[WEEKLY OUTLOOK กับอัศวินกองทุน]สรุปภาพรวมการลงทุน ช่วงวันที่ 26 - 30 กันยายน 2559

สวัสดีครับ กลับมาเจอกันในสัปดาห์นี้ สัปดาห์ดีสิ้นเดือนกันยายนกันอีกครั้งกับ “อัศวินกองทุน” เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่จะเสริมมุมมองการลงทุนประจำสัปดาห์ ผ่านคอลัมน์ Weekly Outlook กันอีกแล้วครับ

เผลอแป๊บเดียวมาถึงสัปดาห์ที่ 16 แล้วครับ สำหรับสัปดาห์นี้ ผมมีเรื่องราวต่อจากสัปดาห์ก่อนเล็กน้อยครับ จากที่ได้เคยแนะนำการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านการลงทุนใน REITs และหุ้นของธุรกิจที่ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์กันไปแล้ว

อยากแนะนำเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อยครับว่า การลงทุนประเภทนี้ถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่ดีในช่วงสภาวะที่ตลาดผันผวน และอัตราผลตอบแทนจากตราสารหนี้อยู่ในระดับต่ำ เหมาะสำหรับใช้กระจายความเสี่ยงจากการลงทุนของพอร์ตโดยรวม ทำให้พอร์ตมีความผันผวนน้อยลง อะแฮ่ม!! “ที่สำคัญคือการลงทุนชนิดนี้มีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ และสามารถป้องกันอัตราเงินเฟ้อได้ในระยะยาวอีกด้วย”  

โดยสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมในสินทรัพย์ประเภทนี้ ผมแนะนำไว้ที่ประมาณ 10 – 15%ของพอร์ตการลงทุนครับผม

เอาล่ะ..ทีนี้เรามาต่อกันกับโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆจากทั่วโลกกันบ้างครับ ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลยคร้าบบ

คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

สรุปภาพรวมประจำสัปดาห์
“ประเทศผู้ผลิตน้ำมันอาจไม่สามารถหาข้อตกลงได้ในการประชุมนอกรอบ”

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

การที่ Fed คงอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ช่วยหนุนสภาพคล่องในตลาดสหรัฐฯ ประกอบกับเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก รวมถึงการบริโภคครัวเรือนสหรัฐฯ ที่ขยายตัวดี ซึ่งผมมองว่าปัจจัยดังกล่าวเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนโอกาสในการลงทุนครับ ดังนั้นขอแนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนครับผม

ตลาดหุ้นยุโรป

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรปการขยายสินเชื่อของธนาคาร และการเข้ามาขอรับเงินกู้จากโครงการของภาคธนาคารที่ปรับเพิ่มขึ้น ชี้ถึงแนวโน้มการขยายสินเชื่อที่ยังสดใสอยู่ ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจของอังกฤษยังคงปรับตัวดีกว่าคาด ดังนั้นเป็นโอกาสที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนครับ

ตลาดหุ้นจีน (A-SHARE / H-SHARE)

ผมมองว่าการที่ Fed ไม่ขึ้นดอกเบี้ยนั้น ส่งผลดีต่อประเทศจีน ทั้งในแง่แรงกดดันจากเงินทุนไหลออกที่ลดลง และการฟื้นตัวของดัชนีราคาผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ ประกอบกับราคาต่อมูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นจีนยังไม่แพงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ดังนั้นสัปดาห์นี้ยังคงแนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น A-SHARE และ H-SHARE ครับ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

BOJ ยังคงมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง ขณะที่ภาคการผลิตกำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มมาตรการการคลังของรัฐบาล โดยรวมยังเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้น แหม่.. ถ้าบวกกันแบบนี้ ผมขอแนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นต่อครับผม

ตลาดหุ้นเกาหลี

ทางด้านเกาหลี นักวิเคราะห์ยังคงมองภาพรวมว่าเป็นบวกต่อรายได้บริษัทจดทะเบียนอยู่ แม้จะมีข่าวเกี่ยวกับการเรียกคืนโทรศัพท์จาก Samsung แต่จำนวนการเรียกคืนเป็นเพียงสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับยอดขายทั่วโลกครับ ดังนั้นยังไปต่อได้เรื่อยๆ ผมขอแนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนอยู่ครับ

ตลาดหุ้นไทย

ราคาปัจจุบันของตลาดหุ้นไทยได้ปรับขึ้นสะท้อนภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเริ่มเข้าสู่ระดับที่แพงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต แม้ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ย แต่ราคาต่อมูลค่าพื้นฐานของหุ้นไทยก็แพงกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคแล้ว ผมว่าแบบนี้ดูท่าทีโดยการคงการลงทุนไปสักระยะจะดีกว่าครับ

ตลาดหุ้นอินเดีย

ตัวเลขเศรษฐกิจบ่งชึ้ถึงการเร่งตัวของ GDP ในไตรมาสสาม โดยตัวเลขภาคการผลิตอินเดียชี้ถึงการขยายตัวต่อเนื่องทั้งภาคอุตสาหกรรมและการบริการ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สนับสนุนต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป แบบนี้ยังคงเพิ่มการลงทุนได้อย่างสบายใจต่อไปครับผม

เงินสดและกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น

เหมือนเดิมจนหลายคนแทบจะพูดตามผมได้แล้วใช่ไหมครับว่า “ความผันผวนของตลาดหุ้นมีแนวโน้มลดลง นักลงทุนควรลดการถือครองเงินสด และ หาการลงทุนที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น” ครับผม

น้ำมัน

ผมยังคาดการณ์ว่าการตกลงระหว่างประเทศผู้ผลิตมีความเป็นไปได้ยาก เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้ผู้ผลิตในสหรัฐฯ กลับมาทำการผลิตได้ ประกอบกับความขัดแย้งที่ลดลงในไนจีเรียและลิเบีย จะทำให้การส่งออกน้ำมันจากประเทศดังกล่าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แบบนี้เราควรจะคงการลงทุนในน้ำมันกันไปก่อนครับ

ทองคำ

ภาพรวมผมคาดว่าราคาทองคำปรับขึ้นได้อย่างจำกัด เนื่องจากมุมมองค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสกลับไปแข็งค่าจากโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก ดังนั้นเราควรดูท่าทีโดยการคงการลงทุนกันไปก่อนครับ

ตราสารหนี้ไทย

ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลไทยช่วงอายุ 1-3 ปี ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. และธนาคารกลางญี่ปุ่นส่งสัญญาณการทำนโยบายเพิ่ม ดังนั้นยังคงแนะนำให้คงการลงทุนกันไปก่อนครับ

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์นี้ จะเห็นว่ายังคงเป็นโอกาสเพิ่มการลงทุนในหลายๆตลาดครับ  (ยกเว้นตลาดประเทศไทยที่ยังคงต้องคงการลงทุนต่อไป) โดยสิ่งที่ต้องระวังนั่นคือการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างถูกต้อง และเข้าใจในสินทรัพย์ที่เราเลือกลงทุนด้วยนะครับ อย่างสัปดาห์นี้เริ่มมีการกระจายการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มาฝากกัน ก็เพราะเหตุผลนี้นี่แหละครับ