เวลาที่เราพูดถึงเรื่องการแต่งงานนั้นมันก็เป็นอะไรที่เรื่องใหญ่ทางของชีวิตมาก ๆ ต้องจัดการเรื่องงาน ข้าวของ ฤกษ์ยาม อีกทั้งเรื่องที่สำคัญมากและไม่สามารถขาดได้ก็คือเรื่องของ การเงิน ที่ต้องวางแผนล่วงหน้าด้วย หลาย ๆ คู่ต้องการจัดงานให้ออกมาดูดีเพื่อเป็นเกียรติกับคู่รักของตัวเอง ทีนี้ก็มีหลาย ๆ คนถามว่าเราจะวางแผนลงทุนแบบ DCA สำหรับการแต่งงานได้บ้างไหม? มาดูขั้นตอนกันดีกว่า

1. เงินที่ต้องใช้นั้นคือเท่าไร

ก่อนอื่นนะครับสิ่งที่ผมมักจะแนะนำคู่รักป้ายแดงก็คือลองคำนวณเป้าหมายกันก่อนว่างานแต่งงานของเรานั้นจะต้องใช้เงินจัดเป็นจำนวนเท่าไหร่ สิ่งที่สำคัญคือควรจะเหมาะสมกับฐานะของทั้ง 2 ฝ่าย อย่าไปจัดอะไรที่มันเวอร์มาก เพราะมองว่าครั้งเดียวของชีวิต เป็นหนี้เป็นสินมันจะไม่คุ้มกัน

ซึ่งค่าใช้จ่ายในการแต่งงานมันก็จะหนีไม่พ้นในเรื่องของ สินสอด ชุดแต่งงาน Organizer สถานที่ สิ่งของ ค่าอาหารตามจำนวนแขก การจ้างคนมาทำหน้าที่ต่าง ๆ ในงาน ซึ่งเมื่อเรารวบรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้แล้ว อย่าลืมตรวจสอบดูว่าอะไรที่ลดค่าใช้จ่ายแล้วไม่ทำให้งานมันดูแย่ก็ลองตัดดูนะครับ สมมติว่าเบ็ดเสร็จแล้วเราจะต้องเก็บเงินรวมทุกอย่างรวมถึงสำรองเผื่อฉุกเฉินเป็นจำนวน 500,000 บาท

2. สำรวจการเก็บเงินและระยะเวลาเก็บเงินของตัวเอง

เชื่อว่าไม่มีใครเจอกันปุ๊ป รักเธอนะ แต่งงานกันพรุ่งนี้เถอะ ไม่มีท๊างงง ยังไงเราก็ต้องคบกันซักระยะก่อนว่าเป็นคนที่ใช่และเข้ากันได้และวางแผนแต่งงานกัน ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะคบไประยะหนึ่งและวางแผนแต่งงานล่วงหน้าอย่างน้อย 1-3 ปี ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าวก็ทำให้เราเตรียมพร้อมในการเก็บเงินได้ดีอีกด้วย

หากเรามีเวลาเตรียมตัวเยอะ ก็ย่อมมีโอกาสที่เราจะเก็บเงินไว้แต่งงานได้นานขึ้น แถมยังสามารถนำเงินไปลงทุนภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสมได้อีกต้วย

ตัวอย่างเช่น หากเรามีระยะเวลาในการเก็บเงิน 3 ปีและค่าใช้จ่ายในการแต่งงานไม่ได้ปรับขึ้น

  • เก็บเงินร่วมกันต่อเดือนได้ 20,000 บาท 3 ปีจะสามารถเก็บเงินได้ 720,000 บาท ซึ่งแค่เก็บเฉย ๆ ก็เพียงพอต่อการจัดงานแต่งงานได้แล้ว
  • เก็บเงินร่วมกันได้ต่อเดือน 13,000 บาท 3 ปีจะสามารถเก็บเงินได้ 468,000 บาท กรณีนี้ยังขาดอยู่อีก 32,000 บาท เราอาจจะมองหาโอกาสในการลงทุนในช่วง 3 ปีนี้เพื่อให้ได้เงินครบตามจำนวนที่ตั้ง Budget เอาไว้ หรืออีกทางก็คือต้องลดค่าใช้จ่าย

3. ลงทุนแบบ DCA เพื่อการแต่งงานอย่างไร

หลักการของการลงทุนแบบ DCA นั้นเราจะต้องนำเงินไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ในหุ้นหรือกองทุนรวมที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต ภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม

จากตัวอย่างที่คู่รักสามารถเก็บเงินรวมกันได้ 13,000 บาทต่อเดือน มีระยะเวลาในการลงทุน 3 ปี โดยมีเป้าหมายคือเงินแต่งงานจำนวน 500,000 บาท หากเราคำนวณความเป็นไปได้นั้นจะต้องลงทุนให้ได้ในอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 4%-5% ต่อปีใน 3 ปีนี้ ก็มีโอกาสที่เราจะเก็บเงินไปถึงเป้าหมายดังกล่าวได้

แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยงนะครับ หากเราลงทุนในระยะเวลาที่สั้นแล้วเราไม่ควรจะลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูงเพราะการลงทุนนันมีโอกาสในการขาดทุนได้มาก เช่นในระยะเวลา 1 ปีที่จะต้องแต่งงานอาจจะเน้นการเก็บเงินนั้นจะดีกว่าไปลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสขาดทุนได้สูง

4. วินัยในการลงทุนจะพาไปสู่เป้าหมายการแต่งงานได้

อย่าลืมวินัยในการลงทุนแบบ DCA นะครับ เพราะจะเป็นหนทางนำพาเราไปสู่เป้าหมายได้ หากไม่มีวินัยแล้วบางคนอาจจะลงทุนบ้าง ไม่ลงทุนบ้าง ทำให้เราเสียโอกาสในการลงทุนและได้รับผลตอบแทนได้ ลองกำหนดเป้าหมายทางการเงิน อย่างการแต่งงาน สำรวจตัวเราว่าสามารถเก็บเงินได้เดือนละเท่าไหร่ ดูว่าจะเอาเงินจำนวนนั้นไปลงทุนอย่างไรภายใต้ความเสี่ยงอย่างเหมาะสมตามระยะเวลาให้ไปสู่เป้าหมายนั้นอย่างมีวินัยครับ

เห็นไหมว่าการเก็บเงินแต่งงานนั้นไม่ยากเลย แค่เราวางแผนชีวิตทางการเงินของตัวเองอย่างเป็นระบบก็สามารถออมเงินเพื่อลงทุนและแต่งงานได้อย่างมีความสุข และการ DCA สามารถใช้ในเป้าหมายอื่น ๆ ในอนาคตหลังแต่งงานได้ด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในทรัพย์สินต่าง ๆ การวางแผนเกษียณของคู่รัก การสร้างทุนการศึกษาให้กับลูกอีกด้วยนะครับ

ท้ายสุดก็… หาแฟนกันให้ได้ด้วยนะ ฮาๆ