“หน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” เพื่อนๆ คงเคยได้ยินคำนี้กันมาบ้างใช่ไหมครับ หลายครั้งคนรูปร่างหน้าตาดีมักจะได้รับโอกาส และเติบโตในหน้าที่การงานมากกว่าคนหน้าตาธรรมดาๆ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่การคิดไปเอง เพราะ “Beauty Privilege” หรือ “สิทธิพิเศษของคนหน้าตาดี” นั้นมีอยู่จริง!

แดเนียล ฮาเมอร์เมช นักเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Beauty Pays: Why Attractive People Are More Successful (การจ่ายเพื่อความงาม: ทำไมคนที่หน้าตาดึงดูดจึงประสบความสำเร็จมากกว่า?) พบว่า คนหน้าตาดีมักจะได้รับโอกาสที่ดีกว่าคนหน้าตาธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นการถูกจ้างงาน รายได้ สิทธิประโยชน์ต่างๆ ไปจนถึงการยอมรับทางสังคม เพราะผู้คนมักจะเชื่อกันว่าคนหน้าตาดี=มีความสามารถ

มีนายจ้างบางคนระบุว่า คนหน้าตาดีแม้จะไม่มีความสามารถโดดเด่น แต่ก็ดูมีภาษีมากกว่าคนหน้าตาธรรมดา แต่มีความสามารถเสียอีก นั่นจึงทำให้ชาวอเมริกันทุ่มเงินกว่า 845 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 27 พันล้านบาท) เพื่อศัลยกรรมปรับใบหน้าให้ตัวเองดูดี และได้รับโอกาสทางสังคมมากขึ้น

ทางด้าน Janet Street-Porter ผู้ประกาศข่าวและนักหนังสือพิมพ์ กล่าวผ่านเว็บไซต์เดลี่เมล์ สื่อชื่อดังของอังกฤษว่า คนหน้าตาดีมักจะสนใจอาชีพที่เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากรูปลักษณ์ของตัวเอง เช่น นักแสดง, นายแบบ-นางแบบ, อินฟลูเอนเซอร์ทางโซเชียลมีเดีย หรือทำธุรกิจเกี่ยวกับความงาม

มีงานวิจัยระบุว่า คนที่หน้าตาดีมักจะมีความมั่นใจ และมีทักษะการเข้าสังคมที่ดีกว่า ซึ่งทำให้พวกเขามีโอกาสได้งานทำมากขึ้น นอกจากนี้ผู้ชายที่หน้าตาดี จะสามารถสร้างรายได้มากกว่าผู้ชายหน้าตาธรรมดาๆ ถึง 13% นอกจากนี้ยังมีวิจัยที่บอกว่า นายจ้างมีแนวโน้มที่จะเพิ่มเงินเดือนให้กับคนที่รูปร่างหน้าตาดีถึง 10.5% เทียบกับคนที่หน้าตาไม่ดี แต่ทั้งนี้ต้องหมายเหตุว่า งานวิจัยชิ้นนี้ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2005 ซึ่งค่อนข้างเก่า ทำให้หากเปรียบเทียบกับปัจจุบัน ผลของการศึกษาวิจัยอาจเปลี่ยนแปลงไปได้

หน้าตาดีไม่ใช่ทุกอย่าง! เพราะ “ความสามารถ” ก็สำคัญ

อย่างไรก็ตาม Journal of Business and Psychology วารสารธุรกิจและจิตวิทยาระดับนานาชาติ ที่เผยแพร่งานวิจัยคุณภาพสูง ระบุว่าจากการสำรวจชาวอเมริกัน 20,000 คน จัดประเภทเป็น 3 กลุ่มได้แก่ กลุ่มคนหน้าตาดี กลุ่มคนหน้าตาธรรมดา และกลุ่มคนหน้าตาไม่ดี ก่อนจะศึกษารายละเอียดในเรื่องความมั่งคั่งทางการเงิน การหารายได้ ความสามารถในการทำงาน ฯลฯ

แล้วก็พบว่า กลุ่มคนหน้าตาไม่ดีสามารถหาเงินได้มากกว่า ซึ่งขัดแย้งกับความเชื่อของสังคมที่ว่า “คนหน้าตาดี=มีความสามารถ มีรายได้มากกว่า” เพราะจริงๆ แล้วรูปร่างหน้าตาไม่มีผลต่อการหารายได้เสมอไป แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นด้วย เช่น ความเฉลียวฉลาด ความมั่นใจ ทักษะการเข้าสังคม ฯลฯ เพียงแต่ว่าคนที่ดูดีมักจะมีความมั่นใจสูง จึงกล้าลงมือทำสิ่งต่างๆ มากกว่าคนหน้าตาธรรมดาต่างหากล่ะ

จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ aomMONEY คิดว่า รูปร่างหน้าตาอาจเป็นเพียง “ใบเบิกทาง” ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งที่จะทำให้เราเติบโตไปถึงจุดสูงสุด ก็ต้องอาศัยความสามารถ ศักยภาพ และความเชื่อมั่นในตัวเอง ประกอบกันด้วย ดังนั้นคนที่คิดว่าตัวเองหน้าตาธรรมดาๆ ก็อย่าเพิ่งน้อยใจไป ขอแค่เรากล้าคิด กล้าทำ ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้เช่นกันครับ