แม้อายุจะ 92 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีท่าทีว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) สุดยอดนักลงทุนผู้มีทรัพย์สินกว่า 114,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.9 ล้านล้านบาท) จะวางมือจากการบริหาร เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) แต่ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2021 มีการประกาศชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งซีอีโอต่อจากปู่บัฟเฟตต์เรียบร้อย โดยผู้ที่จะมาบริหารงานต่อคือ เกร็ก อาเบล (Greg Abel)

นี่คือ 9 ข้อ ที่จะพาคุณไปรู้จักกับชายที่จะเข้ามาบริหารบริษัทมูลค่า 670,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 23 ล้านล้านบาท)

1
เกร็ก อาเบล ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายธุรกิจที่ไม่ใช่ประกันภัย (Vice Chairman-Non Insurance Operations) และเป็นซีอีโอของ เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ เอเนอร์จี (Berkshire Hathaway Energy) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์

2
เกร็ก อาเบล เกิดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 1962 และเติบโตย่านแรงงานในเมืองแอดมอนตัน (Edmonton) แคนาดา ทำงานทุกอย่างเพื่อหารายได้ ทั้งแจกใบปลิว รับเติมสารเคมีในถังดับเพลิงบริษัทที่พ่อเขาทำงาน รวมถึงเป็นนักบัญชีตอนเย็นหลังเลิกเรียน ก่อนสำเร็จการศึกษาที่มหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตา ด้านการค้า (Commerce) และเข้าเป็นนักบัญชีที่ พีดับเบิลยูซี (PwC - PricewaterhouseCoopers) ก่อนย้ายไปทำงานกับบริษัทไฟฟ้า CalEnergy ในปี 1992 ต่อมาก็ควบรวมกับ มิดอเมริกัน เอเนอร์จี โฮลดิ้งส์ (MidAmerican Energy Holdings)

3
วอลเตอร์ สก๊อต จูเนียร์ (Walter Scott Jr.) ที่ดำรงแหน่งกรรมการของเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ประทับใจผลงานของอาเบลที่มิดอเมริกัน เอเนอร์จี ที่ทางอาเบลมีส่วนร่วมในการเจรจาเข้าซื้อบริษัทพลังงานความร้อนใต้พิภพทั้งในสหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย รวมถึงการซื้อ Northern Utilities ในอังกฤษ

สก็อตจึงแนะนำวอร์เรน บัฟเฟตต์ ให้รู้จักกับเกร็ก อาเบลและด้วยผลงานการขยายกิจการที่น่าทึ่งนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ จึงตัดสินใจเข้าถือหุ้นมิดอเมริกัน เอเนอร์จี 75% ทำให้เกร็ก อาเบลได้มาทำงานกับบัฟเฟตต์ในปี 2000 และได้ขึ้นเป็นซีอีโอของ มิดอเมริกัน เอเนอร์จี ในปี 2008 ก่อนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ เอเนอร์จี นั่นเอง

4
ผลงานที่โดดเด่นในการทำงานที่เบิร์กเชียร์ของเกร็ก อาเบล คือ การบริหารงานที่เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ เอเนอร์จี โดยตั้งแต่เข้ามาทำงาน ได้มีการขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมทั้งฟอสซิล, ถ่านหิน, ก๊าซธรรมชาติ รวมไปถึงพลังงานสะอาด เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น ทำให้ผลกำไรเติบโตมาโดยตลอด โดยผลประกอบการปี 2022 มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 3,904 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 13,277 ล้านบาท)เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปี 2021 ที่ได้กำไร 3,495 ล้านเหรียญสหรัฐ และสูงกว่า 34% เมื่อเทียบกับปี 2019 ที่ได้กำไรไป 2,840 ล้านเหรียญสหรัฐ

5
อาเบลมีส่วนร่วมในการเจรจาเข้าซื้อ PacifiCorp ในปี 2005, Nevada Utility ในปี 2013, Dominion Energy’s pipeline ในปี 2020 รวมทั้งดูแล Berkshire Hathaway HomeServices (BHHS) กิจการอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าการตลาดกว่า 4,300 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 14,624,000 ล้านบาท) และถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ด้วย

6
ก่อนที่วอร์เรน บัฟเฟตต์จะประกาศว่าอาเบลคือซีอีโอคนต่อไปนั้น นักวิเคราะห์ก็คาดการว่า อาจิต เจน (Ajit Jain) ชาวอินเดีย ที่ดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายธุรกิจประกันภัย (Vice Chairman-Insurance Operations) ก็เป็นอีกคนที่เป็นตัวเต็งในตำแหน่งนี้ ทั้งคู่ได้รับการชื่นชมว่ามีสายเลือดของเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์อยู่เต็มตัว และเมื่ออาเบลได้รับการแต่งตั้ง อาจิตก็ถูกคาดการว่าจะเป็นมือขวาเหมือนกับที่วอร์เรน บัฟเฟตต์มีมือขวาอย่าง ชาร์ลี มังเกอร์ (Charlie Munger) อยู่ข้างกาย

7
แม้ว่า เกร็ก อาเบลจะถูกแต่งตั้งให้เป็นซีอีโอคนต่อไป แต่เขาอาจไม่ใช่ผู้สืบถอดงานทั้งหมดของเบิร์กเชียร์ เพราะมีการคาดการณ์ว่า โฮเวิร์ด บัฟเฟตต์ (Howard Buffett) ลูกชายของวอร์เรน บัฟเฟตต์ จะถูกเสนอชื่อเป็นประธานคณะกรรมการของเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ เพื่อดูแลงานบางส่วนต่อจากผู้เป็นพ่อ

8
เกร็ก อาเบลมีนิสัยชอบเก็บตัว เงียบขรึม ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อ ต่างจากปู่บัฟเฟตต์ที่มีนิสัยตรงไปตรงมา และมีการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองผ่านสื่อบ่อยครั้งจนเป็นภาพชินตา

9
เกร็ก อาเบลและอาจิต เจน ได้ค่าตอบแทนสูงสุดในเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์เท่ากัน คือปีละ 19 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 646 ล้านบาท) โดยวอร์เรน บัฟเฟตต์และชาร์ลี มังเกอร์ได้รับค่าตอบแทน 100,000 เหรียญสหรัฐต่อปีหรือราว ๆ 3,400,000 บาทต่อปีเท่านั้น

เป็นเวลาเกือบ 2 ปี แล้วที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ประกาศให้อาเบลเป็นทายาทสืบทอดต่องานต่อจากเขา ซึ่งเรื่องนี้ก็สร้างความสบายใจให้กับนักลงทุนที่มีคนมาสานต่องานที่เบิร์กเชียร์แล้ว รวมถึงนักวิเคราะห์ที่ต่างก็ไม่แปลกใจที่อาเบลได้รับการแต่งตั้ง

จากนี้เป็นต้นไป จะได้เห็นบทบาทในการบริหารงาน การให้สัมภาษณ์และการแสดงความเห็นผ่านสื่อของอาเบลมากขึ้น โดยมีปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์และมือขวาอย่างชาร์ลี มังเกอร์ ที่ยังแข็งแรงอยู่ คอยช่วยเหลือ และให้คำแนะนำได้อีกหลายปี เมื่อถึงเวลาลงจากตำแหน่ง เกร็ก อาเบล จะนำพาเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ประสบความสำเร็จและยิ่งใหญ่ต่อไปในอนาคต

====================
เขียนและเรียบเรียงโดย อติพงษ์ ศรนารา