เวลาที่ผมไปเดินตามงานตลาดนัดนักลงทุนหรือเทศกาลการลงทุนต่างๆ ผมสังเกตเห็นว่าสถาบันทางการเงินต่างๆมีการพัฒนาเครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆนะครับ อย่างบัญชีออมหุ้นที่ตัดเงินเรารายเดือนเพื่อนำไปลงทุนในรูปแบบ DCA นั้น สมัยซัก 10 ปีก่อนมีอยู่แค่ 1-2 บริษัทที่ให้บริการเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีผู้ให้บริการเพียบเลยนะครับ ซึ่งในบทความนี้ผมจะไม่ได้ลงรายละเอียดนะครับว่ามีที่ไหนบ้าง กลัวเวลาผ่านไปแล้วผู้ให้บริการมากขึ้นแล้วบทความจะไม่ update แต่อย่างไรก็ตามเพื่อนๆสามารถค้นข้อมูลได้จากทาง Google ด้วยคำว่า บัญชีออมหุ้น ได้เลยครับ

ทั้งนี้พอผมเข้าไปอ่านดูรายละเอียดในแต่ละสถาบันการเงินที่ให้บริการนั้น จะพบว่าถึงแม้จะเป็นบริการซื้อหุ้นในหลักการเดียวกัน แต่เงื่อนไขในการให้บริการก็แตกต่างกันไปบ้างนะครับ ไม่ได้เหมือนกันเปะๆ 100% ผมเลยสรุปข้อควรรู้มาว่าก่อนเปิดบัญชีออมหุ้นต้องทราบอะไรบ้าง เพื่อที่เพื่อนๆทุกคนจะได้นำไปเปรียบเทียบและพิจารณาผู้ให้บริการที่เหมาะสมกับตัวเองครับ

1. รายชื่อหุ้นที่สามารถซื้อได้

ในการซื้อหุ้นแบบ DCA นั้นเราจะต้องซื้อทุกเดือนใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นแล้วสภาพคล่องในการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก บริษัทต่างๆจึงมีข้อกำหนดเอาไว้ว่าเราจะซื้อหุ้นตัวไหนได้บ้าง ตรงนี้ต้องไปตรวจสอบที่ผู้ให้บริการนะครับ บางที่จะใช้นักวิเคราะห์คัดสรรหุ้นมากลุ่มหนึ่งที่มีทั้งหุ้นกลุ่มใหญ่และหุ้นขนาดรองลงมาที่มีสภาพคล่องสูงและมีอัตราการเติบโตที่น่าจับตา ในขณะที่บางสถาบันการเงินจะให้นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นในกลุ่ม SET50 ได้ทุกตัว หรืออาจจะมี ETF ให้บริการด้วยครับ ตรงนี้เราก็ต้องมาดูกันก่อนนะครับว่าหุ้นที่เราสนใจ มีที่ไหนเปิดให้ออมหุ้นได้บ้าง

2. จำนวนเงินขั้นต่ำในการลงทุน

จำนวนเงินขั้นต่ำมีผลต่อการลงทุนเยอะนะครับ บางคนเงินเดือนไม่มาก อาจจะเป็นพนักงานที่เพิ่มเรียนจบเงินเดือน อยู่ในขั้นเริ่มต้นที่ 12,000-15,000 บาท ถ้าขั้นต่ำในการออมหุ้นคือ 1,000 บาทต่อเดือน ก็รู้สึกไม่หนักเกินไปที่จะเริ่มลงทุนนะครับ ในส่วนนี้เราก็ต้องเช็คกันว่าการให้บริการมีขั้นต่ำเท่าไหร่ ซึ่งเท่าที่ผมเช็คมา บางที่ให้เริ่มออมหุ้นได้ที่ 1,000 บาท บางที่ 2,000 บาท และมีไปจนถึงระดับเริ่มต้นที่ 5,000 บาทต่อเดือนครับ

นอกจากข้อกำหนดขั้นต่ำต่อเดือนแล้วยังมีขั้นต่ำต่อหุ้นด้วย เช่นหากเราซื้อหุ้น 2 ตัวต่อเดือนและมีขั้นต่ำต่อ 1 ตัวที่ 1,000 บาท แปลว่าพอร์ตการลงทุนของเราจะต้องเริ่มที่ 2,000 บาทนะครับ อย่าลืมลองเช็คขั้นต่ำต่อหุ้นก่อนนะครับ โดยส่วนใหญ่แล้วจะกำหนดขั้นต่ำที่ 1,000 บาทต่อหุ้นแบบทวีคูณ ต้องซื้อที่ตัวเลขกลมๆหลักพัน 1,000 -> 2,000 -> 3,000 ครับ

3. จำนวนหุ้นที่เลือกได้สูงสุด

ถ้าหากใครติดตามผม ผมมักจะแนะนำให้กระจายความเสี่ยงในการลงทุน เช่น หากเป็นมือใหม่ก็ลองออมหุ้นซัก 3-5 ตัวในหุ้นดูดีมีอนาคตและน่าจะมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาว แต่ทั้งนี้ หลายๆคนก็อาจจะอยากทราบว่าผู้ให้บริการสามารถให้เราเลือกซื้อหุ้นได้ทั้งหมดกี่ตัว ตามที่ผมได้เช็คมาแล้ว บางทีสามารถเลือกออมหุ้นได้ถึง 20 ตัว บางทีจำกัดไว้แค่ 10 ตัวเท่านั้นนะครับ หลายๆที่กำหนดไว้ไม่ท่ากัน ก็เป็นข้อมูลเผื่อเอาไว้ประกอบการพิจารณาได้อีกส่วนครับ

4. การตัดเงินเพื่อชำระค่าหุ้น

การตัดเงินจากบัญชีเพื่อซื้อหุ้นนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญและเราจะต้องทราบเพื่อเตรียมเงินไว้ให้พร้อมในการซื้อหุ้นนะครับ โดยหลักๆแล้วผู้ให้บริการก็มีการตัดเงินอยู่ 2 แบบ นั้นคือ “จ่ายเงินก่อนซื้อหุ้น” และ “ซื้อหุ้นก่อนแล้วจ่ายเงินที่หลัง” ซึ่งเราต้องเช็คนะครับว่าผู้ให้บริการของเรานั้นเป็นรูปแบบไหน ซึ่งโดยปกติแล้วหากเป็นการซื้อหุ้นก่อน จะมีการตัดบัญชีอัตโนมัติด้วย ATS ล่วงหน้า 1 วัน และกรณีที่ซื้อหุ้นก่อนแล้วจ่ายเงินที่หลังก็จะเป็นไปตามข้อกำหนดเหมือนการซื้อหุ้นของตลาดหลักทรัพย์นะครับ เดิมที่ใช้ T+3 และมีการเปลี่ยนแปลงให้เป็น T+2 ครับ

สิ่งที่เราควรทราบเพิ่มเติมด้วยการถามเจ้าหน้าที่ก่อนเปิดใช้บริการก็คือ หากเราไม่มีเงินในการชำระค่าหุ้นในเดือนนั้น เนื่องจากลืมเอาเงินเข้าบัญชี เงินเดือนเข้าไม่ทัน จะมีข้อกำหนดในการให้บริการอย่างไร เช่น ถ้าจัดเงินล่วงหน้าไม่ได้เดือนนั้นก็แค่ไม่ซื้อให้ หรือถ้าเป็นระบบซื้อหุ้นให้ก่อนแล้วไม่มีเงินชำระที่หลังจะถูกค่าปรับอะไรไหม ต้องลองถามเงื่อนไขตรงนี้ด้วยนะครับ

5. วันที่และเวลาในการซื้อหุ้น

หากเราไปตรวจสอบข้อมูลผู้ให้บริการนั้น จะเห็นได้ว่าการเลือกวันซื้อหุ้นของผู้ให้บริการแต่ละเจ้ามีความแตกต่างกัน บางทีกำหนด 3 วัน บางที่กำหนด 2 วัน และแม้จะกำหนดให้เราเลือกได้ 3 วัน ในแต่ละที่ก็อาจจะให้คนละวันอีกนะครับ เราก็เลยต้องเลือกว่าวันไหนที่เหมาะสมกับเรา ซึ่งโดยปกติแล้วผมจะแนะนำให้ตัดบัญชีออมหุ้นในวันหลังเงินเดือนออก ด้วยหลักการออมก่อนใช้ ตัวอย่างเช่น เงินเดือนเราออกวันที่ 25 ก็ลองหาผู้ให้บริการที่ให้เราสามารถซื้อได้อย่างเร็วที่สุดหลังจากวันที่ 25 นะครับ เช่น วันที่ 28 วันที่ 1 และ วันที่ 5 ของเดือนต่อไป หากใครเงินเดือนออกต้นเดือน เช่น วันที่ 1 ก็ลองดูว่าที่ไหนตัดเงินวันที่ 5 หรือ วันที่ 10 ก็ได้ครับ

ผมแนะนำให้ DCA เดือนละ 1 ครั้งก็พอนะครับ ไม่ต้องเปิดพอร์ตหลายๆที่เพื่อให้แต่ละพอร์ตลงทุนกันคนละวัน เพราะในระยะยาวแล้วผลตอบแทนที่เคยศึกษามานั้นลงทุนวันไหน หรือ กี่ครั้งต่อเดือนนั้น ผลตอบแทนไม่ได้มีความแตกต่างอย่างเป็นนัยยะสำคัญครับ

อ่อและอย่าลืมอีกเรื่องหนึ่งแต่ไม่ได้สำคัญมากต่อการลงทุนนะครับ ทราบไว้เป็นข้อมูลไว้ก็พอ แต่ละที่จะมีการลงทุนคนละเวลา บางที่ลงทุนให้ในราคาเปิด ATO ตอนเช้าของวันนั้นๆ บางทีกำหนดการลงทุนในราคาเปิด ATO ตอนบ่ายครับ

6. ค่าธรรมเนียมและค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ

ค่าธรรมเนียมในการออมหุ้นนั้นส่วนใหญ่แล้วจะคิดที่ 0.257% นะครับ โดยมีขั้นต่ำแตกต่างกัน บางที่คิดขั้นต่ำที่ 30 บาท บางที่ 20 บาท และบางที่ไม่มีขั้นต่ำแต่คิดตามจริงไปเลย ก็ต้องลองพิจารณาดูนะครับ เท่าที่ผมตรวจสอบดูแล้ว ที่ไหนให้เราลงทุนขั้นต่ำได้ยิ่งน้อย ก็จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมขั้นต่ำสูงกว่า ผมเองไม่ได้อยากให้ซีเรียสในเรื่องค่าธรรมเนียมนี้มากจนเกินไป เอาความสะดวกและความเหมาะสมกับการบริหารเงินของเราดีกว่าครับ

เพราะบางทีกำหนดขั้นต่ำสูงก็จริงแต่อาจจะเหมาะสมกับบางคนที่ต้องการออมเริ่มต้นที่ 1,000 บาท และหากจะใช้บริการที่ค่าธรรมเนียมต่ำกว่าต้องเพิ่มเงินออมสูงขึ้นไปอีก การเก็บออมที่ไม่สอดคล้องกับรายได้จนทำให้ตัวเองบริหารเงินได้ยากเพื่อแลกกับค่าธรรมเนียมที่ถูกลง อาจจะไม่เหมาะสมกับเราก็ได้นะครับ แต่ถ้าในอนาคตเรามีเงินเก็บต่อเดือนเยอะขึ้นตอนนั้นเราจะเลือกใช้บริการที่ไหนก็ได้แล้วเพราะท้ายสุดเมื่อพ้นขั้นต่ำ บริษัทก็จะเก็บแบบ % ในอัตราเท่าๆกันๆ

อย่างตัวผมเองนะเมื่อก่อนก็ซีเรียสกับค่าธรรมเนียมมาก แต่พอคิดไปคิดมา เดินออกไปนอกบ้านก็เจอค่าใช้จ่ายแพงกว่าค่าธรรมเนียมแล้ว ในการออมหุ้นเราเสียค่าธรรมเนียมเดือนละครั้งเดียวเอง และเมื่อเราออมหุ้นไปเรื่อยๆ เราเห็นพอร์ตเรามีหลักล้าน เราจะไม่ได้สนใจกับค่าธรรมเนียมรวมๆที่หลักพันเลยครับ ถ้าใช้บริการที่คิดราคาต่ำกว่าได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็เอาตามสะดวก

ทั้งหมดนี้ก็จะเป็นข้อมูลที่เราต้องทราบและพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละคนนะครับ นอกจาก 6 เรื่องนี้แล้วเราอาจจะลองดูในเรื่องอื่นๆประกอบจากประสบการณ์คนรอบข้างเช่น ที่ไหนให้บริการได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก มีช่องทางการติดต่อหลากหลายหรือมีเพื่อนแนะนำมาร์เก็ตติ้งดีๆเอาใจใส่เราก็จะเป็นอีกส่วนหนึ่งในการพิจารณาเพิ่มเติมได้นะครับ

อย่าลืมว่า ออมก่อน รวยก่อนนะครับ ขอให้มีความสุขในการลงทุนกับทุกท่าน