ไม่ว่าคุณจะเป็น Value Investor หรือ Technical Investor ก็อย่าจำกัดตัวเองไว้เพียงเพราะคำนิยามเหล่านี้ และเลือกรับความรู้แต่เพียงด้านเดียวเลย แต่จงเปิดใจรับความรู้อย่างไม่จำกัด แล้วหยิบนำข้อดีมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ

ชวนอ่านสรุป 7 แนวคิดการเงินลงทุนแบบแมวๆ ให้ประสบความสำเร็จ โดย ประธานเหมียว ยูทูบเบอร์ที่มียอดผู้ติดตามกว่า 1.6 แสนคน

✅ 1. การลงทุนไม่ใช่แค่การวิเคราะห์งบ อ่านงบ และเกร็งผลกำไรในอนาคต แต่คือการ “เอาตัวรอด” ยามเศรษฐกิจคับขัน

มีใครหลายคนที่สนใจจะเข้ามาสู่โลกแห่งการลงทุน แต่แค่มีเงินก็ใช่ว่าจะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ “ความรู้” และแน่นอนว่า ถ้าคุณเข้าใจว่าการลงทุนเป็นแค่เรื่องของการวิเคราะห์งบ อ่านงบ และเกร็งผลกำไรนั้น ความรู้ที่มีอยู่ ณ ตรงนี้ มันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ ในทางกลับกัน นักลงทุนเก่งๆ ที่มีประสบการณ์มากมาย มักจะอาศัยกลยุทธ์และเทคนิคต่างๆ ทั้งการดูกราฟ การจัดการด้านการเงิน และเครื่องมือต่างๆ เข้ามาช่วยในการปกป้องพอร์ตการลงทุน ยิ่งเป็นช่วงเศรษฐกิจขาลง คนที่มีความรู้มากๆ ผ่านประสบการณ์มาเยอะ จะเลือกใช้เครื่องมือทางการลงทุนได้อย่างถูกต้อง และสามารถเอาตัวรอดมาจากวิกฤตเหล่านั้นได้ หรือถ้าจะเจ็บ ก็เจ็บแบบน้อยที่สุด ไม่กระทบพอร์ตการลงทุนมากไปนั่นเอง

✅ 2. อย่าจำกัดตัวเองไว้เพียงแค่การเป็นนักลงทุนเฉพาะสายใดสายหนึ่ง

อย่างที่ทราบกันว่า ส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนในไทยจะถูกแบ่งออกเป็น 2 สาย คือ “Value Investor” และ “Technical Investor” แน่นอนว่า คุณจำเป็นต้องรู้จักไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เพื่อที่จะเลือกสไตล์การลงทุนได้อย่างถูกต้อง และสามารถนิยามวิถีการเป็นนักลงทุนของตัวเองได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็น Value Investor หรือ Technical Investor ก็อย่าจำกัดตัวเอง แล้วเลือกรับความรู้เพียงแค่แนวทางเดียวที่คุณสนใจ แต่จงเปิดใจรับความรู้อย่างไร้ขีดจำกัด แล้วหยิบนำข้อดีของแต่ละแนวทางมาประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้ได้มากที่สุด

✅ 3. วิเคราะห์บริษัทที่ร่วมลงทุนด้วยไปอีกอย่างน้อย 5-10 ปี เพื่อวางแผนสำหรับการลดความเสี่ยงในการขาดทุน

หนึ่งในคุณสมบัติของการเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จคือ ความสามารถในการคาดการณ์อนาคตของบริษัทที่ร่วมลงทุนด้วยไปอีกอย่างน้อย 5-10 ปี โดยไม่จำเป็นต้องถึงขั้นไปวิเคราะห์สถานะทางการเงินของบริษัทในแต่ละไตรมาส แต่ให้มองว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า บริษัทนี้จะเป็นอย่างไร โดยระหว่างนั้น อาจจะหาเครื่องมือที่เหมาะสมเข้ามาช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุน เช่น ในขณะที่ถือ Option ของหุ้นตัวหนึ่ง ก็อาจจะหาโอกาสในการขาย Option ของหุ้นอีกตัวหนึ่ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่หุ้นอาจตกลงชั่วคราว

✅ 4. เลือกสินทรัพย์ทางการลงทุนที่เหมาะสมกับงบประมาณที่มี

แนวคิดเรื่องการลงทุน เป็นตัวเลือกที่ใครหลายคนนิยมใช้ในการสร้าง Passive Income แต่สิ่งสำคัญที่เป็นตัวกำหนดการเข้าสู่วงการลงทุน คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “งบประมาณ” ที่จะกลายมาเป็นเงินต้นที่ใช้ในการลงทุน

แม้ว่าสินทรัพย์ทางการลงทุนจะมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งอสังหาริมทรัพย์ หุ้น ทองคำ คริปโทเคอร์เรนซี ตราสารหนี้ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่สำหรับคนที่กำลังเริ่มต้น ให้มองหาสินทรัพย์ตัวที่เหมาะกับงบประมาณที่มีอยู่ของตัวเอง เป็นเรื่องใกล้ตัว เข้าถึงง่าย ประเมินมูลค่าได้ และมีเวลาที่ใช้ในการศึกษาหาความรู้ก็พอ

✅ 5. ไลฟ์สไตล์ทางการเงิน เป็นเรื่องของใครของมัน แต่สิ่งที่ต้องมีเหมือนกันคือ “เงินเก็บ” และ “เงินสำรองฉุกเฉิน”

จริงอยู่ที่ไลฟ์สไตล์ทางการเงิน เป็นเรื่องของใครของมัน เพราะความจำเป็นของแต่ละคนมักไม่เหมือนกัน ส่งผลให้การจัดลำดับความสำคัญในการใช้เงินไม่เหมือนกัน และเป็นสิ่งที่ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ บางคนใช้เงินไปกับการทานอาหารอร่อยๆ บางคนใช้เงินไปกับการไปเที่ยว หรือบางคนก็ใช้เงินไปกับการซื้อของที่ตัวเองชอบ เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าคุณจะชอบใช้เงินไปกับอะไร แต่ก็ควรจะมีเงินเก็บ เพื่อนำไปใช้ต่อยอดให้เกิดผลงอกเงย เช่น การลงทุน และควรมีเงินสำรองฉุกเฉิน ไว้ใช้ในยามวิกฤตคับขัน เช่น ตอนเจ็บป่วย นั่นเอง

✅ 6. สิ่งที่ต้องมีคือ “หลักประกันชีวิต”

สืบเนื่องต่อจากข้อที่แล้ว ทั้งเงินเก็บ และเงินสำรองฉุกเฉิน ล้วนนับว่าเป็นหลักประกันชีวิตอย่างหนึ่ง บางคนอาจเห็นภาพและสบายใจไปเปราะหนึ่งหากเป็นกลุ่มที่รับราชการ ก็จะมีเงินบำนาญยามเกษียณ มีสิทธิ์การรักษาที่สามารถเบิกได้ แต่ในอีกฟากฝั่งหนึ่ง กลุ่มที่เป็นพนักงานออฟฟิศ ทำงานเอกชน หรือฟรีแลนซ์ทั่วไป นับว่ายังไม่มีหลักประกันชีวิตใด หากไม่เริ่มสร้างด้วยตัวเอง ดังนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ใช้เงินอย่างไรก็แล้วแต่ อย่าลืมอีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญและจำเป็น ก็คือการสร้างหลักประกันชีวิต สามารถเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยตัวเอง ด้วยการแบ่งเงินมาเก็บ มาลงทุน ต่อยอดให้ออกดอกออกผลขึ้นไปจากเงินที่มี

✅ 7. ทำอะไรก็รวยได้ หากอยู่ใน “จุดสูงสุด” ของอาชีพ

สุดท้ายแล้ว คนที่คุณมองว่า เขาทำงานมากกว่าหนึ่งอย่าง เขาสามารถสร้าง Passive Income ได้ จะต้องเป็นคนที่รวย หรือมีรายได้มากแน่ๆ ในความเป็นจริง ก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป และในทางกลับกัน คนที่ทำงานประจำ หรือประกอบอาชีพเพียงแค่อาชีพเดียว ไม่ว่าจะเป็นยูทูบเบอร์ นักบัญชี นักการเงิน หรือเป็นอะไรก็ตาม ก็มีโอกาสรวยได้ หากอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพ ดังนั้นจึงอยากให้มองว่าการสร้าง Passive Income นั้นถือเป็นทางเลือกในการสร้างรายได้ทางหนึ่ง แต่ถ้าหากเป้าหมายของคุณแตกต่างไป และมองว่างานประจำเพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว ก็อยู่ได้แล้ว นั่นก็คือทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ ณ ช่วงเวลานั้นๆ แล้ว

รับชมรายการ : https://www.youtube.com/watch?v=J8eXpxg4KGE