นานมาแล้วมนุษย์ออกเดินทางเพื่อ “จุดหมายปลายทาง”
และในวันนี้..เราทำงาน เก็บเงิน และลงทุน เพื่อออกตามหา “อิสรภาพทางการเงิน”

ทั้งสองอย่างมีความเกี่ยวข้องกัน แต่ด้วยจุดเริ่มต้น, Background, เป้าหมายทางการเงิน และวิธีการที่แตกต่างกัน จึงทำให้นิยามของคำว่า “อิสรภาพทางการเงิน” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความพยายามเพื่ออิสรภาพทางการเงินของมนุษย์แต่ละคนมีไม่เท่ากัน

ทาง Merrill Edge เคยมีรายงานเรื่อง “อิสรภาพทางการเงิน และการเกษียณอายุของคนรุ่นใหม่” ออกมาให้เราได้ศึกษากัน ในรายงานบอกว่า 63% ของคนรุ่นใหม่ (Gen Y) นั้นลงทุนเพื่อให้มีเงินก้อน และรายได้เพื่อใช้ชีวิตอย่างอิสระได้ตามที่ตนเองต้องการ ต่างกับคนรุ่นก่อนหน้าอย่าง Gen X และ Baby boomer ที่มากกว่า 55% มีเป้าหมายในการเก็บเงินเพื่อการเกษียณเท่านั้น

เมื่อถามเจาะลึกเข้าไปถึงลำดับความสำคัญในชีวิตก็พบว่า คนรุ่นใหม่จะให้ความสำคัญกับ “การใช้ชีวิต” มากกว่าคนสมัยก่อน เช่น การได้ทำงานในฝัน หรือท่องเที่ยวไปรอบโลก

เพราะนิสัยการใช้เงินของคนรุ่นใหม่ จะหมดไปกับเรื่องการท่องเที่ยว กินข้าวแฮงก์เอาท์นอกบ้าน และการดูแลรักษาสุขภาพ มากกว่าลงทุนเพื่ออนาคตทางการเงินของตัวเอง ทว่าเรื่องการแต่งงาน หรือการสร้างครอบครัว กลับกลายเป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญน้อยลง

จากรายงานของ Merrill แสดงให้เห็นแนวความคิดของคนรุ่นใหม่ ที่ปัจจุบันจะให้ความสำคัญกับเป้าหมายหรือปลายทางกันน้อยลง แต่จะใช้ชีวิตกับปัจจุบันอย่างเต็มที่ และมีความยืดหยุ่น เรายินยอมที่จะทำงานที่รักได้ตราบนานเท่านาน แตกต่างกับคนรุ่นพ่อรุ่นแม่อย่างชัดเจน

เราสามารถพูดได้ว่า “อิสรภาพ”ในการเลือกทางเดินของชีวิต กลายมาเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่โหยหากันมากขึ้น

จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นคนรุ่นใหม่ในสมัยนี้ทำงานหลากหลายมากกันขึ้น งานประจำในชีวิตเขาไม่ได้มีแค่งานเดียว เพราะเชื่อว่าความสามารถของเราไม่ได้มีเพียงแค่ด้านเดียว Active Income สามารถสร้างได้จากหลายทาง และมีเพิ่มได้เรื่อยๆตราบใดที่เรายังสนุกและมีความสุขที่จะทำงานนั้นๆ

เป็นเรื่องตลกร้ายที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ “อิสรภาพทางการเงิน” มาก แต่กลับพยายามทำเพื่อมันน้อยลง อิสรภาพทางการเงิน จึงกลายเป็นคำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายของชีวิต แต่แท้จริงแล้วพวกเรากำลังให้ความสำคัญกับชีวิตในปัจจุบัน มากกว่าเป้าหมายทางการเงิน

พูดง่ายๆว่า เราชอบผจญภัยกับเรื่องราวระหว่างทางมากกว่าตั้งใจเดินไปสู่ปลายทางเสียอีก ถ้าผมจะพูดว่า คนสมัยก่อนเดินทางเพื่อ “จุดหมายปลายทาง” แต่คนรุ่นใหม่กำลังตามหา “อิสรภาพและความสุข” ระหว่างทางก็คงไม่ผิดอะไร

ถ้าอิสรภาพทางการเงิน จะทำให้คนรุ่นใหม่อย่างเราใช้ชีวิตอย่างอิสระได้ในอนาคต แต่มันต้องแลกมาด้วยช่วงเวลาที่จะโดนกักขังไม่ให้ใช้ชีวิตตามต้องการ ผมเชื่อว่าหลายคนคงเบือนหน้าหนีมันอย่างแน่นอน

สิ่งที่สะท้อนออกมาจากผลสำรวจ คือ คนส่วนมากยอมละทิ้งคำว่า "อิสรภาพทางการเงิน" เพื่อใช้ชีวิตปัจจุบันในทุกวันของเขาอย่างคุ้มค่า ถึงแม้เงินจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้ตามที่ต้องการ แต่เราไม่จำเป็นต้องมีอิสระจากเงินเพียงอย่างเดียว

ต้องมีอิสระในการใช้ชีวิตควบคู่ไปด้วย!!!

สุดท้ายแล้วชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรที่มันผ่อนหรือตึงในด้านใดด้านหนึ่ง
ความสุขในการใช้ชีวิตจะเกิดขึ้นถ้าเราจัดสรรความต้องการของชีวิตให้เกิดความสมดุลได้อย่างลงตัว