กลุ่มประเทศ CLMV ถือเป็นกลุ่มประเทศที่มีการเติบโตอย่างสะดุดตานักลงทุน

ที่ต้องใช้คำว่าสะดุดตานักลงทุนเพราะกลุ่มประเทศ CLMV อันประกอบไปด้วย C (กัมพูชา) L (ลาว) M (เมียนมาร์) และ V (เวียดนาม) มีการเติบโตของ GDP ที่บ่งบอกถึงขนาดเศรษฐกิจสูงมาก ในขณะที่ประเทศไทยเติบโตในระดับ 3.9% ในปี 2017 แต่กัมพูชาและลาวเติบโตถึง 6.9% ในขณะที่เมียนมาร์และเวียดนามเติบโต 6.8% ซึ่งถือว่าสูงมาก หากเทียบกับค่าเฉลี่ยโลก

การเติบโตของ CLMV ทำให้นักลงทุนนึกถึงยุคทองของประเทศไทย

ในอดีต ประเทศไทยเคยเติบโตในระดับมากกว่า 6% ต่อปี แล้วยุคนั้นก็สร้างความมั่งคั่งให้กับทั้งประชาชน นักธุรกิจ และนักลงทุนในประเทศเป็นอย่างมาก การเติบโตเศรษฐกิจจึงเป็นปัจจัยที่นักลงทุนมักจะมองหาตลอด เพราะการเติบโตของเศรษฐกิจถือว่าเป็น “ลมใต้ปีก” ที่ดีในการลงทุน เรียกว่าเศรษฐกิจโต ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมต่างๆ ก็มักจะโตยกแผง ในเมื่อก้อนเค้กขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ คนกินเค้กก็ไม่ต้องมาแย่งเค้กกันเอง เพราะทุกคนก็มีความสุขกับเนื้อก้อนเค้กที่ใหญ่ขึ้น

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือประเทศลาว เป็นอีกประเทศที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม

ในขณะที่นักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจไปกับประเทศเวียดนามและกัมพูชา แต่ประเทศลาวก็มีการเติบโตของเศรษฐกิจสูงไม่แพ้กัน ยิ่งถ้ามองในมุมว่าประเทศลาวยังเติบโตมาจากฐานที่ต่ำ และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตและพัฒนาขึ้นอีกมาก ประเทศลาวมีรายได้หลักจากการส่งออกไฟฟ้า เหมืองแร่ และการท่องเที่ยว ประเทศลาวจึงถือเป็นอีกประเทศที่นักลงทุนไม่ควรจะให้หลุดไปจากจักรวาลการลงทุนของตัวเอง

ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศลาว

อ้างอิงจาก ADB (Asian Development Bank)

  • ปี 2013     GDP ประเทศลาวเติบโต 8.0%        อัตราเงินเฟ้อ    6.4%
  • ปี 2014     GDP ประเทศลาวเติบโต 7.6%         อัตราเงินเฟ้อ    4.1%
  • ปี 2015     GDP ประเทศลาวเติบโต 7.3%         อัตราเงินเฟ้อ    1.3%
  • ปี 2016     GDP ประเทศลาวเติบโต 7.0%         อัตราเงินเฟ้อ    1.6%
  • ปี 2017     GDP ประเทศลาวเติบโต 6.9%         อัตราเงินเฟ้อ    0.8%

สังเกตว่าในระยะแรก การเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศลาวมีแนวโน้มสูงมาก แต่อัตราเงินเฟ้อก็สูงมากเช่นกัน แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป การเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศลาวยังมีแนวโน้มเติบโตในระดับสูง แต่อัตราเงินเฟ้อลดต่ำลงมากมาในระดับใกล้เคียงกับประเทศไทย ตรงนี้เป็นจุดสำคัญ เพราะถ้าค่าเงินของประเทศใดประเทศหนึ่งเฟ้อมากอย่างรวดเร็ว นั่นหมายถึงความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของเงินสกุลนั่นจะต่ำลง ค่าเงินมักจะอ่อนเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ประเด็นตรงนี้อาจส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนของเงินที่นำไปลงทุน จนทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ต่ำลงได้ แต่ตัวเลขเงินเฟ้อของประเทศลาวในตอนนี้ก็ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีและค่อนข้างดูจะมีเสถียรภาพมากกว่ายุคเมื่อประมาณ 5 – 10 ปีก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

ในเมื่อประเทศลาวน่าสนใจในการลงทุนแล้ว นักลงทุนไทยสามารถลงทุนอะไรในประเทศลาวได้บ้าง

โดยมุมมองส่วนตัว ตลาดหุ้นของลาวยังค่อนข้างเป็น “ท่ายาก” ในการลงทุนอยู่ เพราะมีหุ้นจำนวนไม่มาก และที่สำคัญ ข้อมูลบริษัทสามารถติดตามได้ค่อนข้างยาก และมีภาษาอังกฤษน้อย ตัวเลือกอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจในการลงทุนคือ “ตราสารหนี้” โดยตราสารหนี้ที่แนะนำสำหรับประเทศลาวคือตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลเป็นหลัก เพราะอยากที่บอกว่าข้อมูลบริษัทเอกชนสามารถหาติดตามได้ยาก และมีข้อจำกัดทางภาษา

ตราสารหนี้ที่หยิบมาเล่าในวันนี้ คือ พันธบัตรของกระทรวงการคลัง แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จัดเป็นตราสารหนี้ชนิดไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือพันธบัตร ชำระคืนเงินต้นครั้งเดียวเมื่อครบกำหนดไถ่ถอน โดยดอกเบี้ยของพันธบัตรจะจ่ายปีละ 2 ครั้ง ในวันที่ 29 พฤษภาคม และ 29 พฤศจิกายนของทุกปี พันธบัตรได้ถูกจัดอันดับเครดิตที่ระดับ BBB+/Negative Outlook โดย TRIS Rating เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561

พันธบัตรกระทรวงการคลังของประเทศลาวนี้ขายให้เฉพาะผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่  มีทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุ 3 ปี (อัตราดอกเบี้ย 4.30%) รุ่นอายุ 5 ปี (อัตราดอกเบี้ย 5.00%) รุ่นอายุ 10 ปี (อัตราดอกเบี้ย 6.00%) และรุ่นอายุ 12 ปี (อัตราดอกเบี้ย 6.45%) ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกันซึ่งถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล ส่วนต่างของดอกเบี้ยที่สูงมากขึ้นจึงเหมือนส่วนชดเชยความเสี่ยงของประเทศลาว อย่างไรก็ตาม พันธบัตรรัฐบาลถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ถ้าเทียบกับสินทรัพย์ลงทุนอื่น หากนักลงทุนไทยจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลลาวเก็บไว้ก็สามารถทำได้ ย้ำอีกครั้งว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ถึงแม้ว่าพันธบัตรจะออกโดยรัฐบาลประเทศลาว และเป็นสกุลเงินบาท แต่ปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และความเสี่ยงทั่วไปของตราสารหนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาติดตาม หากใครสนใจอยากได้ข้อมูลเพื่อตัดสินใจในการลงทุนเพิ่ม สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. http://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSDE01.aspx?TransID=223776

ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงแบบนี้ ศึกษาการลงทุนเกี่ยวกับเขาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายเลย

ลงทุนศาสตร์ - Investerest