ถ้า aomMONEY บอกว่า “คนจน” มีค่าใช้จ่ายมากกว่า “คนรวย” เพื่อนๆ จะเชื่อกันไหมครับ? หลายคนอาจจะตั้งแง่หรือตั้งคำถามว่า จริงหรือ? เป็นไปได้หรือ? แต่เรื่องนี้เขามีบทวิจัยมารองรับครับ

ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น aomMONEY ขอสรุปให้อ่านกันง่ายๆ ดังนี้

1. เพราะคนจนต้องซื้อของที่แบ่งขายเป็นชิ้นๆ ซึ่งแพงกว่าการซื้อของทีละมากๆ เนื่องจากไม่มีเงินมากพอ

เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่เล็กเลยนะครับ เพราะข้อมูลจากการวิจัยที่เปิดเผยโดยศาสตราจารย์ Yesim Orhun และ Ph.D. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยว่า “คนจน” ไม่สามารถซื้อสินค้าปริมาณเยอะในราคาที่ถูกกว่าการซื้อแบบรายชิ้นได้ ทำให้พวกเขาต้องซื้อของที่แพงกว่า

ตัวอย่างเช่น

- กระดาษทิชชูแพ็ค 24 ม้วน ราคา 279 บาท = ตกม้วนละ 11.625 บาท
- ถ้าซื้อแบบรายชิ้น = ตกม้วนละ ราคา 17 บาท

แน่นอนว่าด้วยรายได้ขั้นต่ำ “คนจนจึงไม่สามารถซื้อสินค้าแบบแพ็คที่ราคาเกือบเท่าค่าแรงขั้นต่ำของพวกเขาได้” ทำให้คนเหล่านั้นต้องเลือกซื้อรายชิ้น นั่นหมายความว่า หากเขาซื้อทิชชูทั้งหมด 24 ครั้ง จะต้องจ่ายเงิน 408 บาท ในขณะที่การซื้อแบบแพ็คในครั้งเดียวนั้นจ่ายเพียงแค่ 279 บาท

เพื่อนๆ คนจะเห็นแล้วถึงความแตกต่างของภาระค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันจากสถานะทางสังคมที่ต่างกันแล้วใช่ไหมครับ การเป็นคนจนนั้นมีราคาแพงจริงๆ

2. คนจนมีอุปสรรคจากการออมเงินมากกว่าคนรวย

“ถ้าเราไม่เคยจนมาก่อน เราก็คงไม่รับรู้ถึงความลำบาก” เชื่อหรือไม่ครับว่า คนจนคนที่อยู่ห่างไกล อาจจะไม่สามารถเข้าถึงซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่มีสินค้าราคาถูกได้เหมือนคนในเมืองนะครับ อย่างพวกเราเวลาจะซื้อของก็แค่ขับรถออกจากบ้าน อยากซื้ออะไรก็หยิบ เพราะยังไงก็มีรถ แต่คนจน ด้วยรายได้ของเขา เขาอาจจะไม่มีแม้กระทั่งรถที่จะใช้ขนทิชชู่ 30 ม้วนกลับบ้านก็ได้

ทั้งๆ ที่จริง บนโลกใบนี้มีวิธีการประหยัดเงินมากมายเมื่อเราใช้เงินซื้อของต่างๆ อาทิเช่น

- คนรวยสามารถซื้อของใช้จำเป็นทีละมากๆ เพื่อให้ราคาถูกกว่า แต่คนจนทำไม่ได้

- คนรวยเข้าถึงบัตรเครดิตและสามารถได้ส่วนลดต่างๆ จากบัตรหรือพวก Cashback ในการจับจ่ายใช้สอย แต่ในทางกลับกันคนจน ไม่มีทางเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินเหล่านี้ได้เลย เพราะไม่มีเครดิต ในการเปิดใช้บริการบัตรด้วยซ้ำ

- เรามีเงินสมัครเป็น Member ร้านค้าหรือห้างต่างๆ เช่น เป็น Member ของซุปเปอร์มาร์เก็ตห้างหนึ่ง ใช้แต้มในการแลกเป็นส่วนลดสินค้า หรือว่าเป็น Member ของปั๊มเติมน้ำมัน เมื่อถึงวันเกิดก็เอาบัตรสมาชิกไปแลกกาแฟมาดื่มฟรี หรือ แลกแต้มเพื่อเอาส่วนลดในการเติมน้ำมัน แลกของ แต่คนจนแค่ค่าสมัคร Member ก็แพงเกิน เพราะมันอาจเทียบเท่ารายได้ขั้นต่ำใน 1 วันของเขาแล้ว

และจากข้อมูลทั้งหมดที่ผมหยิบมาเล่าให้เพื่อนๆ อ่านกัน เราจะเห็นได้เลยว่า แม้จะเป็นบทวิจัยของสหรัฐอเมริกา แต่ดูจากภาพรวมแล้ว ก็คล้ายคลึงกับประเทศเรานะครับ เพราะถึงแม้ปัจจุบันประเทศของเราจะมีการกระจายความเจริญไปยังชนบท เช่น มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ แต่นั่นก็ไม่หมายความว่า คนที่มีรายได้น้อยจะมีกำลังซื้อหรือเข้าถึงบริการเหล่านั้นได้นะครับ

โดยเฉพาะเมื่อมีสถานการณ์โควิดบ้านเรายิ่งเห็นได้ชัด คนมีเงินมีกำลังพอ ก็เลือกซื้อวัคซีน mRNA จากรพ.เอกชนได้ ในขณะที่คนที่ไม่มีเงินจำยอมต้องฉีดวัคซีนจากทางรัฐโดยเลือกไม่ได้

ก็เรียกได้ว่า ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นเรื่องจริงที่น่าหดหู่ใจไม่น้อยเลย aomMONEY ก็ได้แต่หวังว่า ประเทศของเราจะลดช่องว่างระหว่าง “คนรวย” และ “คนจน” ให้แคบลงได้ เราจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามมาตรฐานอย่างที่ควรจะเป็นสักที