณ์การเติบโต GDP ไทยในปีหน้าลงครับ

นอกจากนี้การประชุมงานเศรษฐกิจส่วนกลาง (CEWC) ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์หารือเรื่องการขยายตัวและการปฏิรูปของจีน หลังจากที่เศรษฐกิจจีนเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงในปีนี้ เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้สกุลเงินหยวนแข็งค่ามากขึ้น

ตอนนี้ผมแนะนำให้จับตาดูการประชุมระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ภายในต้นเดือนมกราคม 2562 ซึ่งทั้ง 2 ประเทศกำลังวางแผนจัดทำเอกสารข้อตกลงทางการค้า ส่งผลให้ความตึงเครียดสงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เริ่มผ่อนคลายลง และกดดันดอลลาร์สหรัฐฯ ให้อ่อนค่าลงซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ

ภาพรวมการลงทุน

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

สัปดาห์นี้แนะนำให้ชะลอการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ เหมือนเดิมครับ ด้วยเหตุผลด้านเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง จากการหดตัวของราคาตลาดบ้านและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มถูกปรับตัวลดลงอีกด้วยครับ

สรุปสั้นๆ : ชะลอต่ออีกสักระยะครับ

ตลาดหุ้นยุโรป

ยังสะสมหุ้นยุโรปได้เรื่อยๆ ครับ แม้เศรษฐกิจยุโรปยังคงปรับตัวลดลง จากนโยบายการยื่นขาดดุลการคลังของ Italy และการเจรจาการ Brexit แต่ด้วยราคาหุ้นปัจจุบันที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต ประกอบกับที่นักวิเคราะห์มองว่าผลประกอบการยังดีอยู่ ผมจึงมองว่าตอนนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยสะสมต่อไปได้ครับ

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อได้อยู่ครับ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

จากการคาดการณ์ตัวเลข GDP มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชนที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งแรงสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐฯ และนโยบายการเงินของ BOJ จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องครับ เรียกว่าปัจจัยดีๆ ยังมีอยู่ต่อครับ ดังนั้นแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นญี่ปุ่นต่อไปครับ

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมตามจังหวะครับ

ตลาดหุ้นเกาหลี

ยังคงวิเคราะห์ตามเดิม สามารถสะสมกันต่อไปได้ จากปัจจัยเรื่องตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI Index) ที่เคยพูดไว้ และ Valuation ถูกปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 13 ปี ทำให้มี Downside Risk ลดลง และราคาสะท้อนถึงความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกไว้แล้ว จึงเป็นโอกาสดีในการเข้าสะสมครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อได้เรื่อยๆ ครับ

ตลาดหุ้นอินเดีย

ปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อยสำหรับราคาหุ้น Niffy ในสัปดาห์นี้ แต่ปัจจัยในการลงทุนยังคงเหมือนเดิม คือ สะสมต่อไป จากค่าเงินรูปีกลับมาแข็งค่าจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมา และเศรษฐกิจของประเทศอินเดียที่ยังคงขยายตัวได้ดี

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมเช่นเดิมครับ

ตลาดหุ้นไทย

แม้ว่าตอนนี้ใครจะรู้สึกท้อกับหุ้นไทยก็ตาม ทั้งการปรับตัวลงมาตามราคาน้ำมันโลก และได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของภาคการส่งออกต่างๆ  แต่ผมยังมองเหมือนเดิมครับ ว่าพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดีนั้นยังมีอยู่ ทั้งเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน LTF RMF ช่วงปลายปี ทั้งปัจจัยเรื่องการเลือกตั้ง ดังนั้นยังสะสมต่อไปได้ครับ แต่ให้ทยอยสะสมละกันครับผม

สรุปสั้นๆ : ค่อยๆ ทยอยสะสมไปครับ

ตลาดหุ้นจีน

มาถึงตลาดสุดท้ายแล้ว ดูๆ แล้วตลาดหุ้นในหลายๆ ประเทศ ยังคงมีปัจจัยในการลงทุนไม่ต่างจากสัปดาห์ที่แล้วมากนัก เช่นเดียวกันกับตลาดจีน แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลงมามากในสัปดาห์นี้ ผมยังมองว่าสามารถสะสมได้ทั้ง หุ้น A-SHARE และ H-SHARE ครับ จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น การลดภาษีสินค้าการนำเข้า หรือการลดภาษีนิติบุคคล

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อได้ครับ

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์

ตลาดตราสารทุน : ทยอยสะสมหุ้นญี่ปุ่น หุ้นยุโรป หุ้นไทย หุ้นเกาหลี หุ้น H-Share หุ้น A-Share และหุ้นอินเดีย

ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลดการลงทุนในตราสารหนี้ที่ต่ำกว่า Investment Grade ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยระยะสั้นเนื่องจาก ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.5% เป็น 1.75%

สินทรัพย์ทางเลือก : ทยอยสะสมน้ำมันและซื้อทองคำ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 42%
  • ตราสารหนี้ไทย 46%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 22%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 17%
  • ตราสารหนี้ไทย 24%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 38%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3%
  • ตราสารหนี้ไทย 8%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

“ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 20 ธันวาคม 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป

โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง