รู้หรือไม่? ว่าใครเป็นผู้ได้ประโยชน์จากซีรีส์อินเดียที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้

หุ้น "JKN" หรือบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) คือผู้ให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และให้บริการเวลาเพื่อโฆษณาทางสถานีโทรทัศน์ โดยรายได้หลักของบริษัทฯ มาจากค่าลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่บริษัทฯ ซื้อมาจากต่างประเทศ แล้วนำมาตัดต่อ พากย์ ทำเพลงและดนตรีประกอบ พัฒนาให้เหมาะกับผู้ชมชาวไทย แล้วขายต่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสื่อประเภทต่างๆ ทั้งช่องโทรทัศน์ สื่อออนไลน์ และโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์

ยกตัวอย่างคอนเทนต์ที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วงนี้ เช่น ซีรีส์อินเดียหนุมานรามเทพ, สีดาราม รวมไปถึง นาคิน เป็นต้น

"คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์" หรือ "คุณแอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ JKN" ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตของ JKN

เพราะคุณแอนคลุกคลีกับธุรกิจคอนเทนต์มาตั้งแต่เด็ก โดยบ้านของคุณแอนเป็นร้านเช่าวิดีโอ ซึ่งนั่นทำให้คุณแอนมีโอกาสได้ดูละคร ซีรีส์ และภาพยนตร์มาตั้งแต่จำความได้ ประสบการณ์เหล่านี้นี่เองที่กลายมาเป็นความสามารถในการมองหาคอนเทนต์ใหม่ๆ ว่ามีคอนเทนต์จากประเทศใดน่าสนใจบ้าง แล้วคุณแอนจะไปดึงคอนเทนต์นั้นมาพัฒนาและปรับปรุงให้เหมาะกับจริตของคนไทย โดยบริษัทฯ จะเซ็นสัญญากับเจ้าของคอนเทนต์จากประเทศต้นทางในการเป็นตัวแทนจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟในประเทศไทย อย่างปรากฎการณ์ซีรีส์อินเดียฟีเวอร์ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศก็ทำให้ JKN ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ จากการเป็นผู้นำคอนเทนต์เหล่านั้นเข้ามา ซึ่งความสามารถของคุณแอนในการมองและวิเคราะห์คอนเทนต์อย่างเฉียบขาดนี้ ถือเป็นความสามารถในการแข่งขันที่แทบจะลอกเลียนแบบไม่ได้ของ JKN

ผลการดำเนินงานของ JKN ถือว่าเติบโตได้อย่างน่าประทับใจ

ในแง่รายได้ของบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 2558 – 2560 บริษัทฯ มีรายได้รวม 457.23, 846.37 และ 1,155.58 ล้านบาทตามลำดับ เทียบเท่าเป็นอัตราการเติบโตทบต้น 58.98% ต่อปี ในขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 2558 – 2560 อยู่ที่ 133.40, 164.09 และ 187.67 ตามลำดับ เทียบเท่ากับอัตราการเติบโต 18.61% ทบต้นในระหว่างช่วงปีดังกล่าว

"การเติบโตของ JKN ที่ผ่านมาเกิดจากการบริหารคอนเทนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คอนเทนต์จากต่างประเทศนั้นมีตลาดผู้ชมในประเทศรองรับอยู่จริง"

และอย่างที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันช่องทีวีดิจิทัลในประเทศไทยมีอยู่เป็นจำนวนมาก และหลายช่องประสบกับปัญหาการหาคอนเทนต์ดีๆ มาลงผังในแต่ละวัน ซึ่งเมื่อ JKN สร้างกระแสความนิยมในคอนเทนต์ ทั้งซีรีส์อินเดียและฟิลิปปินส์ขึ้นมาได้ ช่องโทรทัศน์ต่างๆ ก็ไม่ลังเลที่จะซื้อคอนเทนต์เหล่านี้ไปใช้ ซึ่งทางผู้ซื้อก็ประหยัดเวลาและต้นทุนในการไปสร้างคอนเทนต์เอง ธุรกิจของ "JKN" จึงเรียกได้ว่าค่อนข้างตอบโจทย์ในยุคที่กิจการโทรทัศน์ไทยกำลังพัฒนาและเติบโตขึ้นย่างรวดเร็วในขณะนี้

เป้าหมายต่อไปของ "JKN" คือการขยายจากผู้จัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ สู่การเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์

หลังจากที่ JKN เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และสร้างชื่อในฐานะผู้จัดจำหน่ายคอนเทนต์ระดับประเทศได้แล้ว ก้าวต่อไปของบริษัทฯ คือการพัฒนาไปใน 2 ด้าน อย่างแรกคือตอกย้ำจุดแข็งของธุรกิจในการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ โดยมีลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่หลากหลายและครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม คอนเทนต์ทุกประเภทที่ผู้ชมสนใจ โดยจะใช้งบลงทุน 600 – 800 ล้านบาทในการซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่ม โดยปัจจุบันมีคอนเทนต์อยู่ในมือมากกว่า 3,500 คอนเทนต์แล้ว

ส่วนการพัฒนาอีกด้านคือ การขยายไปสู่ธุรกิจผลิตคอนเทนต์ โดย JKN ได้รับสิทธิจาก NBC ให้ผลิตคอนเทนต์ภายใต้แบรนด์ CNBC ซึ่งถือเป็นสื่อด้านธุรกิจและการลงทุนที่มีชื่อเสียง ได้รับการยอมรับในระดับโลก ซึ่งบริษัทฯ จะสร้างรายการข่าวให้แก่สถานีข่าวช่อง CNBC Thailand โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 125 ล้านบาท และเริ่มออกอากาศในปี 2562

"ซึ่งแผนงานทั้งหมดนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าว่า น่าจะสามารถผลักดันรายได้รวมของปีนี้ให้เติบโตได้กว่า 20 – 25%"

"JKN-W1" คือโอกาสในการเติบโตของ JKN

ล่าสุด JKN ประกาศอนุมัติแผนการออกวอแรนต์ JKN-W1 อายุ 2 ปี จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 วอแรนต์ ซึ่งวอแรนต์ดังกล่าวจะได้รับสิทธิซื้อหุ้นสามัญ 1 หุ้นในราคา 15 บาทต่อหุ้น ปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะได้รับสิทธิในวันที่ 3 พฤษภาคม 2561 และจะเริ่มใช้สิทธิแปลงสภาพได้ทุก 6 เดือนตามวันที่กำหนด

การออกวอแรนต์ดังกล่าวเพื่อเป็นการระดมทุนมารองรับการเติบโตทั้ง 2 ด้านในอนาคตของบริษัทฯ ทั้งการเติบโตในแง่ผู้จัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ที่ซื้อคอนเทนต์มาบริหารและขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และในแง่ของผู้ผลิตคอนเทนต์ที่ได้รับการสิทธิในการผลิตรายการภายใต้แบรนด์ระดับโลกอย่าง "CNBC"

"JKN" ถือเป็นธุรกิจที่ถูกที่ถูกเวลามากสำหรับทศวรรษนี้

ในภาวะที่ช่องโทรทัศน์มีจำนวนมากและแต่ละช่องเริ่มหันมาซื้อคอนเทนต์คุณภาพมาฉายมากขึ้นเมื่อเทียบกับการผลิตคอนเทนต์เอง … JKN จึงถือว่าเป็นบริษัทที่ก้าวเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างตรงจุด และด้วยความสามารถในการพัฒนาคอนเทนต์ให้ถูกจริตกับคนไทยก็ถือเป็นความสามารถที่โดดเด่นของ JKN

ต่อไปเราคงต้องมาติดตามดูกันว่า ภาพคอนเทนต์ในแบรนด์ CNBC จะถูกนำเสนอออกมาในรูปแบบไหน และจะถูกคอคนไทยอย่างที่ซีรีส์อินเดียประสบความสำเร็จไปอย่างล้นหลามหรือเปล่า

"จับรีโมตทีวีนั่งหน้าจอรอชมกันได้เลย"

***บทความนี้มีเจตนาสรุปข้อมูลพื้นฐานของหลักทรัพย์จากข้อมูลสาธารณะเพื่อเป็นประโยชน์และความรู้ในการลงทุนเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาแนะนำซื้อ ถือ หรือขายหลักทรัพย์แต่อย่างใด***

ลงทุนศาสตร์ - Investerest

บทความนี้เป็น Advertorial