ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีงานเสริม เริ่มจดบริษัทเลยดีไหม?

คำถามนี้เป็นคำถามจากเพื่อนคนหนึ่งที่ส่งมาถามพรี่หนอมในวันที่มีรายได้หลายทาง จนสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจนต้องเสียภาษีเยอะขึ้น เลยมีคำถามว่า เมื่อไรควรจดบริษัทฯ

ประเด็นสำคัญของการตอบคำถามแบบนี้ คือ เราต้องแยกแยกให้ออกก่อนว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ตรงไหนครับ

คำว่า "เป็นมนุษย์เงินเดือน" ตรงนี้ คือ รู้แน่ๆว่าคนๆนี้มีเงินได้ประเภทที่ 1 ตามกฎหมาย สิ่งที่ต้องรู้ต่อคือ "รายได้ทั้งปีเท่าไร" ซึ่งจากข้อมูลที่ให้มาคือประมาณ 1.3 ล้านบาท

แต่นอกจากเงินเดือนแล้ว ยังมีรับงาน "ฟรีแลนซ์" อื่น ๆ เช่น งานถ่ายรูป งานเขียนโปรแกรม และอื่นๆจากการรับจ้างประมาณเกือบล้านบาทต่อปี  ตรงนี้เราก็จะมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า เป็นเงินได้ประเภทที 2 ตามกฎหมาย จำนวนประมาณ 1 ล้านบาทต่อปี

เมื่อพิจารณารายได้ 2 ประเภทนี้รวมกันแล้ว ปัญหาอยู่ที่ว่า ถ้ามองหลักการด้านภาษี จะหักค่าใช้จ่ายได้รวมกันไม่เกิน 100,000 บาท และส่วนที่เหลือก็หักค่าลดหย่อนเอาตามปกติ นี่คือทางเลือกในทุกวันนี้ที่เสียภาษีอยู่ ซึ่งจุดตัดสำคัญตรงนี้ คือ รายการลดหย่อนที่ให้เลือกใช้กับกระแสเงินสดที่เหลือใช้จริงๆ

อย่างไรก็ดี สำหรับกรณีนี้ มีข้อควรระวังคือถ้างานนอกมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ด้วย (ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือจดบริษัทก็ตาม) ซึ่ง ณ วันนี้ข้อมูลยังไม่ต้องจด VAT แต่อนาคตก็ยังไม่แน่

คำถามคือ ผมควรจดบริษัทดีไหม หรือจดนิติบุคคลแบบไหนดี? 

คำถามนี้ ถามว่าผมควรจดนิติแบบไหนดี เพื่อมารับเงินจากงาน freelance เผื่อว่าจะได้หาบิลมาตัดรายจ่ายได้บ้าง ต้องจดเป็นบริษัทอย่างเดียวเลยมั้ย หรือ ไปจดนิติแบบห้างร้านบ้านๆ เอาก็ได้? 

จะเห็นว่าแนวคำตอบที่สามารถตอบได้ ณ ตรงนี้ ไม่ใช่คำตอบของคำถาม แต่เป็นคำตอบของปัญหา นั่นคือต้องมองประเด็นต่างแยกย่อยออกมาดังนี้

1) ถ้าไม่คิดว่ารายได้จะมากกว่านี้ เช่น ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีแน่ๆ การจดบริษัทอาจจะไม่คุ้ม เพราะว่ารายได้น้อย ธุรกิจยังมีความไม่แน่นอน

2) ถ้าจดขึ้นมาจริงๆ เวลาเลิกบริษัทก็วุ่นวายด้วย เพราะว่ามันมีต้นทุนต่างๆ ที่ต้องจ่าย เช่น ต้นทุนในการจ้างคนทำบัญชี บริหารจัดการต่างๆ รวมถึงต้นทุนในการเคลียร์ปิดบริษัท 

3) กระแสเงินสดมันอยู่ในบริษัท ซึ่งไม่มีต้นทุนอยู่ดี (เป็นงานที่ใช้แรงงานเราล้วนๆ) ถ้าจะเอาให้มีต้นทุนหักค่าใช้จ่ายจริงได้ มันน่าจะหายากในแง่ของงานที่ทำแบบนี้ เช่น จ่ายค่าจ้างให้กับตัวเอง ก็มาเป็นรายได้ตัวเองอีกทีหนึ่งเหมือนเดิมที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาร่วมกันกับเงินเดือนอยู่ดี ซึ่งแม้ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีของบริษัทได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไมให้เสียเวลา

ดังนั้นจากคำถามทั้งหมดที่ถามมา สิ่งที่ตอบได้คือ เราต้องรู้ว่า รายได้ของเราน่าจะเป็นเท่าไร? และ มีโอกาสที่จะเติบโตไหมในอนาคต ไปจนถึงการวางแผนการทำงานของเรา เพราะถ้าหากตัดสินใจจดบริษัทอย่างที่ว่ามาจริงๆ แล้วล่ะก็ บางทีเราอาจจะเสียเวลากว่าเก่าก็ได้นะ

ที่อธิบายทั้งหมดนี้ ไม่ได้ต้องการให้อยู่ในรูปแบบบุคคลธรรมดา แต่อยากให้มองความคุ้มค่าและสมดุลของชีวิต ณ เป้าหมายที่ต้องการตอนนี้ด้วย เช่น ถ้ายังต้องการเป็นมนุษย์เงินเดือนต่อไป บางทีแล้วการเป็นฟรีแลนซ์ในตอนนี้คือจุดที่สูงสุดที่ทำได้ แบบนี้ก็ไม่ควรจดบริษัท เพราะสุดท้ายมันก็มาได้ไกลสุดแบบนี้แหละ

แต่ถ้าหากมองว่าธุรกิจฟรีแลนซ์ที่ทำอยู่มีโอกาสเติบโต สร้างอนาคต และในใจไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่แล้ว แบบนี้ก็สามารถเลือกได้ว่า จะก้าวออกมาตั้งแต่แรกเลยไหม หรือรอดูท่าทีต่อไปก็ได้เช่นเดียวกัน

ฝากเอาไว้ให้คิดกันก่อนที่จะถามว่า จดบริษัทดีไหม? เพราะสิ่งที่ซ่อนอยู่หลังภูเขาน้ำแข็งอาจจะมีอะไรมากกว่านั้นก็ได้ครับ :)