ตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 เศรษฐกิจทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบและเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งในบางประเทศเริ่มฟื้นตัวกลับมาแล้ว แต่บางประเทศยังอยู่ในช่วงที่กำลังฟื้นตัว เมื่อเป็นแบบนั้นทำให้แต่ละประเทศมีการเติบโตที่ไม่เท่ากันอย่างแน่นอนครับ โดยหลังจากนี้ถ้าเพื่อนๆ คนไหนมองหาการลงทุนอยู่ ก็อาจจะต้องเน้นลงทุนในประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือมีธีมที่น่าสนใจและน่าจับตามองในอนาคตนั่นเองครับ

ซึ่งสิ่งที่นักลงทุนหลายคนเป็นกังวล ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ว่า ‘เราจะลงทุนยังไงให้รอดจากวิกฤตในครั้งนี้ไปได้?’ aomMONEY เลยจะมาแนะนำกองทุนที่น่าสนใจ นอกจากจะได้ลงทุนแล้ว เพื่อนๆ ยังได้ออมเงินเกษียณพร้อมนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

เพราะทาง บลจ.แอสเซท พลัส ได้ออก 2 กองทุน ที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคตอย่าง กองทุน  ASP-POWERRMF ที่เน้นลงทุนในธีมแห่งอนาคตอย่างพลังงานสะอาด และกองทุน ASP-VIETRMF ที่เน้นลงทุนในประเทศที่มีการเติบโตสูงอย่างประเทศเวียดนาม แต่ทั้ง 2 กองทุนจะน่าสนใจยังไง..เราไปดูกันเลยครับ

กองทุน ASP-POWERRMF

เป็นการลงทุนตั้งแต่ ‘ต้นน้ำ’ สู่ ‘ปลายน้ำ’ โดยจะเน้นลงทุนผ่าน 3 ธีมหลัก ได้แก่

1. Resources หรือ แหล่งกำเนิดพลังงาน

กองทุนจะเน้นลงทุนใน พลังงานสะอาดทั่วโลก เช่น บริษัทผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ โดยปัจจุบันพลังงานสะอาดมีอยู่อย่างมหาศาล ขณะที่ทั้งโลกใช้ไปเพียง 27% ทำให้พลังงานสะอาดมีโอกาสเติบโตขึ้นไปได้อีกครับ และภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ก็มีแนวโน้มเติบโตถึง 3 เท่ากันเลยทีเดียวครับ

2. Storages หรือ การจัดเก็บพลังงาน

ในช่วงที่ผ่านมาเทคโนโลยีการจัดเก็บพลังงานได้พัฒนามากขึ้น ส่งผลให้อุปกรณ์อย่างแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสามารถเก็บพลังงานได้มากขึ้น ซ่อมบำรุงรักษาง่าย ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดของเสียที่เกิดจากการเผาไหม้ สามารถใช้ช้ำได้ จึงนิยมใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า โดยกองทุนนี้เลือกลงทุนกับผู้ผลิตและลงทุนในส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิตที่มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตครับ

3. Futuristic Mobility หรือ กลุ่มผู้ใช้ประโยชน์จากพลังงาน

ความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมและการผลักดันของภาครัฐสนับสนุนการเติบโตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ส่งผลให้เป้าหมายถัดไป คือการนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ทดแทนพลังงานน้ำมัน ทำให้การคมนาคมในอนาคต โดยยานยนต์ไฟฟ้า ถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต กองทุนจึงเลือกลงทุนธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการใช้พลังงานแห่งอนาคต เช่น ผู้ผลิตรถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมขับเคลื่อนยานยนต์แห่งอนาคตด้วยนั่นเองครับ

โดยจะแบ่งการลงทุนทั้ง 3 ธีมหลักตามสัดส่วนที่เท่าๆ กัน แต่ถ้าช่วงไหนที่ผู้จัดการกองทุนเห็นว่า ธีมใดธีมหนึ่งมีความน่าสนใจและราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นมากกว่า ก็จะเน้นบริหารเชิงรุก โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนไปในธีมที่มีแนวโน้มการเติบโต เพื่อเป็นการสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับนักลงทุนครับ

ETF และกองทุนที่ ASP-POWERRMF เลือกลงทุน

กองทุน BNP PARIBAS ENERGY TRANSITION

เป็นผู้นำด้านการลงทุนในกลุ่ม ESG ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2002 และเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีบุคลากรที่เป็นทีมใหญ่และมีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะครับ

กองทุน Global X Lithium & Battery Tech ETF

เป็นเจ้าแห่งการลงทุนในธีม ETF และได้ออกกองทุนที่เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมมานานหลายปีแล้ว ทำให้ปัจจุบันได้กลายมาเป็นกองทุนที่เน้นธีมแบตเตอรี่ลิเธียมโดยเฉพาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยครับ

กองทุน KraneShares Electric Vehicles & Future Mobility ETF

เป็นบริษัทจัดการกองทุนของประเทศจีนเพราะกลุ่มที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ในประเทศจีนเยอะ และมีการลงทุนในตลาด A-Shares ที่ต้องใช้โควต้าของนักลงทุนในประเทศจีนอยู่แล้ว เพื่อจะได้ลงทุนสะดวกขึ้นนั่นเองครับ

ในปัจจุบันผู้จัดการกองทุนได้ทำการเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) ในธีมพลังงานสะอาด โดยได้เพิ่มสัดส่วนลงทุนในกองทุน Global X China Clean Energy ETF เข้าไปด้วย ซึ่งเน้นลงทุนในผู้ผลิตพลังงานสะอาดในประเทศจีนเป็นหลัก

กองทุน ASP-POWERRMF เหมาะกับใคร?

1. ผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศและสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุน ความผันผวนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้

2. ผู้ที่สามารถลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาวได้ โดยคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป

3. ผู้ที่ต้องการวางแผนเกษียณ เพราะกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มีเงื่อนไขต้องลงทุนต่อเนื่องเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี และต้องมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ ถึงจะขายหน่วยลงทุนได้ เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีของผู้ที่ลงทุนครับ

กองทุนต่อไปที่จะแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักนั่นก็คือ “กองทุน ASP-VIETRMF” ที่ลงทุนในประเทศที่มีการเติบโตสูงอย่างประเทศเวียดนาม แต่จะมีความน่าสนใจยังไง aomMONEY ขออธิบายให้ฟัง ดังนี้ครับ

กองทุน ASP-VIETRMF

เป็นการลงทุนใน ‘ประเทศเวียดนาม’ โดยปีนี้ตลาดหุ้นเวียดนามถือว่าทำได้ดีเลยครับเพราะดัชนี VN30 ที่เป็นตัวแทนหุ้นกลุ่มใหญ่ๆ บวกขึ้นมาถึง 38% ถ้าเราลองเทียบกับประเทศในแถบอาเซียนจะเห็นว่าเวียดนามมีความโดดเด่นมากเลยทีเดียว เพราะบางประเทศยังติดลบอยู่หรือบวกขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้น

และถ้าเราลองมองไปข้างหน้า ก็จะพบว่าตลาดหุ้นเวียดนามยังโตได้อีกอย่างน้อยๆ กำไรบริษัทจดทะเบียนเฉลี่ย 20% ต่อปี และที่สำคัญตลาดหุ้นเวียดนามถูกประเมินค่า P/E ในปี 2022 อยู่ที่ 12-13 เท่า ถือว่ายังถูกครับ เพราะถ้าเทียบกับประเทศในแถบอาเซียนแล้ว โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 15 เท่า แม้จะดูเหมือนว่าตลาดหุ้นเวียดนามจะขึ้นมาเยอะมากแล้ว แต่ในอนาคตก็ยังเป็นอะไรที่น่าสนใจอยู่ครับ

ทำไมประเทศเวียดนามถึงยังน่าสนใจ?

1. เศรษฐกิจประเทศเวียดนามขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง

แม้ที่ผ่านมาทั่วโลกจะเจอกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า GDP ประเทศเวียดนามจะขยายตัวได้ถึง 3.8% ถือว่าขยายตัวได้สูงที่สุดถ้าเทียบกับประเทศในแถบอาเซียนด้วยกัน และก่อนจะเกิดโควิด-19 เวียดนามก็เติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วครับ

2. มีโครงสร้างประชากรที่ดี

ประเทศเวียดนามมีประชากรกว่า 98 ล้านคน โดยประชากรกว่า 60% อายุเฉลี่ยอยู่ในวัยทำงาน และค่าแรงในประเทศก็ถูก แถมมีอัตราการเกิดที่สูงขึ้นอีกด้วยครับ ซึ่งตรงนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตในระยะยาว ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวของชนชั้นกลางมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คนมีกำลังซื้อมากขึ้น รวมถึงการใช้จ่าย และการบริโภคที่มากขึ้นตามด้วยครับ

3. มีการขยายตัวของชนชั้นกลาง

ประเทศเวียดนามมีแนวโน้มว่าจะเป็นประเทศที่มีการขยายตัวของชนชั้นกลางเร็วที่สุดในเอเชีย เพราะขณะนี้เวียดนามมีชนชั้นกลาง 13% ของประชากร และธนาคารโลก (World Bank) ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า ภายในปี 2026 ครับ

4. ประเทศเวียดนามเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ ทำให้การส่งออกมีการเติบโต

ปัจจุบันเศรษฐกิจประเทศเวียดนามพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศถึง 70% ซึ่งในอนาคตอาจจะมีปัจจัยจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นด้วยครับ จากประชากรที่มีศักยภาพ ความรู้ และทักษะแรงงานฝีมือ เพราะค่าแรงภายในประเทศถือว่ายังไม่สูงมาก ทำให้เกิดการลงทุนทั้งจากภายในและจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เวียดนามกลายเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ผลิตตั้งแต่สินค้าทั่วไปที่เน้นใช้แรงงาน ไปจนถึงสินค้า High-Tech อย่าง Intel, Apple, LG, Samsung จึงเป็นที่น่าจับตาว่า ขณะที่โลกเรากำลังเปลี่ยนเป็นโลกแห่งดิจิทัล เวียดนามจะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญครับ

5. ประเทศเวียดนามทำข้อตกลงกับการค้าทั่วโลก

ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลง FTA กับยุโรปและสหรัฐฯ รวมถึงเข้าร่วมตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP ที่จะทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มสมาชิก ถือว่าเป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับประเทศเวียดนามเป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ

และทาง บลจ.แอสเซท พลัส ก็เห็นโอกาสในการเติบโตของประเทศเวียดนามในครั้งนี้ จึงได้เข้าไปลงทุน และแบ่งการลงทุนออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ได้แก่

1. ลงทุนในประเทศเวียดนามโดยตรง 60%

จะมีการลงทุนในหุ้นและกองทุน ETF ที่จดทะเบียนในประเทศเวียดนาม โดยตลาดเวียดนามเป็นตลาดที่มีความพิเศษอย่างหนึ่งครับ เพราะจะกำหนด FOL Limit หรือ ข้อจำกัดในการลงทุนของต่างชาติ ที่จะกำหนดการซื้อหุ้นบางตัวไม่ให้ซื้อเกินกี่เปอร์เซ็นต์นั่นเองครับ

2. ลงทุนนอกประเทศเวียดนาม 40%

จะมีการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศและ ETF เช่น JP Morgan Vietnam Opportunities Fund, Vietnam Equity (UCITS) Fund, Premier MSCI Vietnam ETF Fund กองทุนที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ ฮ่องกง เพื่อเข้ามาช่วยในเรื่องของสภาพคล่อง เพราะกองทุนดังกล่าวจะมีการไถ่ถอนที่ชัดเจน

และสัดส่วนการลงทุนของกองทุน ASP-VIETRMF ยังเป็นอุตสาหกรรมทั่วไป ได้แก่

1. ธุรกิจธนาคาร 31%

2. ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค 17%

3. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 15%

4. ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง 6%

โดยกองทุน ASP-VIETRMF มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง YTD อยู่ที่ +45.61% เป็นผลตอบแทนย้อนหลังที่โดดเด่นเป็นอันดับที่ 2 ของอุตสาหกรรม RMF ทั้งหมดประมาณ 100-200 กองทุน

(ข้อมูล ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2564)

กองทุน ASP-VIETRMF เหมาะกับใคร?

1. ผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังประเทศเวียดนาม และสามารถรับความผันผวนของราคาที่กองทุนไปลงทุนได้ ซึ่งอาจจะเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลงจนต่ำกว่ามูลค่าที่ลงทุนและทำให้ขาดทุนได้

2. ผู้ที่สามารถลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาวได้ โดยคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป

3. ผู้ที่ต้องการวางแผนเกษียณ เพราะกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มีเงื่อนไขต้องลงทุนต่อเนื่องเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี และต้องมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ ถึงจะขายหน่วยลงทุนได้ เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีของผู้ที่ลงทุนครับ

สำหรับใครที่สนใจและไม่อยากพลาดโอกาสลงทุน ในธีมแห่งอนาคตและประเทศแห่งการเติบโต ทาง บลจ.แอสเซท พลัส ได้มีโปรโมชั่นมาฝากเพื่อนๆ ทุกคนครับ

ใครที่ซื้อหรือย้ายกองทุน LTF RMF และ SFF มาที่ บลจ.แอสเซท พลัส จะได้รับ CASHBACK ทันที 0.2%*

* เมื่อลงทุนสะสมสุทธิ 30,000 บาทขึ้นไป (ภายใน 30 .. 64 และถือครองถึง 31 มี.. 65)

แต่เท่านั้นยังไม่พอครับ! เพื่อตอบโจทย์ยุคเทคโนโลยีแบบนี้ เพื่อนๆ ทุกคนสามารถเปิดบัญชีกองทุนออนไลน์ของ บลจ.แอสเซท พลัส ได้ง่ายๆ ผ่านสมาร์ทโฟนของตัวเอง เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ASP FUND

iOS: https://apps.apple.com/us/app/asp-fund/id1437969442

Android: https://play.google.com/store/apps/details?id=com.assetfund.aspfund&hl=th&gl=US

ผู้ที่สนใจกองทุนของ บลจ.แอสเซท พลัส สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่  02-672-1111 หรือ www.assetfund.co.th

ผลดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน
มิได้เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุน ในกองทุนรวมดังกล่าวด้วย การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจในลักษณะของกองทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน

บทความนี้เป็น Advertorial