aomMONEY เจอกระทู้ที่น่าสนใจในพันทิปครับ มีสมาชิกที่ชื่อ Richeest มาแชร์ประสบการณ์ว่า เขาสามารถปลดหนี้ 2 ล้านบาท จากบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด 20 ใบ ได้ภายใน 2 ปี จนตอนนี้มีเงินเก็บหลักล้าน!
อ่านแล้วน่าสนใจมากๆ อยากรู้มั้ยครับว่าเขาเป็นหนี้ได้อย่างไร? ใช้วิธีอะไรถึงปลดหนี้ได้สำเร็จ? แล้วเขาตัดสินใจได้เหมาะสมหรือไม่? aomMONEY จะเล่าให้ฟังครับ
จุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้
เจ้าของกระทู้เล่าว่า เขาลงทุนทำธุรกิจอพาร์ตเมนต์ แล้วต้องการเงินก้อนมาลงทุน ซึ่งเขายื่นขอสินเชื่อสำหรับทำธุรกิจไปแล้ว ทางธนาคารจะอนุมัติเงินกู้ที่ 70% ของราคาประเมินการก่อสร้าง เขาจึงตัดสินใจใช้เงินสดที่มีอยู่ ประกอบกับการใช้ “บัตรเครดิต” เพื่อสร้างอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว
โดยเขามองว่า อยากรีบลงทุนสร้างอพาร์ตเมนต์ให้เสร็จเร็วที่สุด แล้วปล่อยเช่า หากผลตอบรับเป็นไปด้วยดี มีอัตราการเข้าพักสูง ก็จะสามารถเก็บกินผลกำไรได้มาก จึงตัดสินใจใช้บัตรเครดิตเป็นส่วนหนึ่งของเงินลงทุน ซึ่งนั่นเป็นที่มาของหนี้ก้อนโต 2 ล้านบาท จากบัตรเครดิตและบัตรเงินสด 20 ใบ
วิธีปลดหนี้ 2 ล้าน ภายใน 2 ปี
1. สำรวจยอดหนี้ที่ค้างอยู่ทั้งหมด
การเป็นหนี้บัตรหลายใบ สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือตั้งสติ หยุดก่อหนี้ แล้วทำตารางแจกแจงรายละเอียด เพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมด และง่ายต่อการจัดการ ได้แก่
- เรามีหนี้บัตรอะไรบ้าง ทั้งหมดกี่ใบ วงเงินเท่าไร
- แต่ละใบมียอดหนี้เท่าไร
- แต่ละใบต้องชำระหนี้วันไหน
- แต่ละใบต้องจ่ายเต็มจำนวนเท่าไหร่ / จ่ายขั้นต่ำเท่าไหร่
- แต่ละใบมีอัตราดอกเบี้ยต่อปีเท่าไหร่
หรือถ้าใครไม่อยากมานั่งแจกแจง หรือกลัวข้อมูลตกหล่น ก็สามารถเช็กข้อมูลได้จากเครดิตบูโร โดยเสียค่าใช้จ่าย 150 บาท แล้วรอเอกสารประมาณ 1-2 สัปดาห์ครับ
2. ทำบัญชีรายรับรายจ่าย
เมื่อรู้รายการที่ต้องจ่ายหนี้ทั้งหมดแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องหาเงินมาจ่าย ซึ่งเราก็ต้องทำลิสต์รายได้และรายจ่ายทั้งหมดเช่นกัน เพื่อให้เห็นภาพรวม และทำให้รู้ว่าแต่ละเดือน เราจะมีเงินเหลือเท่าไหร่สำหรับจ่ายหนี้บัตร
3. ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
เมื่อทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายแล้ว เราจะเห็นรายการบางอย่างที่ไม่จำเป็น ซึ่งนี่คือ “รอยรั่วทางการเงิน” ที่เราสามารถอุดมันได้ อย่างเจ้าของกระทู้นี้ก็ลดการออกไปปาร์ตี้ กินดื่มเที่ยว ที่แต่ละครั้งต้องใช้เงินราว 500-1,000 บาท
4. หารายได้เพิ่ม
ถ้าเป็นหนี้มากๆ หรืออยากปลดหนี้ได้เร็วขึ้น การหารายได้เสริมคือทางออกที่ดี ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนความถนัดให้เป็นเงินได้ เช่น รับจ้างแปลบทความ เป็นติวเตอร์สอนพิเศษ วาดภาพขาย ฯลฯ
แต่การหารายได้เสริมที่เจ้าของกระทู้ท่านนี้เลือก คือการ “ทำธุรกิจ” ทั้งที่ยังไม่มีความพร้อมใดๆ จึงตัดสินใจใช้บัตรเงินสด กดเงินราว 500,000 บาทมาตั้งต้นธุรกิจ ซึ่งช่วงแรกๆ ก็ไปได้ไม่สวยนัก แต่พอ 1 ปีผ่านไปก็เริ่มประสบความสำเร็จ จนสร้างกำไรได้ดี ทำให้เขามีเงินมาจ่ายหนี้บัตรได้มากขึ้น
ข้อนี้ aomMONEY มองว่าเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยงพอสมควร ประการแรกเลยคือการใช้บัตรกดเงินสด กดเงินออกมาเพื่อทำธุรกิจนั้น ไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักของมัน เพราะสิ่งนี้มีไว้เพื่อ “การหมุนเงินสั้นๆ” เช่น เกิดเรื่องฉุกเฉิน ป่วยเข้าโรงพยาบาลต้องใช้เงินด่วน แต่ถ้าต้องการเงินก้อนมาทำธุรกิจ แนะนำว่าการขอสินเชื่อส่วนบุคคลจะตอบโจทย์มากกว่าครับ
ประการต่อมาคือ เป็นเรื่องดีที่เจ้าของกระทู้ประสบความสำเร็จกับธุรกิจนี้ จนมีกำไรไปจ่ายหนี้บัตรได้ แต่ถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปตามคาดล่ะครับ...จะเกิดอะไรขึ้น? นั่นเท่ากับว่าเขาต้องมีหนี้เพิ่มขึ้นแน่นอน ทีนี้อาจจะปวดหัวกว่าเดิมอีกครับ
5. ค่อยๆปิดหนี้บัตรทีละใบ
หลังจากที่หักค่าใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวันแล้ว เจ้าของกระทู้นี้ก็นำเงินที่เหลือไปจ่ายหนี้บัตรทุกใบ เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียประวัติในเครดิตบูโร และค่อยๆ ทยอยปิดบัตรทีละใบ โดยใช้วิธีต่อไปนี้
- ปิดบัตรที่ดอกเบี้ยสูงสุดก่อน ที่เหลือให้ทยอยจ่ายขั้นต่ำ เพื่อลดภาระดอกเบี้ย
- ปิดบัตรที่ยอดหนี้เหลือน้อยสุดก่อน เพื่อลดจำนวนธนาคารที่เป็นหนี้อยู่
ปัจจุบันเจ้าของกระทู้สามารถปลดหนี้ 2 ล้านบาท จากบัตร 20 ใบ ได้แล้วภายในเวลา 2 ปี และมีรายได้จากธุรกิจที่ลงทุนไว้ ซึ่งมากกว่าเงินเดือนจากงานประจำ จนสามารถมีเงินเก็บถึงหลักล้านแล้ว ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีครับ แต่ทั้งนี้ aomMONEY อยากฝากไว้ว่า ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน ก็ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ถูกประเภท ตรงตามวัตถุประสงค์ดีกว่าครับ
และอีกข้อหนึ่งคือ การไม่มีหนี้ย่อมเป็นลาภอันประเสริฐ โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด ยิ่งถ้าเราทยอยจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อยๆ ไม่สามารถหารายได้เพิ่มเติมได้ บอกเลยว่าโอกาสหลุดพ้นจากหนี้นั้นยากมากๆ ครับ
ด้วยรักและปรารถนาดี จาก aomMONEY ที่อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพทางการเงินที่ดี
อ้างอิง: https://bit.ly/3jDQq5u