“ฉันมองว่าการลงทุนนั้นไม่ต่างอะไรกับการเล่นพนัน”

นี่คือความเข้าใจของผู้คนชาวอเมริกากว่า 55% จาก 1,000 คน โดยการสำรวจของ MagnifyMoney ในขณะที่คนไทยเองมีความคิดแบบนี้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน เพราะเมื่อมาดูข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่าในปี 2023 ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้มีรายได้ทั่วประเทศกว่า 39 ล้านคน แต่มีบัญชีการลงทุนในหุ้นที่ Active อย่างต่อเนื่องเพียงแค่ 900,000 บัญชีเท่านั้น และมีการลงทุนในกองทุนรวม 1.8 ล้านคน ส่วนตราสารหนี้มีเพียง 200,000 คน

💰 ชี้ให้เห็นว่าแม้เรื่องการลงทุนจะเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจจากผู้คนมากขึ้น แต่ยังมีผู้คนไม่น้อยที่ยังไม่มั่นใจกับเรื่องการลงทุนอยู่

ทางด้าน ‘รามิตร เศรษฐี’ เจ้าของรายการ และหนังสือ ‘I Will Teach You To Be Rich’ มองว่าความไม่กล้าลงทุนตรงนี้อาจทำให้เราสูญเสียโอกาสเติบโตทางการเงิน แน่นอนว่าทั้งการลงทุน และการพนันมีสิ่งที่เหมือนกันคือ ‘ความเสี่ยง’ แต่ในขณะที่การพนันอย่างหวย มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ต่ำ และไม่ได้อะไรกลับมาเลย ด้านการลงทุนนั้นจะมีความยืดหยุ่นให้เราได้เลือกความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตัวเองได้

รามิตร ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า แม้การลงทุนจะไม่ได้สร้างผลตอบแทนให้เราอย่างแน่นอนในทุกครั้ง ด้วยความผันผวนของตลาดที่มีขึ้นลงเป็นเรื่องปกติ และจริงๆ แล้วแม้เราจะไม่มีความชำนาญด้านการลงทุนก็สามารถเริ่มต้นลงทุนใน ‘กองทุนรวม’ ได้ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญคอยบริหารเงินของเราให้เติบโตขึ้น โดยเราไม่ต้องทำอะไรเลย

💰 แม้ไม่เล่นพนัน แต่เก็บเงินไว้กับตัวเฉยๆ ไม่ยอมลงทุน ก็ ‘ไม่รวย’

แม้จะเปรียบเทียบให้เห็นกันไปแล้วว่า การลงทุนนั้นปลอดภัยกว่าการนำเงินไปเล่นพนัน เพราะเราสามารถควบคุม และป้องกันความเสี่ยงได้ แต่ยังมีคนอีกประเภทที่เชื่อว่าการเก็บเงินไว้กับตัว คือการสร้างความมั่งคั่ง ซึ่งก็นับว่ายังไม่ถูกเสียทีเดียว

แน่นอนว่าการออมเงินเป็นพื้นฐานทางการเงินที่ดี แต่ไม่ใช่เส้นทางสู่การเติบโตทางการเงิน โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 อัตราดอกเบี้ยของบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อยู่ที่ราว 0.5-0.7% แม้จะเป็นบัญชีเงินฝากประจำ 24 เดือนก็ยังมีอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 2.45%

ส่วนการลงทุน ขอยก กองทุนรวมอย่าง MSCI ACWI Index ที่กระจายการลงทุนไปทั่วโลก ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และตลาดเกิดใหม่ โดย 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงช่วงที่โควิด-19 ยังมีผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 6.25%

เพราะสุดท้ายแล้ว ด้วยคำว่า ‘เงินเฟ้อ’ เงินที่นอนนิ่งๆ อยู่ในบัญชีเฉยๆ จะยิ่งมีค่าน้อยลง การลงทุนเพื่อสร้าง ‘การเติบโต’ ของเงินจะทำให้เราเอาชนะเงินเฟ้อได้

สุดท้ายนี้ รามิตรยังฝากเพิ่มเติมเอาไว้ว่า เมื่อตั้งใจจะลงทุน ให้ลงเงินไว้ให้นานที่สุด เพราะสถิติที่ผ่านมาของช่องทางการลงทุนส่วนใหญ่ ‘ยิ่งลงนาน ยิ่งได้ผลตอบแทนสูง’ โดยเราสามารถค่อยๆ วางแผนการเงินโดยแบ่งเงินรายได้ต่อเดือนส่วนหนึ่งไปลงทุน ซึ่งเราสามารถเริ่มลงทีละ 1% หรือจะขยับขึ้นเป็น 10% ต่อเดือน แล้วแต่ความสบายใจของเรา แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ

เรียบเรียง: ชลทิศ ทองไพจิตร