[WEEKLY OUTLOOK กับอัศวินกองทุน] สรุปภาพรวมการลงทุน ช่วงวันที่ 14 - 18 พฤศจิกายน 2559

สวัสดีคร้าบบบบ กลับมากันอีกแล้วกับ Weekly Outlook ครั้งที่ 22 โดย “อัศวินกองทุน” คนเดิมคนนี้ คนที่จะมาวิเคราะห์มุมมองการลงทุนประจำวันที่ 14 - 18 พฤศจิกายน 2559 ให้ฟังเหมือนเช่นเคยคร้าบบ

อาทิตย์ที่แล้ว เราสดๆร้อนๆกันไปกับเรื่องผลการเลือกตั้งสหรัฐที่ออกมาแบบที่เรียกได้ว่า พลิกโผ โอ้โหไม่น่าเชื่อกันไปแล้วครับ ซึ่งผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงทั่วโลก (แป่วววว) แต่ในทางกลับกันก็ถือว่าเป็นโอกาสให้เราทุกคนเพิ่มการลงทุนในตลาดที่มีการปรับฐานรุนแรง เนื่องจากมีการคาดการณ์กันไว้ครับว่า การปรับฐานในตลาดหุ้นนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากนโยบายต่างๆที่ Trump ใช้หาเสียงนั้น จะยังคงไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าโลกในช่วงต้น นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายจากยุโรปและญี่ปุ่น จะยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกด้วย

ได้ฟังแบบนี้ก็น่าจะสบายใจกันขึ้นใช่ไหมล่ะครับ ทีนี้เรามาดูกันต่อกับภาพรวมการลงทุนประจำสัปดาห์ดีกว่าครับ!

คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

สรุปภาพรวมประจำสัปดาห์
“ตลาดหุ้นจีนและเกาหลีมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จากนโยบายกีดกันการค้าของ Donald Trump” 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นหลังผลการเลือกตั้ง และนโยบายของ Trump ที่เน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการลดภาษี ผมมองว่าจะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้น แบบนี้ควรเพิ่มสัดส่วนการลงทุนกันต่อไปอีกสักหน่อยครับผม

ตลาดหุ้นยุโรป

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรปนั้น ผมมองว่าทิศทางของผลประกอบการบริษัทปรับตัวดีขึ้น และคาดว่าธนาคารกลางยุโรปจะไม่ลดสภาพคล่องในระบบซึ่งส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น ผมจึงอยากจะแนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนเช่นเดียวกันครับ 

ตลาดหุ้นจีน (A-SHARE / H-SHARE) 

ผลการเลือกตั้งสหรัฐ ทำให้ตลาดหุ้นจีนอาจมีความเสี่ยงเพิ่มเติมจากนโยบายกีดกันการค้าเสรีที่ทาง Trump ใช้ในการหาเสียง แต่ผมมองว่ามูลค่าปัจจัยพื้นฐานของทางด้าน A-SHARE ยังน่าสนใจอยู่ครับ จึงแนะนำให้ลงทุนใน A-SHARE และลดกรลงทุนใน H-SHARE ลง เพื่อรอดูสถานการณ์กันต่อไปอีกสักระยะครับ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

มาดูทางฝั่งญี่ปุ่นกันบ้างครับ เงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่าเพราะคาดการณ์ว่า Fed มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยนั้น ส่งผลดีต่อหุ้นญี่ปุ่น รวมทั้งภาคการผลิตของญี่ปุ่นเริ่มส่งสัญญาณบวกมาแล้วครับ แบบนี้ทางฝั่งตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็เป็นอีกที่หนึ่งที่ผมอยากจะแนะนำให้เพิ่มการลงทุนครับ 

ตลาดหุ้นเกาหลี

ตลาดหุ้นเกาหลีมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากนโยบายกีดดันการค้าของ Trump อย่าง การยกเลิกข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างสหรัฐฯและเกาหลี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์จะได้รับผลกระทบโดยตรง นอกจากนั้นการค้าโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวจะเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจและรายได้บริษัทในต่อไป ยังไงผมว่าสัปดาห์นี้ควรลดสัดส่วนการลงทุนดีกว่าครับ 

ตลาดหุ้นไทย

ไทยจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกีดดันการค้าของ Trump มากนัก เพราะส่งออกโดยตรงไปสหรัฐฯเป็นสัดส่วนน้อย และในปลายปีคาดรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเพิ่มเติม ประกอบกับเม็ดเงินลงทุน LTF และ RMF ที่มีแนวโน้มเข้าลงทุนในช่วงปลายปี น่าจะเป็นปัจจัยบวกและถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยครับ

ตลาดหุ้นอินเดีย

จากสถาการณ์ในตอนนี้ ผมมองว่าตลาดหุ้นอินเดียมีความน่าสนใจ เพราะเป็นประเทศที่ไม่พึ่งพาการส่งออก จึงไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากนโยบายของ Trump ประกอบกับราคาน้ำมันที่ยังแกว่งตัวอยู่ในระดับต่ำอยู่ นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียเช่นเดียวกันครับ 

เงินสดและกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น

สั้นๆ เหมือนเดิมครับ “ความผันผวนของตลาดหุ้นมีแนวโน้มลดลง นักลงทุนควรลดการถือครองเงินสด และหาการลงทุนที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น” โอเคจบ 

น้ำมัน

ความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะราคาน้ำมันที่ต่ำเป็นเวลานาน เริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายภาครัฐในกลุ่มประเทศ OPEC ซึ่งอาจนำไปสู่ความไม่มั่นคงทางการเมือง ประกอบกับความไม่สงบในไนจีเรียจะทำให้การส่งออกน้ำมันดิบมีการชะงัก ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมันอีกครับ ดังนั้นปรับเพิ่มการลงทุนในน้ำมันก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีในการกระจายความเสี่ยงคร้าบ 

ทองคำ

ความเสี่ยงจากนโยบายการค้าของ Trump และการทำประชามติในอิตาลี น่าจะส่งผลให้ความต้องการลงทุนในทองคำเพิ่มขึ้น แต่ผมมองว่าดูท่าทีโดยคงการลงทุนกันไปก่อนดีกว่าครับ 

ตราสารหนี้ไทย

การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลยังมีความน่าสนใจในแง่การกระจายความเสี่ยงครับ โดยดัชนีพันธบัตรรัฐบาลไทยช่วงอายุ 1-3 ปีเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆอยู่ ถึงแม้ว่าตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ จะมีความผันผวนสูงในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดี

สรุปสำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์นี้ ตลาดเอเชียผมอยากให้ระวัง ตลาดจีน และเกาหลีไว้ครับ โดยให้เน้นลงทุนไปที่ ไทย อินเดีย และตลาดประเทศพัฒนาแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะพร้อมใจกันกลับมาอีกครั้งแล้วนะครับ

ดังนั้นก็อย่าลืมครับว่าการกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสมนั้นสำคัญที่สุดเหมือนเช่นเคยครับ

เอาล่ะครับ… สำหรับบทความ Weekly Outlook ในสัปดาห์นี้ คงต้องลากันไปก่อá