บนโลกใบนี้มีนักลงทุนชื่อดังที่ประสบความสำเร็จ และเป็นแบบอย่างของนักลงทุนรุ่นใหม่มากมาย หลายๆ คนอาจจะรู้จัก Warren Buffett, Peter Lynch, George Soros หรือ Ray Dalio กันอยู่แล้ว บางท่านที่ผมพูดถึงอาจจะเป็นไอดอลที่หลายคนยกย่องให้เป็นต้นแบบการลงทุน เผื่อว่าซักวันหนึ่งเราจะประสบความสำเร็จเหมือนอย่างพวกเขาบ้าง

ซึ่งนักลงทุนต้นแบบแต่ละท่านต่างมีสไตล์การลงทุนเป็นของตัวเอง แน่นอนว่านักลงทุนรุ่นใหม่อย่างเราก็มีพวกเขาเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจในการลงทุน พวกเรารู้จักนักลงทุนเก่งๆ รู้จักสไตล์การลงทุนของเขาและเส้นทางที่เขาเดินเป็นอย่างดี

แล้วเรารู้จักตัวเองดีพอแล้วหรือยัง ?

นักลงทุนที่ดีต้องรู้จักตัวเองดีที่สุด

ก่อนที่จะไปถกเถียงกับเพื่อนๆ ว่ากองทุนตัวไหนดี หุ้นตัวไหนกำลังมา จะเล่นสั้น ถือยาว หรือจะลงทุนด้วยวิธีไหน นักลงทุนทุกคนควรทำความรู้จักตัวเองเสียก่อน

Warren Buffett เคยพูดถึงขอบข่ายแห่งความชำนาญ บัฟเฟตต์จะเลือกลงทุนเฉพาะกิจการที่ตนเองเข้าใจและชำนาญเท่านั้น จะไม่เลือกทำในสิ่งที่ตนไม่ถนัดเป็นอันขาด

George Soros จะไม่เก็งกำไรหรือนำเงินไปลงทุนในสิ่งที่ตนเองคาดการณ์ไม่ได้ หรือมีความไม่แน่นอนที่จะเสียเงินลงทุนก้อนนั้นไป เรียกง่ายๆ ว่าถ้าไม่ใช่เกมที่เขาถนัดเขาจะไม่มีวันลงเล่นเป็นอันขาด

Mohnish Pabrai ผู้เขียนหนังสือ Dundho Investor บอกไว้ว่าตนเองจะลงทุนเฉพาะสิ่งที่เขามองเห็นว่า โอกาสได้กำไรมีมากมาย แต่โอกาสขาดทุนจะทำให้เสียเงินจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น

เห็นมั้ยล่ะว่านักลงทุนชั้นอ๋องทุกคนต่างก็ลงทุนในสิ่งที่ตนเองถนัด และจะไม่ลงทุนเกินกว่าขอบเขตความรู้ความเข้าใจของตัวเอง ต่อให้ผลตอบแทนของการลงทุนนั้นจะหอมหวานขนาดไหนก็ตาม

แล้วสิ่งสำคัญที่เราต้องรู้ดีกว่าใคร มีอะไรบ้างล่ะ?

การทำความรู้จักตัวเองที่ผมพูดถึงก็คือ พื้นฐานแรกของนักลงทุนที่ดีทุกคน ซึ่งสิ่งสำคัญที่เราต้องรู้ประกอบไปด้วย…

รู้ว่าตัวเราสามารถรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน

เพราะความสามารถในการรับความเสี่ยงของคนเราไม่เท่ากัน คนที่ชอบใช้ชีวิตโลดโผนอาจจะไม่ใช่นักลงทุนที่ชอบความเสี่ยงก็ได้ ขณะเดียวกันคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นเทรดเดอร์หรือนักเก็งกำไร อาจจะไม่สามารถรับความผันผวนของการเก็งกำไรได้ ดังนั้นเราต้องรู้ก่อนว่าความเสี่ยงจากการลงทุนที่เรารับได้มีมากหรือน้อย

เป้าหมายในการลงทุนคืออะไร

เป้าหมายการลงทุนก็เป็นเรื่องที่สำคัญ การลงทุนที่ดีต้องสอดคล้องกับความต้องการในชีวิต บางคนเอาเงินที่ตั้งใจจะใช้เกษียณในอีก 5 ปีข้างหน้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเพราะเชื่อว่าตัวเองรับความเสี่ยงได้สูง ถ้าบังเอิญเจอวิกฤตเศรษฐกิจล่ะ!? เงินทั้งหมดก็อาจจะสูญไปได้ เป้าหมายที่จะใช้เงินก้อนนั้นก็เป็นไปไม่ได้

มีความตั้งใจและความพยายามในการเรียนรู้มากน้อยแค่ไหน

ความหมายของการลงทุนในสิ่งที่ถนัด นั่นคือเราต้องมีความรู้ในสิ่งนั้นมากพอ เพราะ “ความเสี่ยง” เกิดจากความไม่รู้ ถ้านักลงทุนรู้และเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองลงทุนอย่างถ่องแท้ ความรู้ที่มีนั้นก็ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนไปได้ นักลงทุนที่ดีจึงต้องตั้งใจหาความรู้ใส่หัวอยู่เสมอ หากไม่รู้หรือไม่เข้าใจในสิ่งไหนก็ไม่ควรลงทุน

มีเวลามากเพียงพอมั้ย

สิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรมีก็คือ “เวลา” ในการติดตามและเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นักลงทุนบางคนอาจจะมีภาระงานหรือภารกิจต่างๆ ทำให้ไม่มีเวลาสำหรับการเรียนรู้ ติดตามสิ่งที่ลงทุนอยู่ (ถ้ารู้ตัวว่าไม่มีเวลามากพอ ก็สามารถเลือกใช้บริการกองทุนรวมได้นะครับ)

เป็นคนขี้กังวลหรือเชื่อมั่นในตัวเองขนาดไหน

ปัจจัยนี้เกี่ยวข้องกับการลงทุน เพราะนักลงทุนที่ดีจะต้องรับผิดชอบเงินของตนเอง ไม่โทษคนอื่นยามขาดทุน เชื่อมั่นในสิ่งที่ตนตัดสินใจ แต่ก็พร้อมรับฟังคำแนะนำจากคนรอบข้างอยู่เสมอ คนที่ขี้กังวลมักจะไขว้เขวตามข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ คนที่เชื่อมั่นในสิ่งที่คิดมากเกินไปก็จะเกิด Bias ในการลงทุนได้ การรู้ว่าเราเป็นคนประเภทไหนจะเป็นตัวตัดสินวิธีการลงทุนในอนาคตได้

ทั้งหมดที่ผมพูดมา บอกตรงๆ ว่ามันเป็นแค่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ บางส่วนที่นักลงทุนทุกคนต้องรู้ และทำความเข้าใจตนเองก่อน ต่อให้รู้ลึกในรายละเอียดของกองทุนรวม รู้จักหุ้นที่ลงทุนเป็นอย่างดี หรือมีความรู้มากมายเกี่ยวกับกราฟเทคนิคถ้าเราไม่รู้จักตัวเองดีพอ ก็คงหาวิธีการลงทุนที่ทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จได้ยาก

เพราะพื้นฐานที่แข็งแรงที่สุด คือการรู้จักตัวเองดีที่สุด!