สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุนยุค Digital กลับมาแล้วครับ

สัปดาห์นี้มีความเสี่ยงหลายเรื่องครับ ทั้งเรื่องของการประชุม G20 ในปลายสัปดาห์นี้ และการแรงกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในปีหน้า ผมเลยแนะนำให้ทยอยสะสมแบบระมัดระวังกันให้ดีครับ

สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญที่น่าสนใจลงทุน พร้อมกับมุมมองแบบนี้ได้ทุกสัปดาห์ ที่นี่ที่เดียวครับ

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 26 - 30 พฤศจิกายน 2561

ทยอยสะสมได้เรื่อยๆ ทุกตลาด (ยกเว้นอินเดีย) แต่ต้องรอจังหวะ

เหตุผล : ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงมีความผันผวนสูง โดยยังคงได้รับแรงกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในปีหน้า ซึ่งภาพรวมของทุกตลาดสะสมได้หมด เพียงแต่อาจจะใช้วิธิการทยอยสะสมเรื่อยๆ แทนการซื้อหนักๆ ในทีเดียว 

Focus : ทุกตลาด (ยกเว้นอินเดีย)

ความน่าสนใจ :  ตอนนี้ตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยข้างต้น และการประชุม G20 ในวันที่ 30 พ.ย. ถึง 1 ธ.ค. จะมีการเจรจาระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังทำให้สถานการณ์ไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงที่ยังตกลงกันไม่ได้ ดังนั้นจึงใช้วิธีการทยอยสะสมเป็นหลัก

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงมีความผันผวนสูง โดยยังคงได้รับแรงกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในปีหน้า รวมถึงความกังวลของนักลงทุนว่าการเจรจาด้านสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯจะยังไม่เป็นผลสำเร็จครับ

สัปดาห์นี้ผมปรับคำแนะนำตลาดญี่ปุ่นและไทยจากซื้อลงมาเป็นทยอยสะสม เนื่องจากตลาดญี่ปุ่นมีความผันผวนสูงมากกว่าตลาดหุ้นอื่น ในขณะที่ตลาดไทยมีแรงกดดันจากภาคส่งออกและท่องเที่ยวที่ไม่ดี อย่างไรก็ดีถือว่ายังสะสมได้อยู่ครับ

ส่วนตลาดอินเดียแนะนำให้ชะลอลงทุนในช่วงนี้ไปก่อน เนื่องจากอินเดียเป็นตลาดที่แพงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น

นอกจากนั้น ผมมองว่าตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยข้างต้น จากการประชุม G20 ในวันที่ 30 พ.ย. ถึง 1 ธ.ค. ซึ่งจะมีการเจรจาระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังทำให้สถานการณ์ไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงที่ยังตกลงกันไม่ได้อยู่ครับ

จับตาดูให้ดีในช่วงนี้ สะสมได้แต่ต้องระวังครับ !

ภาพรวมการลงทุน

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ยังสะสมต่อได้ครับ สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

นอกจากนั้นยังมีนโยบายลดภาษี ที่ช่วยส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง ประกอบกับในตอนนี้เศรษฐกิจสหรัฐดูแข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชนครับผม

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อครับ

ตลาดหุ้นยุโรป

ทยอยสะสมหุ้นยุโรปต่อไปครับ ในขณะที่ตอนนี้ ECB ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ แต่ประเด็น Brexit ยังคงสร้างความผันผวนได้อยู่ครับ ดังนั้นทยอยสะสมกันต่อไป แต่ยังไงก็คอยดูสถานการณ์ด้วยนะครับผม

สรุปสั้นๆ : ยังสะสมต่อได้ครับ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ยังคงมีมุมมองเหมือนเดิมครับ เนื่องจากช่วงไตรมาสนี้บริษัทจดทะเบียนในญี่ปุ่นจะมีการซื้อหุ้นคืนสูงขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนราคาหุ้นให้เพิ่มสูงขึ้นได้ครับ ซึ่งตอนนี้ถือเป็นจังหวะที่เหมาะในการสะสมเรื่อยๆ ครับ สำหรับคนที่ชอบตลาดญี่ปุ่น

อีกประเด็นคือ การที่ นายชินโซะ อาเบะ จะได้รับเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรครัฐบาลปัจจุบันหรือ LDP ต่อ ซึ่งจะส่งผลให้นโยบายเศรษฐกิจมีความต่อเนื่องมากขึ้นนั้น ถือเป็นข้อบ่งชี้ที่ดีอยู่เช่นกันครับ (เป็นปัจจัยเดิม แต่คิดว่ายังมีผลต่อตลาดหุ้นในตอนนี้ครับ)

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อได้ครับ

ตลาดหุ้นเกาหลี

ยังสะสมได้ต่อครับสำหรับตลาดเกาหลี จากเหตุผลเดิมที่ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI Index) ของประเทศจีนและสหรัฐฯ มีการชะลอตัวและต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ (เป็นปัจจัยเดิม) และความเสี่ยงของการผันผวนแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ทำให้เกาหลียังน่าสนใจอยู่ครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อได้เรื่อยๆ ครับ

ตลาดหุ้นอินเดีย

สำหรับสัปดาห์นี้ ผมแนะนำให้ชะลอลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียไปก่อนครับ เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นซื้อขายอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ในขณะที่ประเทศอินเดียยังขาดดุลการค้าต่อเนื่องและนักลงทุนต่างประเทศยังทยอยขาย ซึ่งทำให้ค่าเงินอินเดียยังคงมีความผันผวนอยู่ดี

ถามว่าทยอยสะสมได้ไหม ผมว่าพอได้ แต่ต้องหาจังหวะดีๆ แต่ถ้าไม่ชัวร์ตอนนี้ลดไปก่อนดีกว่าครับ

สรุปสั้นๆ : ชะลอก่อนครับ

ตลาดหุ้นไทย

หุ้นไทยยังคงผันผวนอยู่เช่นเคยครับ เหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงเหมือนรถไฟเหาะยังไงไม่รู้ แต่โดยรวมแล้วสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีก็ยังมีการปรับตัวลดลงอีกเล็กน้อย

มุมมองของผมยังเชื่อภาพรวมพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวดีอยู่ จากปัจจัยสำคัญ คือ การเลือกตั้งที่จะมีในต้นปีหน้า ที่ช่วยสนับสนุนบรรยากาศในการลงทุนตอนนี้ครับ

จังหวะตอนนี้ ตลาดหุ้นปรับตัวลงมามากจากความกังวลในภูมิภาคจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นไว้มากแล้ว

สรุปสั้นๆ : ซื้อต่อได้ จากปัจจัยดีๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นครับ

ตลาดหุ้นจีน

สัปดาห์นี้ยังเหมือนเดิมครับแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นทั้ง A-SHARE และ H-SHARE แล้วครับ ตอนนี้ก็ยังคงน่าสะสมเพราะตลาดหุ้นจีน A-SHARE ปรับตัวลงมา 30% จากจุดสูงสุดในปีนี้ครับ ประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ลดภาษีสินค้าการนำเข้า ลดภาษีนิติบุคคล และปัญหากับทางสหรัฐฯ เรื่องกำแพงการค้าที่ลดลงครับ

ส่วน H-SHARE นั้นสะสมได้เรื่อยๆ ครับผม ยังไม่มีประเด็นอะไรมากระทบมากเท่าไรครับ

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมได้ทั้งสองตลาดครับ

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์

ตลาดตราสารทุน : ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ หุ้นยุโรป หุ้นญี่ปุ่น และหาจังหวะทยอยสะสม หุ้นไทย หุ้นเกาหลี หุ้น H-SHARE และหุ้น A-SHARE

ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลดการลงทุนในตราสารหนี้ที่ต่ำกว่า Investment Grade  ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยระยะสั้น

สินทรัพย์ทางเลือก : ทยอยสะสมน้ำมันและทองคำ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นไทย 16%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 42%
  • ตราสารหนี้ไทย 42%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 17%
  • ตราสารหนี้ไทย 23%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2%
  • ตราสารหนี้ไทย 8%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

“ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป

โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง