ช่วงที่ผ่านมาอภินิหารเงินออมเปิดคอร์สการเงินกลุ่มเล็กๆ 10 คนที่เชียงใหม่และรับติวคนเดียวส่วนตัวที่ กทม. การติวใกล้ชิดแบบนี้ทำให้รู้ว่าแต่ละควรอธิบายอย่างไรถึงจะเข้าใจ เพราะแต่ละคนมีการรับรู้แตกต่างกัน ล่าสุดน้องคนหนึ่งกำลังหาข้อมูลเรื่องประกันชีวิตควบการลงทุน เขาอ่านมาหลายเว็บมีเฉพาะคำอธิบาย แต่ไม่บอกว่านำมาใช้งานอย่างไร อ่านในกระทู้แล้วยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่

อภินิหารเงินออมลองอธิบายในสไตล์ตัวเองให้ฟังและเขียนโพสต์บนเพจ หลายคนบอกเข้าใจง่าย จึงนำทั้งหมดมารวบรวมเขียนไว้ในบทความนี้ เพื่อเป็นแนวทางสร้างทางเลือกเก็บเงินให้ตัวเองนะจ๊ะ

การเลือกวิธีการเก็บเงินก็เหมือนการเลือกใส่เสื้อผ้า

ในแต่ละวันเราเลือกใส่เสื้อผ้าแบบไหน มันขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราจะไป เช่น งานศพ งานบวช งานแต่ง งานขึ้นบ้านใหม่ ชุดทำงาน ชุดว่ายน้ำ ชุดวิ่ง ฯลฯ เราไม่สามารถใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นไปร่วมทุกงานนี้ได้ เรียกง่ายๆว่าควรเลือกใส่เสื้อผ้าให้เหมาะกับกาลเทศะ วิธีเก็บเงินก็เช่นกัน เราจะเก็บเงินที่ไหนควรเลือกให้เหมาะกับเป้าหมายการเงินของตัวเอง

ยิ่งรู้จักผลิตภัณฑ์การเงินมากเท่าไหร่ เรายิ่งมีทางเลือกในการออกแบบวิธีเก็บเงินให้ตัวเองมากขึ้นด้วย เมื่อรู้เยอะเราสามารถนำมาเปรียบเทียบเพื่อดูว่าจุดเด่นของผลิตภัณฑ์การเงินแบบไหนเหมาะสมกับเป้าหมายการเงินของเรามากที่สุด เรามาดูตัวอย่างจริงเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น

ตัวอย่าง เก็บเงินปีละ 14,000 บาท ผ่านไป 2 ปี เงินต้นรวม 28,000 บาท มีผลลัพธ์แตกต่างกันอย่างไร

กองทุนรวม

จุดเด่น คือ เน้นการลงทุน ให้เงินทำงานทำให้เงินเติบโต เราได้รับเงิน 2 แบบ คือ

1. ถอนออกมาใช้ได้

จากเงินลงทุนปีละ 14,000 บาท ผ่านไป 2 ปี เงินต้นรวม 28,000 บาท สมมติว่าได้รับผลตอบแทน 3.2% เงินจะเติบโตประมาณ 28,488 บาท ระหว่างทางถ้าต้องการใช้เงินสามารถขายกองทุนนำเงินออกมาใช้ได้

2. เสียชีวิต

หากทุพพลภาพหรือเสียชีวิต เรามีเงินจากกองทุนรวมนี้เลี่้ยงดูตัวเองในช่วงทุพพลภาพหรือให้ครอบครัวประมาณ 28,488 บาท (อาจจะน้อยหรือมากกว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนในขณะนั้น)

ข้อควรระวัง

  • กองทุนรวมซื้อขายได้ตลอดเวลา บางช่วงติดลบหนักๆ 10 - 20% อาจจะทำให้เราหยุดการซื้อแบบ DCA หรือขายทิ้ง เสียวินัยการลงทุนเพราะความหวั่นไหว ทำให้แผนการเงินระยะยาวที่วางไว้เสียหายได้ 

ประกันชีวิตควบการลงทุน

จุดเด่น คือ เน้นคุ้มครองชีวิต สมมติว่าเบี้ยประกันปีละ 14,000 บาท ซื้อความคุ้มครองชีวิต 1,000,000 บาท ได้รับเงิน 4 แบบ คือ

1. ถอนออกมาใช้

เบี้ยประกันที่จ่ายปีละ 14,000 บาท รวม 2 ปี คือ  28,000 บาท หลังจากหักค่าใช้จ่ายประกันชีวิตแล้วเหลือเงินส่วนหนึ่งไปซื้อกองทุนรวม 8,039.42 บาท ได้รับผลตอบแทน 3.2% เงินเติบโตประมาณ 8,296.41 บาท หากจำเป็นสามารถถอนเงินส่วนนี้ออกมาใช้ได้ ถ้าถอนตั้งแต่ปีที่ 3 จะไม่เสียค่าธรรมเนียมการถอน

2. ทุพพลภาพ

ถ้าเราทำงานไม่ได้นอนรักษาตัวอยู่บ้าน แต่ทุกวันก็ต้องมีค่าใช้จ่าย เรามีเงินก้อนแรกดูแลตัวเอง 1,000,000 บาท มาจากความคุ้มครองทุพพลภาพของประกันชีวิต 

3. ทุพพลภาพและเสียชีวิต

โชคร้าย 2 ต่อ คือ ทุพพลภาพไปไม่กี่ปีแล้วเสียชีวิต หลังจากได้รับเงินก้อนแรกจากทุพพลภาพ 1,000,000 บาทแล้ว เสียชีวิตมีเงินดูแลครอบครัว 1,008,296.14 บาท (อาจจะน้อยหรือมากกว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนในขณะนั้น)  

4. เสียชีวิต

มีเงินก้อนดูแลครอบครัว 1,008,296.14 บาท (อาจจะน้อยหรือมากกว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนในขณะนั้น)

ข้อควรระวัง

  • แม้ว่าถอนเงินออกมาใช้ได้ แต่ไม่ควรถอนมากเกินไปเพราะจะทำให้ความคุ้มครองจากประกันชีวิตหมดลงได้ 
  • ประกันควบการลงทุนที่ขายอยู่ในตลาดมีให้เลือกหลายรูปแบบ มีความซับซ้อนและประยุกต์ใช้ได้หลายเป้าหมายการเงิน เราควรตั้งเป้าหมายการเงินก่อนว่าตัวเองต้องการอะไรแล้วจึงมาจับคู่กับประกันควบการลงทุน เช่น
    • ต้องการเก็บเงินก้อนไว้ตอนเกษียณ แล้วทยอยถอนใช้รายปี 
    • ต้องการความคุ้มครองสูงเพื่อสร้างหลักประกันให้ครอบครัว 
    • ต้องการสร้างกองทุนดูแลสุขภาพเพื่อสร้างระบบถอนอัตโนมัติจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพเองได้ 
    • ต้องการสร้างเงินเป็นทุนการศึกษาให้ลูก ถอนค่าเทอมให้ลูกได้แบบรายปี  

เรื่องจริงของการลงทุน

อภินิหารเงินออมเคยทำงานเป็นผู้แนะนำการลงทุนในตลาดหุ้น ผ่านทั้งช่วงหุ้นขึ้นอู่ฟู่ซื้อหุ้นอะไรก็ได้กำไรกับช่วงเลวร้ายหุ้นตก 100 จุดภายใน 1 วัน เจอลูกค้าต้องเติมเงิน TFEX บางคนเคยมีกำไรได้จับเงินล้านแต่ไม่นานก็กลายเป็นหนี้เพราะเก็งกำไรผิดด้าน บางคนเทรดบัญชีมาร์จิ้นไม่ได้เติมเงินช่วงหุ้นตกจนถึงขั้นถูกบังคับขายหุ้น ทั้งหมดนี้ทำให้อภินิหารเงินออมสนิทกับความไม่แน่นอนเป็นอย่างดี 

เราซ้อมหนีไฟทุกปี แต่ไม่เคยเจอไฟไหม้จริงๆสักครั้ง แผนการเงินของเราก็เช่นกัน ก็ต้องมีแผนหนีไฟให้ตัวเอง เพื่อครอบครัวจะได้ไม่ลำบาก เช่น สมมติว่าเสียชีวิตในช่วงเวลาที่หุ้นตกยับ การลงทุนแย่สุดๆ จะเหลือเงินให้ครอบครัวเท่าไหร่ มีอะไรทำให้เรามั่นใจว่าครอบครัวจะได้รับเงินไม่ต่ำกว่าเงินที่ลงทุนไป ถ้าเราหาทางออกให้กับปัญหานี้แล้ว ก็จะอุ่นใจทั้งตอนมีชีวิตอยู่และเสียชีวิต

หากมีเงินเหลือจากการลงทุน อาจจะแบ่งเงินบางส่วนเดือนละ 1,000 บาทมาเก็บไว้ที่ประกันชีวิตควบการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคงให้กับครอบครัว ถ้าความไม่แน่นอนทำให้เราหยุดหายใจก็ยังมีเงินก้อนมากกว่า 1,000,000 บาทไว้ดูแลคนที่เรารักได้

ซื้อรวมกับซื้อแยก แตกต่างกันอย่างไร

สำหรับคนที่ชอบเปรียบเทียบ อาจจะอยากรู้ว่าที่ความคุ้มครอง 1,000,000 บาทเท่ากันระหว่างการซื้อรวมกับซื้อแยกต้องใช้เงินเท่าไหร่ เพื่อหาทางเลือกที่เหมาะสมกับสภาพคล่องของตัวเองให้ได้มากที่สุด

=> ซื้อรวม : ซื้อที่เดียวที่ประกันชีวิตควบการลงทุน ความคุ้มครอง 1,000,000 บาท จ่ายเงินปีละ 14,000 บาท ผ่านไป 2 ปี ผลตอบแทน 3.2% ส่วนของเงินลงทุนประมาณ 8,296.41 บาท (จากตัวอย่างข้างบน)

=> ซื้อแยก : ประกันชีวิต 1 กรมธรรม์และซื้อกองทุนรวมเองต่างหาก แปลว่า เราทำ 2 อย่าง คือ

1. ซื้อประกันชีวิตความคุ้มครอง 1,000,000 บาท เบี้ยประกันปีละ 16,110 บาท (สมมติว่าเป็นเพศหญิง อายุ 30 ประกันชีวิตแบบตลอดชีพเพราะเบี้ยประกันถูก ความคุ้มครองสูง มีมูลค่าเงินสด กู้กรมธรรม์ได้)

2. ซื้อกองทุนรวมปีละ 4,000 บาท ผ่านไป 2 ปีมีผลตอบแทน 3.2% เงินเติบโตเป็น 8,128 บาท

แปลว่า ถ้าซื้อแยกประกันชีวิตกับกองทุนรวม เราใช้เงินปีละ 20,110 บาท (มาจาก 16,110 + 4,000) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับการซื้อประกันชีวิตควบการลงทุนที่เบี้ยประกันปีละ 14,000 บาท

ถ้าเราเข้าใจเรื่องการลงทุนแล้วจะเลือกแบบไหนดีล่ะ

=> เก็บเงินเพื่อดูแลตัวเอง ไม่ต้องเป็นห่วงใครเพราะแต่ละคนมีรายได้ดูแลตัวเองได้ ถ้าเรามีเป้าหมายต้องการทำให้เงินเติบโต คำตอบ คือ กองทุนรวม

=> เราเป็นแหล่งรายได้หลักของครอบครัว ถ้าเราหยุดหายใจ หนี้สินทั้งหมดก็ตกอยู่กับครอบครัว รายได้ในอนาคตของเราก็จะหายไปด้วย เราควรเลือกประกันชีวิตควบการลงทุน แบบความคุ้มครองสูง เพื่อสร้างสร้างความอุ่นใจให้ครอบครัว

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแนวทางเลือกเบื้องต้นเท่านั้น เพราะแต่ละคนมีเป้าหมายการเงินและสภาพคล่องแตกต่างกัน อาจจะเลือกแบบใดแบบหนึ่งหรือทั้งสองแบบก็ได้ สิ่งสำคัญ คือ ควรซื้อด้วยความเข้าใจ เพราะตัวแทนที่จะแนะนำประกันชีวิตควบการลงทุน ต้องมี 2 ใบอนุญาต คือ ใบอนุญาตตัวแทนประกันกับใบอนุญาต IC จาก กลต. ที่เข้าใจเรื่องของการลงทุนด้วย เพราะเงินของเราต้องดูแลเอง มาถึงตรงนี้เชื่อว่าแฟนเพจน่าจะรู้แล้วว่าควรถามอะไรตัวแทนประกันบ้างนะจ๊ะ

เพจอภินิหารเงินออม