โลกเปลี่ยนแปลงเสมอ การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ก็เช่นกัน
คู่รักสมัยนี้ บางคู่ไม่อยากมีลูก เพราะไม่ได้รู้สึกว่า…

"ชีวิตคู่ที่ไม่มีลูก ไม่ใช่ ชีวิตรักที่ไม่สมบูรณ์อีกต่อไป
ตราบใดที่มีเงินและใช้ชีวิตตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทั้งคู่ได้ดี"

คู่รักที่ใช้ชีวิตแบบนี้ ถูก เรียกว่า "DINK" ย่อมาจาก Double Income , No Kid

แล้ว "DINK" คืออะไรล่ะ?

ว่ากันว่า... เทรนด์คู่รักแบบ "DINK" ไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้น พวกเขาเคยถูกกล่าวถึงครั้งแรก ช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 ในนิตยสาร Nikkei ของญี่ปุ่น

"DINK" ถูกใช้เป็นคำแสลงซึ่งนิยามถึง คู่รักที่ทำงานทั้งคู่ มีรายได้สองทาง มีฐานะดี แต่ไม่มีลูก คนกลุ่มนี้ มีทั้งคู่รักที่เพิ่งอยู่ด้วยกัน คู่รักเพศเดียวกัน บางทีก็รวมถึงคู่รักที่ลูกเติบโตออกไปใช้ชีวิตของตัวเองแล้วด้วย

พวกเขาไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเรื่องลูก จึงมีเงินเหลือมาเก็บออม ลงทุน หรือใช้จ่ายเพื่อกันและกันมากขึ้น แน่นอน พวกเขารวยกว่าคนโสด เพราะมีรายได้คูณ 2 แถมยังสามารถแชร์ค่าใช้จ่ายกับคู่ของตัวเองได้ด้วย

ลึกๆ แล้ว คนกลุ่มนี้ ต้องการมีความสุขและอยากมีชีวิตที่ยืดหยุ่น รองลงมา คือ อยากปราศจากความกังวลเรื่องการเงิน และ ต้องการมีเวลาให้ตัวเอง ส่วนเรื่องของการมีลูกมีความสำคัญน้อยที่สุด

บอกเลย.... ตอนนี้ เทรนด์ "DINK" กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น อย่าง ใน "สหรัฐอเมริกา" มีชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อย วางแผนให้ตัวเองใช้ชีวิตตามเทรนด์นี้

เห็นได้ชัดจากผลสำรวจ ของ Rubyhome Luxury Real Estate เน้นกลุ่มเป้าหมาย ชาวอเมริกัน Gen Z หรือ ผู้ที่เกิดหลังปี 1997 จำนวน 1,024 คน เกี่ยวกับการวางแผนการเงินและการชีวิตในอนาคต

ปรากฎว่า เกือบ 1 ใน 4 ตั้งเป้าหมายใช้ชีวิตแบบ DINK ต้องการสร้างครอบครัวที่มีรายได้สองทาง และไม่มีลูก

โดย 98% ของกลุ่มเป้าหมาย เห็นด้วยว่าการใช้ชีวิตที่มีความสุขสบายทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และกว่า 27% ระบุชัดว่าพวกเขาไม่อยากมีลูก

ที่สำคัญ ผลสำรวจนี้ ยังพบว่า "รายได้ของ DINK" มากกว่า "คู่รักที่มีลูก" โดยรายได้เฉลี่ยของคู่รัก DINK อยู่ที่ 138,035 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รายได้เฉลี่ยของคู่รักที่มีลูก อยู่ที่ราว 103,005 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

ส่วนใน "ญี่ปุ่น" สถาบันวิจัยประชากรและประกันสังคมแห่งชาติของญี่ปุ่น คาดการณ์ว่า เปอร์เซ็นต์ของคู่รัก DINK จะเพิ่มขึ้นเป็น 21.2% ของครัวเรือนญี่ปุ่นภายในปี 2035

แม้การใช้ชีวิตของคนกลุ่ม DINK จะทำให้มีโอกาสรวยมากขึ้น แต่ก็มีข้อพึงระวัง เพราะหากเผลอใช้จ่ายเกินตัว เก็บออมน้อย ก็อาจเกิดปัญหาทางการเงินได้ แถมหลายคนยังกังวลว่า เมื่อคู่รักไม่มีลูก ก็อาจหมดเงินไปกับการใช้จ่ายตามไลฟ์สไตล์ จนลืมวางแผนการเงินเพื่ออนาคต หรือ เกษียณจากการทำงาน

ย้ำอีกครั้ง ใช้ชีวิตของคู่รัก สไตล์ DINK ไม่ได้ทำให้ "รวย" ไปเสียหมด ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมทางการเงินของแต่ละคู่

เพียงแต่เรื่องราวที่หยิบยกมาเล่าให้ฟังนี้ สะท้อนว่าคนกลุ่มนี้ "มีโอกาสรวย" ได้มากกว่า เนื่องจาก "มีเงิน" พอที่จะต่อยอดความร่ำรวยให้ตัวเอง โดยไม่ต้องหมดเงินไปกับค่าเลี้ยงดูลูกนั่นเอง