สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับผม หมอนัท @คลินิกกองทุน นะครับ

คำถามที่ผมมักจะได้รับในช่วง 2-3 เดือนมานี้มักจะมีคำถามถึง กองทุนจีนเข้ามามากว่า “ซื้อได้หรือยัง” หรือ “กองทุนจีนตัวไหนดี”

สาเหตุหนึ่งก็คือ กองทุนที่ทำผลตอบแทนได้ดีจนน่าตกใจ และเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

ดังนั้นในครั้งนี้ผมจะมาเล่าถึงภาพรวมเศรษฐกิจจีน และกองทุนหุ้นจีนให้ฟังกัน เพื่อว่าจะช่วยให้ท่านนักลงทุนเข้าใจถึงการลงทุนกับกองทุนจีนมากขึ้น

เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น  ผมจะขอเล่าย้อนไปเมื่อประมาณเมื่อ 2000 ปีก่อน (มันจะนานไปไหม ตึ่งโป๊ะ !)

ไม่ใช่ครับ ในปี 2008 ก่อนนะครับ ในช่วงเวลานั้นเอง จีนก็ต้องเจอกับเศรษฐกิจที่ตกต่ำเช่นเดียวกับทั่วโลก

ถึงแม้จีนจะเคยมีเศรษฐกิจที่เติบโตในระดับ 10% ขึ้นไป ก็กลายเป็นต้องเติบโตลดลงในระดับ 7-8% มาโดยตลอด ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงอย่างมาก และส่งผลต่อเนื่องให้กองทุนที่ลงทุนในประเทศจีนโดยตรงอย่าง TMBCHEQ ที่เน้นลงทุนตามดัชนีตลาดหุ้น A-Share นั้นทำผลตอบแทนได้ไม่ค่อยดีเป็นเวลาติดต่อกันค่อนข้างนาน

ด้วยภาวะเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงอย่างมากนั้น ดูเหมือนจะทำให้นักลงทุนกลัวจนไม่กล้าลงทุนกับประเทศจีนยาวนานหลายปี

แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว เศรษฐกิจของจีนไม่ได้แย่และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะว่าส่วนนึงนั้นเป็น “ความตั้งใจ” ของจีนที่จะสร้างพื้นฐานที่ดีให้กับประเทศในระยะยาวนั่นเอง

โดยการปรับเปลี่ยน หรือที่เราเรียกว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจ เช่น เน้นการควบคุมเศรษฐกิจไม่ให้เกิดหนี้เสียในระบบ มีการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งนโยบายการเงิน นโยบายการคลังจากแรงผลักดันของทางการจีนเอง และที่สำคัญมากคือมีการปราบคอรับชั่นแบบจริงจัง

แต่ที่เพิ่มความน่าสนใจต่อการลงทุนในประเทศจีนยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เนื่องจากมูลค่าหุ้นจีนที่ยังคงมีความน่าสนใจ จากมูลค่าหุ้นที่ต่ำ ขณะที่รายได้บริษัทฯ มีแนวโน้มการเติบโตได้ แถมยังมี สภาพคล่องที่ยังเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณของธนาคารกลางหลักในหลายประเทศ

ประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นที่จะลืมไม่ได้ก็คือ Shanghai – Hong Kong Stock Connect เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าไปลงทุนในหุ้นตลาด Shanghai ได้มากขึ้น ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการซื้อ-ขายกันไม่มากอย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีกฏเกณฑ์ค่อนข้างมาก แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในอนาคตที่จะมีการเชื่อมตลาดหุ้นทั้งหมดของจีนเข้าด้วยกัน

ทำให้ตลาดมีศักยภาพมากขึ้นอีกด้วย ถึงแม้ ณ วันนี้ ตลาดหุ้นจีนเองก็เริ่มที่จะมีราคาที่แพงขึ้น จนเรียกว่า “ถูก” ได้ไม่เต็มปากนัก แต่ก็ยังไม่แพงมากเสียจนไม่น่าลงทุนเพระว่าตลาดหุ้นจีน A-Share ยังคงมี ราคาถูก เมื่อดูจาก Forward P/E เทียบกับค่าเฉลี่ยในระยะยาวนั่นเองครับ

คราวนี้เรามาดูถึงกองทุนที่น่าสนใจ ในภาวะการลงทุนในช่วงนี้กันนะครับ

เริ่มต้นจากกองทุน TMBCHEQ ที่ผลตอบแทนปรับตัวดีขึ้นอย่างมากจึงเป็นกองทุนนึงที่น่าสนใจ แต่ความผันผวนของกองทุนนี้ก็ยังค่อนข้างสูงกว่ากองทุนดัชนีของจีนทั่วไปอยู่ เนื่องจากเป็นการลงทุนใน iShares FTSE/Xinhua A50 China Tracker  ที่เป็นการลงทุนในหุ้น 50 ตัวแรกของประเทศจีน

แต่ส่วนกองทุน SCBCHA จะไปลงทุนในดัชนี CSI 300 Index ใน A-Share เช่นกันกับ TMBCHEQ แต่ดูแล้วน่าจะดีกว่าในแง่ของการกระจายความเสี่ยง เพราะว่าลงทุนตามดัชนีหุ้น 300 ตัวแรกของประเทศจีน แต่ถ้าตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น ผลตอบแทนก็อาจจะมีแนวโน้มที่น้อยกว่ากองทุน TMBCHEQ ครับ

ส่วนกองทุนที่เป็นกองทุนแบบ active fund ที่ดูแล้วมีแนวคิดที่น่าสนใจคือ กองทุน K-CHINA เนื่องจากผู้จัดการกองทุนจะเลือกลงทุนในหุ้นรายตัวที่ดูจากพื้นฐานของบริษัท และจัดพอร์ตหุ้นกลุ่มธุรกิจได้ล้อตามรัฐบาลของจีนประกาศว่าจะมีการสนับสนุนอีกด้วย

ซึ่งกองทุนทั้งหมดที่ผมได้กล่าวมามีทั้งข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้คงต้องขึ้นกับแนวคิดและความชอบของนักลงทุนแล้วละครับว่าชอบสไตล์การลงทุนแบบไหนครับ

ดังนั้นสรุปแล้วผมมองว่าตลาดหุ้นในจีนเองยังคงน่าสนใจในการลงทุน ยิ่งถ้าเป็นการลงทุนในระยะยาว ๆ แล้วก็ดูจะยิ่งน่าสนใจมากขึ้น แต่แน่นนอนว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ซึ่งปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญก็คือ ความไม่แน่นอนของ ภาคการเงิน การธนาคาร และ ตลาดอสังหา ฯ ของจีนที่อาจจะยัง “ตะกุกตะกัก” อยู่บ้าง

ดังนั้นผมขอแนะนำว่าให้นักลงทุนศึกษาข้อมูลเศรษฐกิจจีน ตลาดหุ้นจีน และลักษณะเฉพาะของแต่ละกองทุนเพิ่มมากขึ้นก่อนที่จะลงทุน ถ้ามั่นใจแล้วว่าเป็นการลงทุนที่ดี ก็จะได้ลงทุนอย่างสบายใจ ได้ผลตอบแทนที่พอใจอย่างแน่นอน

และ สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนครับ สวัสดีครับ