ขึ้นชื่อว่า ‘เงิน’ คงไม่มีใครที่ไม่อยากได้ เราฝันถึงตัวเลขในบัญชีที่มีศูนย์ต่อท้ายเยอะ ๆ เป็นเรื่องปกติ

แต่สำหรับคุณอ้อ - “น.ส.วริศา มณีธวัช” นั่นไม่ใช่แค่ความฝัน แต่เธอมุ่งมั่น เริ่มทำงานมาตั้งแต่อายุ 19 ปี เก็บออมและทดลองทำหลาย ๆ อย่างจนสำเร็จ มีเงินเก็บในบัญชี 10 ล้านแรก ได้ด้วยวัยยังไม่ถึง 30 ปีตามที่ตัวเองได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ด้วย

ด้วยความที่เป็นพี่คนโตของครอบครัวในครอบครัวชนชั้นกลาง คุณแม่เป็นข้าราชการที่ไม่มีความรู้เรื่องการบริหารเงินเลย ส่วนคุณพ่อก็เป็นพนักงานบริษัท ทำให้คุณอ้อก็ไม่ได้เป็นคนมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเงินมากนัก แต่รู้ตัวว่าตัวเองอยากมีเงินเยอะขึ้น ได้ดูแลครอบครัว ดูแลคนอื่น ๆ ได้ ชีวิตคงสบายขึ้น

เริ่มต้นอาชีพนักขาย

พอชีวิตเข้าสู่ช่วงวัยมหาวิทยาลัย แม้จะเรียนคณะเภสัชฯ แต่ก็ชอบเรื่องการขายของและธุรกิจด้วยเช่นกัน ตอนนั้นเลยรู้สึกว่าอยากลองหาของมาขายเพื่อสร้างรายได้ให้กับตัวเอง แต่ไม่เคยลงทุนทำธุรกิจเพราะรู้ดีว่ามันมีความเสี่ยง จึงไม่เคยซื้อของอะไรมาขายเลย แต่อยากหารายได้เพิ่มก็เลยลองหาวิธีอื่นดู

นั่นคือช่วงที่โซเชียลมีเดียกำลังเริ่มบูม มหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่ติดย่านสยาม มีโอกาสเห็นร้านค้าต่าง ๆ ที่มีสินค้าน่าสนใจมากมาย แต่ร้านก็ไม่ได้มีการขายออนไลน์ ก็เลยเกิดเป็นไอเดียเริ่มต้นทำธุรกิจ ‘นายหน้าขายของออนไลน์’ หรือการโพสต์ขายแทนร้านค้า ถ้ามีคนสั่งก็จะมาซื้อไปส่งให้ลูกค้าแล้วก็กินส่วนต่าง ซึ่งในตอนนั้นตลาดเรียกว่าคู่แข่งไม่เยอะมาก

ด้วยนิสัยที่ชอบคุย ยิ้มง่าย พูดเก่ง และที่สำคัญคือใจกล้า คุณอ้อก็เดินเข้าไปตามร้านค้าต่าง ๆ เพื่อสอบถามว่าต้องการคนช่วยขายไหม เดี๋ยวจะช่วยเอาไปโพสต์ขายออนไลน์ให้ ถ้าขายได้เดี๋ยวจะมาสั่งของที่ร้าน สินค้าก็เป็นพวก ของจิปาถะทั่วไปอย่าง เคสมือถือ ขายขนม ขายเคสมือถือ ขายกระเป๋ารองเท้า ฯลฯ พอเริ่มขายได้ก็ลองขยับไปเป็นสินค้าตัวอื่น ๆ มากยิ่งขึ้น

นิสัยแห่งการทดลองและไม่ล้มเลิกง่ายๆ

แม้กระทั่งแอร์ก็ขายมาแล้ว ซึ่งประสบการณ์ครั้งนั้นแสดงให้เห็นถึงนิสัยแห่งการทดลองและไม่ล้มเลิกง่าย ๆ ของคุณอ้อด้วย ที่ผ่านมาการขายของก็คือการโพสต์ขายของออนไลน์มาโดยตลอด ความท้าทายในการขายแอร์คือถ้าโพสต์ขายออนไลน์...ใครจะมาซื้อ? คุณอ้อเลยลองเปลี่ยนวิธีไปยืนแจกใบปลิวที่หน้าคณะ ก็ไม่มีคนสนใจ ไปเดินแจกใบที่สยามก็ไม่มีคนติดต่อมา เอาโบรชัวร์ไปวางตามที่ต่าง ๆ ก็ยังไม่คืบหน้า

สุดท้ายในเมื่อขายทีละตัวไม่ได้ ก็เลยลองเปลี่ยนวิธี ถ้าขายทีละ 5 ตัว หรือ 10 ตัวได้ไหมนะ? ขายให้กับโครงการบ้าน คอนโดฯ หรือ คณะในมหาวิทยาลัยที่เขาซื้อทีละเยอะ ๆ เพราะราคาที่คุณอ้อได้มาจากบริษัทแอร์ก็ถือว่าไม่แพง สามารถประมูลแข่งกับเจ้าอื่น ๆ ได้

จุดพลิกเกมเกิดขึ้นหลังจากที่คุณอ้อเริ่มส่งราคาไปประมูลในโครงการต่าง ๆ ทีนี้เริ่มมีคนสนใจ เริ่มได้ลูกค้าทีละที่สองที่ แต่ขายแอร์ทีละเป็นสิบ ๆ ตัว ติดหอพัก ติดสถานพยาบาล และรายได้จากการเป็นนายหน้าขายแอร์ก็เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

หรืออย่างการขายสินค้าของ Apple ซึ่งในตอนนั้นถือว่าเป็นตลาดเฉพาะทางมาก ๆ คุณอ้อแทนที่จะโพสต์ขาย แจกใบปลิวปกติ (ซึ่งก็ลองทำแต่ขายไม่ได้) เลยลองพลิกหาวิธีไปขายในกลุ่มเว็บบอร์ดเฉพาะทางของ Apple และอาศัยรีวิวแบบปากต่อปากจากลูกค้ากลุ่มแรก ๆ จนกระทั่งขายคอมพิวเตอร์ได้หลายร้อยเครื่องติดเป็นท็อปเซลล์ของบริษัทไปเลย

แต่ก็ไม่ใช่สินค้าทุกอันที่จะขายได้ ของบางอย่างเช่น เซ็ตอาหารเบรค หรือรับออเดอร์เค้กสั่งทำ เบเกอรี่ออนไลน์ พวกนี้ลองขายมาหมดแล้ว...แต่ก็ขายไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องหยุดไปทำอย่างอื่นแทน (แค่นั้นเลย)

“สิ่งที่หลาย ๆ คนเห็นเป็นเพียงสินค้าแค่ 3 ใน 10 หรือ 3 ใน 20 ด้วยซ้ำ ที่ขายนะ ที่ขายไม่ได้คนก็ไม่เห็น และสำหรับเราแล้ว ขายไม่ได้ พยายามทุกทางแล้วยังไม่ได้ เราก็ต้องปล่อย มีอะไรอีกมากมายที่เรายังทำได้”

เมื่อมีเงินเข้ามาในบัญชี คุณอ้อก็เริ่มสนใจเรื่องการเก็บเงิน ออมเงิน ลงทุนด้านต่าง ๆ และที่สำคัญคือคอยกระจายสิ่งที่เรียนรู้มาให้กับคนอื่น ๆ รอบตัวผ่านโซเชียลมีเดียอยู่เป็นประจำ คนก็เริ่มมาติดตาม จากวงเล็กที่เป็นเพื่อนกัน ก็เริ่มขยายไปสู่คนที่ไม่รู้จักและติดตามเพราะได้รับความรู้ ซึ่งคุณอ้อก็ทำแบบนี้มาเรื่อย ๆ เป็นเวลา 5-6 ปีเลยทีเดียว

การใช้เงินเพื่อเป้าหมายในชีวิต

ส่วนตัวแล้วคุณอ้อเป็นคนที่ค่อนข้างระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายเงิน มีช่วงหนึ่งตอนปี 4 ที่เริ่มขายของได้เป็นกอบเป็นกำ มีเงินในบัญชีเยอะขึ้นแล้วก็เริ่มใช้จ่ายแบบสุรุ่ยสุร่ายมากกว่าปกติ ซื้อสินค้าแบรนด์เนมราคาแพงให้ตัวเองเหมือนเป็นการให้รางวัล แต่ทำได้ไม่นานก็รู้สึกว่า “ตอนแรก ๆ ได้มาก็ดี สิ่งของเหล่านี้ไม่ได้มอบความสุขให้กับเธอเลย ในระยะยาวเลย” แล้วก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเดิมเพราะรู้สึกสบายใจมากกว่า

สำหรับการลงทุนจะเลือกลงทุนในหุ้นบ้าง กองทุนบ้าง แต่จะลงในแบบที่รับไหว จะซื้อกองทุนที่รู้สึกว่าปลอดภัยและที่สำคัญคือซื้อด้วยเงินที่เสียหายได้ 100% คือถ้าหายไปหมดเลยก็ยังจะรู้สึกโอเค เพราะสำหรับคุณอ้อแล้ว “อะไรก็ตามที่เราลงทุนแล้วนอนไม่หลับ ไม่เอาดีกว่า เพราะไม่ใช่ตัวเรา”

หลังจากมีประสบการณ์ขายมากขึ้น ลองสินค้ามาหลายอย่าง วันหนึ่งคุณอ้อก็มีโอกาสได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องประกันจากการอ่านหนังสือ ซึ่งก่อนนั้นก็เหมือนกับคนส่วนใหญ่ ประกันเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว เรียกว่ามีมุมมองเชิงลบเลยก็ว่าได้

แต่เมื่อศึกษาเพิ่มขึ้นและยอมเปิดใจให้กว้างขึ้น คุณอ้อเห็นว่าที่จริงแล้วตัวผลิตภัณฑ์มันเป็นสิ่งที่ดี มันเป็นการจ่ายเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ถ้าหากมีอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยขึ้นมาแล้วไม่มีประกัน เป้าหมายชีวิตหรือการเงินอาจจะพังเลยก็ได้

คุณอ้อย้ำว่ามันก็เหมือนในทุกธุรกิจที่ก็จะมีคนมุ่งแต่จะขาย โดยไม่ได้สนใจความต้องการของลูกค้าจริง ๆ ประกันก็เหมือนกัน แต่สำหรับเธอแล้วจะดูความต้องการและความจำเป็นของลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งนั่นก็ทำให้อาชีพขายประกันกลายมาเป็นงานเสริมเพิ่มขึ้นด้วย

ทางแยกของชีวิตและการจัดลำดับความสำคัญ

ซึ่งในปี 2016 จากน้ำพักน้ำแรงและการลองผิดลองถูกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในวัยอายุ 23 ปี คุณอ้อก็ได้จับเงินล้านแรกของตัวเองสำเร็จจนได้ “ล้านต่อไปมันจะเริ่มเห็นรูปแบบว่าต้องทำยังไง เราสามารถทำอะไรได้ เรารู้จักตัวเองแล้ว มันเลยทำซ้ำได้ แต่ก็ยังต้องทำงานหนักอยู่เพื่อให้เงินงอกเงย”

จนกระทั่งเรียนจบ ก็ไปทำงานเป็นเภสัชกรที่โรงพยาบาล ต่อมาเป็นพนักงานบริษัทยาที่ทำงานที่โรงพยาบาลเช่นกัน ขยันทำงานแล้วก็ขายประกันเป็นอาชีพเสริมควบคู่กันไป เป้าหมายของคุณอ้อจากแสนแรก สู่ล้านแรก ก็เติบโตไปเป็น 10 ล้านแรกภายในอายุ 30 ปี

แต่จุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อโควิดกำลังระบาดหนักในช่วงปี 2020 ด้วยความที่เพิ่งมีลูกเล็กในเวลานั้นและต้องทำงานที่โรงพยาบาลซึ่งมีความเสี่ยงสูงมาก ๆ จึงเกิดเป็นทางเลือกว่าจะทำงานต่อแล้วเสี่ยงติดเชื้อกลับบ้านไปติดลูก หรือควรลาออกมาอยู่บ้านแล้วทำงานขายประกันออนไลน์แบบเต็มเวลาไปเลย

หลังจากชั่งน้ำหนักแล้วคุณอ้อจึงตัดสินใจเลือกที่ออกมาอยู่กับลูก ปรับวิถีชีวิตจากพนักงานประจำมาทำงานขายประกันออนไลน์ทั้งหมด รายได้เพิ่มขึ้น มีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในบ้านและมีเวลาดูแลลูกมากขึ้นด้วย

ด้วยกรอบคิดที่ไม่ยอมแพ้ ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและซื่อสัตย์กับมัน จดจ่อกับการลงมือทำ เปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่าง แพ้ก็ลุกใหม่ พลาดก็เปลี่ยนไปทำอย่างอื่น คุณอ้อแนะนำว่า

“เราไม่มีทางรู้ว่าจะชอบไข่เจียว ไข่ดาว หรือ ไข่ต้ม จนกว่าจะได้ลอง”

สุดท้ายภายในระยะเวลา 6 ปี หลังจากที่ตั้งเป้าหมาย 10 ล้าน ในวัย 23 ปี ตอนนี้เป้าหมายนั้นเธอมาถึงเรียบร้อยแล้ว

Mindset_ในการสร้างเป้าหมายเก็บเงินก้อนแรกของตัวเอง

คุณอ้อฝากคำแนะนำ 6 ข้อ สำหรับใครก็ตามที่อยากเริ่มสร้างเป้าหมายเก็บเงินก้อนของตัวเอง (เป้าหมายของแต่ละคนก็ต่างกันไปนะครับอาจจะหมื่นแรก แสนแรก หรือล้านแรกของตัวเอง)

1. ลองทำหลาย ๆ อย่างที่ไม่ต้องมีต้นทุน แต่เราลงแรง เพราะเราไม่รู้อะไรเลยจนกว่าจะลองทำ เป็นลูกจ้าง เป็นตัวแทนขาย รับพรีออเดอร์ ฯลฯ อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องลงทุน แต่เราสามารถลองทำได้ เพื่อให้รู้ว่าตัวเองเหมาะกับงานไหน

2. คว้าโอกาสเอาไว้ ไม่ต้องกลัวว่าทำไม่ได้ ทำ 10 อย่าง ปัง 2 อย่างก็รอดแล้ว มันอาจจะเปลี่ยนชีวิตได้เลย

3. ทำตัวให้พร้อมกับโอกาสที่จะเข้ามา เพิ่มความรู้ให้กับตัวเองเสมอ อ่านหนังสือ ลงคอร์สเรียนต่าง ๆ ตอนนี้มาเยอะมาก

4. หาเหตุผลและมีเป้าหมายที่ชัดเจน ถ้ามันสำคัญกับเราจริง ๆ เราจะพยายามหาทางทำมันให้ได้ ทำเป็นภารกิจเลย ย้ำตัวเองบ่อย ๆ

5. ลองหาหนทางใหม่ ๆ อันไหนที่มันตัน ก็ลองวิธีอื่น อย่างการขายแอร์ ยืนแจกใบปลิวไม่ได้ ก็ไปประมูลราคาแข่งเลย

6. ความสำเร็จไม่ใช่แค่การอ่าน หรือฟัง แต่คือการลงมือทำให้มันเกิดขึ้น

สิ่งที่คุณอ้อเรียนรู้จากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมาคือการมีเงินไม่ใช่เพื่อเอาไว้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่มันคือการสร้างรากฐานความมั่นคงของชีวิตตัวเองและครอบครัว และที่สำคัญคือเมื่อมีเงินแล้ว ประสบความสำเร็จแล้ว เราดีใจได้แต่ก็อย่าเหลิง ขยันทำงานต่อไปเพราะ “ชีวิตเรายังประสบความสำเร็จได้อีกหลายครั้ง”