‘เงินซื้อความสุขให้เราได้’ เชื่อว่าหลายคนเห็นด้วย และมีประสบการณ์โดยตรงกับตัวเองมาก่อน ผลสำรวจจาก Empower บริษัทบริการด้านการเงินของแคนาดาพบว่า 6 ใน 10 ของผู้คนก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้เช่นกัน

แต่เชื่อไหมว่า จริงๆ แล้วการใช้เงินซื้อความสุขไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่เรา ‘แค่ใช้เงิน’ ไปกับเรื่องอะไรก็ได้ เพราะสุดท้ายการใช้เงินที่ไม่ได้ผ่านการคิดมาเป็นอย่างดี หรือวางแผนก่อนมาซื้อ จะให้ความสุขแค่ชั่วคราวกับเราเท่านั้น

✨ ทุกคนเคยได้ยินคำว่า ‘Hedonic Treadmill’ ไหม?

ให้ลองนึกถึงวันที่เราเพิ่งเจอเรื่องร้ายๆ มาไม่นาน ความเศร้า ความเสียใจจะค่อยๆ ดีขึ้น จนไม่รู้สึกอะไร เหมือนคำพูดที่ว่า ‘พอถอยออกมา ภูเขาลูกใหญ่ก็เล็กลงเรื่อยๆ’ เชื่อไหมว่า ‘ความสุข’ ก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน

ในปี 1971 Brickman และ Campbell สองนักจิตวิทยาได้ทำการวิจัยทดลองถึง ‘การปรับตัวเข้ากับความสุข’ (Hedonic Adaptation) ของมนุษย์เรา โดยทั้งสองศึกษากลุ่มผู้ถูกรางวัลลอตเตอรี และกลุ่มคนที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง สิ่งที่พบคือ ทั้งสองกลุ่มกลับสู่ ‘สภาวะอารมณ์ปกติ’ ในช่วงเวลาที่ไม่ห่างกันมากนัก

เพราะในวันที่ยินดี มีความสุขจนถึงขั้นต้องหลั่งน้ำตาออกมา สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปอารมณ์ และความรู้สึกนั้นจะค่อยๆ จางหายไปในที่สุด แต่มนุษย์เราก็ยังเดินหน้าตามหาความสุขต่อไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับวิ่งอยู่บนลู่วิ่ง จนเป็นที่มาของ ‘Hedonic Treadmill’

การใช้เงิน ‘ซื้อความสุข’ สามารถทำได้จริง แต่เมื่อความสุขจากการเป็นเจ้าของหมดไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่จะอยู่กับเราไปตลอด คือตวามรู้สึก ประสบการณ์ที่เราได้จากของที่ซื้อมา ดังนั้น ‘ความสุขในระดับประสบการณ์’ (Experiential Joy) จึงเรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการยอมจ่ายมากกว่า โดย aomMONEY มี 5 ตัวอย่างของความสุขในระดับประสบการณ์มาฝากกัน

💭 ประสบการณ์ และความทรงจำ

หนึ่งในประสบการณ์ที่ประเมินค่าไม่ได้ คือ ‘ความทรงจำ’ เคยไหมที่เราหยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมา แล้วความทรงจำในอดีตที่บางทีเราอาจจะลืมไปแล้วไหลเข้าสมองจนอดยิ้มคนเดียวไม่ได้ ซึ่งไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่สิบปี ของสิ่งนี้ก็ยังคุ้มค่าอยู่เสมอ

🚴 สุขภาพ และความเป็นอยู่

“จงลงทุนในตัวเอง เพราะนั่นคือทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่สุดที่คุณมี” แม้แต่วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อก้องโลกที่ทำรายได้จากการลงทุนมหาศาล ก็ยังมองว่าการลงทุนกับตัวเองสำคัญที่สุด ทั้งเรื่องชีวิต สุขภาพ การศึกษา และความเป็นอยู่ที่ดี

🕐 เวลา

‘ไม่มีเวลา’ หนึ่งคำติดปากของใครหลายคน เพราะแต่ละวันเราต่างมีหน้าที่มากมาย ในขณะที่เวลายังมีอยู่เท่าเดิม การ ‘ใช้เงินซื้อเวลา’ ให้ตัวเองได้ไปทำอย่างอื่นบ้าง อาจเป็นหนึ่งในความคุ้มค่าที่ประเมินค่าไม่ได้ เช่น โยกงานบ้านอย่าง ซักรีด ไปให้ร้านรับบริการ เป็นต้น

🎮 งานอดิเรก และความชอบส่วนตัว

โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์เราขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยเป้าหมายบางอย่าง ซึ่งอาจจะหมายถึงเรื่องงาน หรืองานอดิเรกนี่แหละ การที่เราเล่นเกมจนชนะ อ่านหนังสือจนจบ หรือวาดรูปจนสำเร็จ นับเป็นความสุขจาก ความสำเร็จในการไปถึงเป้าหมายที่เราเป็นผู้กำหนดขึ้นเองได้

📚 การศึกษา และการเติบโตในชีวิต

‘ใครๆ ก็อยากเป็นคนเก่ง’ การเป็นคนที่มีความรู้เยอะ นั้นสร้างความสุขให้เราในหลายด้าน เช่น เป็นที่รักของเพื่อนร่วมห้องเรียน หรือเป็นคู่สนทนาที่ไม่มีวันน่าเบื่อ ไปจนถึงการนำความรู้ความสามารถที่มีไปต่อยอดการเติบโตของตนเอง การลงทุนในการศึกษาจึงไม่มีคำว่า ‘ขาดทุน’ อย่างแน่นอน

จะใช้เงินซื้อความสุขให้ตัวเองทั้งที ก็ซื้อ ‘ความสุขระยะยาว’ ไปเลยดีกว่า เพราะ ‘ความสุขชั่วคราว’ จากการแค่เป็นเจ้าของสิ่งนั้นจะค่อยๆ หมดลงไปอยู่ดี จะเห็นได้ว่า ไม่สำคัญหรอกว่าของสิ่งนั้นคืออะไร แต่อยู่ที่เราได้อะไรจากสิ่งนั้นมากกว่า และมันสามารถมอบความสุขระยะยาวให้เราในด้านไหนได้บ้าง

เรียบเรียง: ชลทิศ ทองไพจิตร