แน่นอนว่าการจะเลี้ยงลูกสักคนให้เติบใหญ่เป็นคนที่ดีในสังคม พ่อแม่นั้นทุ่มเททุกอย่างทั้งแรงกาย แรงใจ และเวลาทั้งหมดให้กับลูก ซึ่งรวมไปถึง ‘เงิน’ ที่มากับค่าใช้จ่ายต่างๆ มากมาย เช่น ค่าเล่าเรียน ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล เรียกได้ว่าพ่อแม่ต่างต้องเตรียมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ทั้งหมดให้ลูก แต่พอมาถึงจุดหนึ่ง ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า แล้วเราควรใช้เงินพ่อแม่ไปถึงเมื่อไหร่ อายุเท่าไหรล่ะ ที่เรียกได้ว่า ‘โตพอจะเลี้ยงตัวเอง’ ได้แล้ว?

สำนักวิจัยด้านสังคมวิทยา Pew Research ได้ทำการสำรวจวิจัยในหัวข้อ ‘ความสัมพันธ์ระหว่างลูก และครอบครัว’ โดยสำรวจผู้คนชาวอเมริกันกว่า 4,500 คน ที่เป็นทั้งพ่อแม่ และลูก โดยกลุ่มลูกๆ จะเน้นไปที่ช่วงอายุ 18-34 ปี

จากผลสำรวจพบว่า 59% ของลูกๆ ช่วงอายุ 18-34 ปี ยังได้รับเงินช่วยเหลือจากพ่อแม่อยู่ ณ ปัจจุบัน และ 30% ของจำนวนนี้เป็นลูกๆ ที่อายุ 30-34 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่น่าจะมีการงาน และรายได้เป็นของตัวเองแล้ว

❓ แม้จะโตแล้ว แต่ยังขอเงินพ่อแม่อยู่? เพราะอะไร?

อย่างแรกคือ ลูกๆ สามารถบรรลุเป้าหมายต่างๆ ในการเป็นผู้ใหญ่ได้ช้ากว่ารุ่นพ่อแม่ในช่วงอายุเดียวกัน ไม่ว่าจะด้วย วิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ การแพร่ระบาดของโควิด-19 สงคราม การขาดแคลนพลังงาน และการก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ที่ทำให้โลกเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะตามทัน ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้กว่ารุ่นลูกจะก้าวเดินได้แต่ละก้าวนั้นยากลำบากไม่น้อยเลย

“เงินดาวน์บ้านนั้นแทบจะฉีกกระเป๋าเงินของเราเป็นชิ้นๆ ถ้าเราพยายามเก็บเงินด้วยตัวเอง และยังต้องจ่ายค่าเช่าในนิวยอร์กไปด้วย คงใช้เวลาสัก 300 ปีได้มั้ง” - กล่าวโดยเคมี่ ลูคิโพลดิส ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบวัย 39 ปี โดยแม่ของเคมี่ เป็นคนจ่ายเงินดาวน์ของบ้านให้

คำกล่าวของเคมี่สะท้อนให้เห็นถึง การเติบโตของ ‘ค่าใช้จ่ายสำหรับอยู่อาศัย’ ที่แน่นอนว่าแพงขึ้นกว่าในอดีตมาก และกระทบกับชีวิตรุ่นลูกๆ ไม่น้อยเลย แต่อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า นอกจากค่าใช้จ่ายเรื่องบ้าน เรื่องค่าใช้จ่ายทั่วไปอย่าง อาหาร ยารักษาโรค เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ก็ล้วนมีราคาสูงขึ้นเช่นกัน

💸 โดยค่าใช้จ่ายที่พ่อแม่ยังคงช่วยเหลือลูกๆ วัยผู้ใหญ่คือ

💰28% ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
💰17% ค่าเช่าที่อยู่อาศัย
💰15% ค่ารักษาพยาบาล
💰11% ค่าเล่าเรียน

✨“อยากให้ลูกโตขึ้นอย่างดี และเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข”

นี่คือสาเหตุที่แม้ลูกจะโตแล้ว แต่พ่อแม่ยังคงช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในหลายๆ ด้านอยู่ โดยเป็นตัวเลขในผลสำรวจถึง 86% และถึงพ่อแม่ทุกคน ลูกๆ นั้นรับรู้นะ ว่าพ่อแม่ของพวกเขาพยายามอย่างหนัก และทำอะไรไปมากมายเพื่อเตรียมพร้อมปูเส้นทางสู่การเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งให้กับลูก โดยผลสำรวจชี้ว่า 66% ของลูกๆ รับรู้ถึงความตั้งใจของพ่อแม่

ผลสำรวจยังระบุอีกว่า พ่อแม่ส่วนใหญ่มองว่า ชีวิตของลูกๆ ที่ล้มเหลว หรือประสบความสำเร็จ ล้วนสะท้อนถึงการเลี้ยงดูจากพ่อแม่

✨แต่พ่อแม่บางคนช่วยลูกมากเกินไปจนกระทบตัวเอง และส่งผลเสียต่อการเงินของลูกด้วย

ผลสำรวจยังชี้ถึงอีกด้านของการช่วยเหลือด้านการเงินให้กับลูกที่ ‘มากเกินไป’ ว่า 36% โดยเฉลี่ยของพ่อแม่ต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อหาเงินมาช่วยลูก เพราะนอกจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นแล้ว เชื่อไหมว่ากว่า 25% ของ
ลูกๆ มีพ่อแม่คอยจ่ายค่าสตรีมมิงทีวี เช่น Netflix หรือค่าโทรศัพท์ ไปจนถึงค่าจิปาถะอื่นๆ ให้ โดย 20% ของพ่อแม่มองว่าการช่วยเหลือไปเสียทุกเรื่องส่งผลกระทบด้านการบริหารเงินของตัวลูกๆ เองด้วย

Sarah Behr ผู้ก่อตั้ง Simplify Financial Planning บริษัทให้คำแนะนำด้านการเงิน แนะนำว่า พ่อแม่ควรหยุดที่จะช่วยเหลือลูกๆ ในทุกเรื่องการเงิน แต่ควรคุยกับลูกๆ และกำหนดอย่างชัดเจนว่าพ่อแม่จะช่วยเหลือเรื่องอะไรบ้าง เพื่อให้ลูกๆ ได้รู้จักการวางแผนบริหารเงินด้วยตัวเอง

เรียบเรียง: ชลทิศ ทองไพจิตร