เพื่อน ๆ คิดว่า ถ้าแฟนหรือคนรักของเราโกหกเราเรื่องเงิน เราจะรับได้มากน้อยแค่ไหนครับ aomMONEY เชื่อว่าหลายคนน่าจะรับกันไม่ได้แน่นอน เพราะการมีความลับ โกหก หรือบอกไม่หมด สะท้อนถึงความไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่ครอง

และแน่นอนครับว่า เมื่อมีความลับในชีวิตคู่ การไปต่อย่อมเป็นเรื่องยาก

ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่เราทุกคนรู้กันดี แต่เชื่อไหมครับว่าโพลสำรวจจาก The Harris Poll และ National Endowment for Financial Education ซึ่งทำการสำรวจชาวสหรัฐฯ จำนวน 2,073 คน

เปิดเผยข้อมูลออกมาว่า...

43% เคยโกหกเรื่องเงินคู่ครองตัวเอง
39% เคยแอบกระเป๋าตังค์ แอบมีบัญชีลับ แอบเงินสดและแอบบิล
21% เคยโกหกเรื่องเงิน เรื่องหนี้และเรื่องรายได้

แล้วทำไมคนกลุ่มนี้ต้องมีความลับเรื่องเงินกันด้วยนะ? ในส่วนนี้ ข้อมูลจากโพลสำรวจเขาบอกถึงเหตุผลที่คนเหล่านี้อุบอิบเรื่องเงินกับคนรัก ดังนี้ครับ

38 % ให้เหตุผลว่าก็เรื่องเงินมันคือเรื่องส่วนตัว
34 % บอกว่า ก็คิดว่าถ้าพูดไปแล้วเขาคงไม่เห็นด้วย
33 % บอกว่ากลัวและลำบากใจที่จะพูดเรื่องเงินด้วยกัน

และทราบไหมครับว่า คนกลุ่มนี้เขารู้นะครับว่าการโกหกเรื่องเงินต่อคู่ครองเช่นนี้ ส่งผลลบต่อความสัมพันธ์ เพราะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามด้วยซึ่งอาจร้ายแรงไปถึงขนาดเลิกราและหย่าร้างกันได้เลย น่าแปลกใจนะครับ ที่ทุกคนรู้ แต่ก็ยังเลือกทำ

แล้วถ้าเพื่อนๆ บางคนกำลังมีความลับเรื่องเงินกับแฟนในตอนนี้ ควรทำยังไงต่อดี?

ทาง Harris Poll ก็ได้แนะนำนะครับว่า ก่อนอื่นเลยให้สารภาพและเคลียร์ทุกเรื่อง (อ่านถึงตรงนี้ บางคนคงคิดว่า ไม่มีทางบ้านแตกแน่นอน) แต่แนะนำว่าลองค่อย ๆ เข้าหาดูครับ ชวนคุยถึงเป้าหมายการเงินและฝันที่วาดร่วมกัน แล้วค่อยเข้าเรื่อง เช่น เราจะจัดการกับหนี้ยังไงดี เราจะมีบัญชีรวม หรือ แยกกระเป๋าเงินกัน เรื่องไหนใครดูแล หรือ ถ้าอยากได้คนมาช่วยก็ลองหาที่ปรึกษาด้านการเงินให้เข้ามาช่วยกำกับอีกแรง แต่บางกรณีก็มีนะครับที่ตกลงจะแยกเงินส่วน แต่แชร์เฉพาะค่าใช้จ่ายรวม

ซึ่งไม่มีวิธีใดถูก ผิด ขึ้นอยู่กับแต่ละคู่ครับว่าสะดวกใจแบบไหน

อย่างไรก็ตาม aomMONEY ขอแนะนำว่า หากต้องการให้ชีวิตคู่ไปรอด ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องที่ส่งผลกระทบต่ออีกฝ่าย ก็ควรแจ้งกันให้ทราบ