[WEEKLY OUTLOOK กับอัศวินกองทุน] สรุปภาพรวมการลงทุน ช่วงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2560

สวัสดีครับผม กลับมาพบกับ “อัศวินกองทุน” กับ Weekly Outlook ตอนที่ 4 ประจำปี 2560 กันอีกแล้วครับ สำหรับสัปดาห์นี้ ผมมีอะไรมากมายหลายอย่างมาอัพเดทให้ทุกคนได้ติดตามกันอย่างเช่นเคยครับ และเพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

ภาพรวมของตลาด

ช่วงที่ผ่านมานี้ ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจาก “ทรัมป์” กล่าวถึงนโยบายปฏิรูปภาษีและการประกาศผลประกอบการณ์บริษัทที่ออกมาดีกว่าคาด

ทางฝั่งตลาดหุ้นเอเชีย ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน หลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในรอบเดือน ก.พ. ชี้ว่าคณะกรรมการมีความมั่นใจต่อการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยังไม่กังวลถึงอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงหลังจากตัวเลข NPL ในกลุ่มธนาคารยังคงปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งผิดกับการคาดการณ์ของนักลงทุนครับ เราคงต้องติดตามดูกันต่อไปครับ

สุดท้าย ฝั่งราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด เช่นเดียวกับราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในฝรั่งเศส

เอาล่ะครับ สรุปภาพรวมกันไปแล้ว เรามาดูกลยุทธ์กันดีกว่าครับว่า ควรจะลงทุนกันอย่างไรในสัปดาห์นี้

กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารทุน

  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่นในตอนนี้เป็นจังหวะที่เราจะทยอยสะสมในหุ้นญี่ปุ่น จากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาสูงกว่าการคาดการณ์ถึง 20% นอกจากนี้ การฟื้นตัวของภาคการส่งออกและภาคอุตสาหกรรมจะส่งเสริมให้เศรษฐกิจดีขึ้น ดังนั้น ตอนนี้ใครที่พอมีกำลัง ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมาน่าสนใจแล้วครับ
  • ตลาดหุ้นเกิดใหม่เอเชีย ผมยังคงแนะนำให้ทยอยสะสมตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่อยู่เหมือนเดิมครับ โดยตอนนี้ราคาต่อปัจจัยพื้นฐานมีความน่าสนใจกว่าตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว และจากแนวโน้มเศรษฐกิจเร่งตัวจากการส่งออกที่ดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ฟื้นตัว โดยรวมแล้วยังน่าจะไปต่อได้อยู่ครับผม
  • ตลาดหุ้นไทย คำแนะนำของผม คือ “ซื้อหุ้นไทย” ครับ เนื่องจากตลาดมีการปรับฐานอยู่ ในขณะที่ภาพปัจจัยพื้นฐานของไทยยังแข็งแกร่ง เช่น รายได้ภาคเกษตรที่ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องจากราคาข้าวและยางพาราที่ปรับตัวดีขึ้น เป็นปัจจัยหนุนการบริโภคครัวเรือนอยู่ครับ ดังนั้นแนะนำว่าซื้อต่อไปครับผม
  • ตลาดหุ้นจีน ทางฝั่งหุ้นจีนนั้น ขอแนะนำให้ "ซื้อหุ้นจีนเฉพาะ  A-SHARE" ครับ เนื่องจากภาพปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะดัชนีราคาผู้ผลิตที่ขยายตัวในระดับสูงหลายเดือนติดต่อกัน ซึ่งจะนำไปสู่ผลประกอบการณ์บริษัทจดทะเบียนที่ดีขึ้น นอกจากนี้ NPL ในระบบธนาคารจีนมีแนวโน้มดีขึ้น

สรุปคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้

แนะนำทยอยเข้าสะสมตลาดหุ้นญี่ปุ่น, ตลาดหุ้นยุโรป, ตลาดหุ้นไทย ,ตลาดหุ้นเกาหลี และตลาดหุ้น A-SHARE และชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ, อินเดียและตลาดหุ้น H-SHARE ครับ

กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารหนี้

  • พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อัตราผลตอบแทนเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯระบุว่าความเสี่ยงเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นแต่แรงมีไม่มาก เนื่องจากการคาดการณ์เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ และตลาดได้คาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยไว้แล้วบางส่วน ผมมองว่าผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวจะไม่ผันผวนมากเมื่อถึงการประชุมวันที่ 15 มี.ค.ครับ
  • พันธบัตรรัฐบาลไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยนั้นมีความผันผวนต่ำ เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจมีเสถียรภาพ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทมีปัจจัยสนับสนุนจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามในเดือน มี.ค. ที่จะมีการประชุมเฟด คาดว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจะผันผวนมากขึ้น เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อาจจะปรับแข็งค่าขึ้นในช่วงการประชุมครับ

สรุปคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้

ยังไม่เปลี่ยนแปลงครับ ผมยังคงแนะนำให้ลดการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว และไปเน้นลงทุนในตลาดเงินแทนครับ

กลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก

  • ทองคำ ผมแนะนำให้ทยอยลงทุนในทองคำต่อไปครับ หลังการประชุมเฟดยังไม่มีสัญญาณ ถึงการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. อย่างชัดเจน ประกอบกับทองคำมีความน่าสนใจเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันการค้าสหรัฐฯ และการเลือกตั้งในยุโรปอยู่เช่นเคยครับผม
  • น้ำมัน เหมือนเดิมนะครับ ผมยังไม่แนะนำให้ลงทุนในน้ำมัน แม้ประเทศกลุ่ม OPEC จะลดการผลิตและการส่งออกตามข้อตกลง แต่ราคาที่ปรับตัวดีขึ้นจะทำให้ผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำในสหรัฐฯ เริ่มกลับมาทำการผลิต ทำให้โอกาสปรับขึ้นต่อของราคาน้ำมันมีน้อยแม้จะมีข่าวดีก็ตาม ขณะที่โอกาสปรับลงมีมากหากมีข่าวร้ายมากระทบครับผม

สรุปคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้

ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเช่นเดียวกันครับ ผมแนะนำลงทุนทองคำและให้ชะลอการลงทุนในในน้ำมันเหมือนเดิมครับ

เอาล่ะครับ… ภาพรวมการลงทุนในเดือนนี้ ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ เนื่องจากตลาดได้คาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯขึ้นดอกเบี้ยไว้ส่วนหนึ่งแล้ว ประกอบกับระดับราคาพื้นฐาน ที่ถูกกว่าตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียจึงยังมีความน่าสนใจอยู่ครับ

โดยรวมแล้ว ผมแนะนำสั้นๆอีกทีครับว่า ทยอยเข้าสะสมหุ้นยุโรป,ญี่ปุ่น ไทย เกาหลี และ A-SHARE แต่ชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ อินเดีย และหุ้น H-SHAREครับ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรต้องคำนึง คือ การกระจายความเสี่ยง