มนุษย์ทุกคนมีความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ วิธีคิด มุมมอง และทัศนคติที่มีต่อสิ่งต่างๆ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และภูมิหลังที่ได้พบเจอมา ทำให้แต่ละคนมีเหตุผลที่จะตัดสินใจทำ หรือ ไม่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแตกต่างกันออกไป

การใช้จ่ายเงินก็เช่นกัน หลายครั้งพอได้นั่งคุยเรื่องเงินกับใคร แน่นอนว่าประเด็นหลักต้องไม่ใช่การขอยืมเงิน เรามักจะทราบวิธีคิด ทัศนคติ ภูมิหลัง รวมไปถึงการให้ค่ากับวัตถุ ของคู่สนทนาเสมอๆ

ดังนั้น จึงพูดได้ว่าภูมิหลังมักสะท้อนตัวตน “เจ้าของเงิน” และรูปแบบการใช้จ่ายเงินเสมอ และสิ่งนี้มักจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แต่ละคนมีสไตล์การลงทุนที่แตกต่างกันออกไปด้วย

Dr.Brad Klontz นักจิตวิทยาการเงินจาก Creighton University สหรัฐอเมริกา เคยใช้ทฤษฎี “Money Script” มาอธิบายเรื่องนี้ว่า “พื้นฐานทางครอบครัว ถือว่าเป็นส่วนสำคัญกับทัศนคติและมุมมองเรื่องเงินของคนเราแทบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น การใช้จ่าย การเก็บออม การลงทุน และความสามารถในการรับความเสี่ยง “

โดย Dr.Brad Klontz และคณะผู้วิจัยได้สร้างแบบทดสอบชื่อ the Klontz Money Script Inventory-R (KMSI-R) ที่สามารถบ่งบอกลักษณะความเชื่อทางการเงินของแต่ละบุคคล จากนั้นได้ลงพื้นที่ไปสอบถามกลุ่มตัวอย่าง โดยได้ข้อสรุป เป็นการแบ่งคนออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

1. Money Avoidance คนกลุ่มนี้มองว่า "เงิน คือ มารร้าย"

เห็นว่า คนรวยเป็นพวกโลภมาก และมักตั้งคำถามว่า คนเราจะมีเงินไปมากมายทำไม ในเมื่อคนอื่นยังขาดแคลน คนกลุ่มนี้ จึงมักใช้จ่ายโดยไม่ใส่ใจอะไร หาได้เท่าไรก็ใช้เท่านั้น ไม่เน้นเก็บออม และชอบลงทุนตามกระแส โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับกำไร-ขาดทุน

2. Money Worship คนกลุ่มนี้มองว่า "เงิน เป็น พระเจ้า"

มีกรอบความคิดว่า การมีเงินจะช่วยให้ทุกอย่างเป็นไปได้ ยิ่งมีเงินมาก ยิ่งมีความสุข คนเหล่านี้จึงมีแนวโน้มที่จะทำงานหนัก เพื่อให้ได้เงินมากๆ แล้วนำเงินไปใช้จ่ายสร้างความสุข ชอบใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสูง ส่วนรูปแบบการลงทุนนั้น เป็นไปได้ที่จะรับความเสี่ยงได้สูง เพราะคาดหวังผลตอบแทนสูงๆ เพื่อให้รวยเร็วๆ

3. Money Status คนกลุ่มนี้มองว่า “เงิน เป็น เครื่องแสดงสถานะ”

มักใช้เงินสร้างตัวตน มักจ่ายเงินไปกับข้าวของต่างๆ เพื่อสร้างการยอมรับจึงมีโอกาสที่จะใช้เงินเกินตัว เสี่ยงเป็นหนี้ และอาจจับพลัดจับผลู สู่เข้าวงการพนัน เพื่อให้ได้เงินมาใช้จ่าย สำหรับรูปแบบการลงทุนของคนกลุ่มนี้จะคล้ายกับคนกลุ่มที่แล้ว คือ พร้อมเสี่ยง เพื่อสร้างทางลัดไปสู่ความร่ำรวย

4. Money Vigilance คนกลุ่มมองว่า “เงิน เป็น ของรัก”

เห็นว่าเรื่องเงินๆ ทองๆ ต้องปลอดภัย เงินมีไว้เก็บ ไม่ได้มีไว้ให้ใช้ บางครั้งจึงถูกมองว่าเป็นคนขี้เหนียว เพราะมักจะคิดแล้วคิดอีกกว่าจะยอมควักกระเป๋าจ่ายแต่ละบาท ดังนั้นรูปแบบการลงทุนของคนกลุ่มนี้ คิดเน้นช้าแต่ชัวร์ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่แน่นอน เพราะรับเรื่องของขาดทุนไม่ค่อยได้นั่นเอง

อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้ว เชื่อว่า ทฤษฎี Money Script น่าะจะช่วยให้หลายๆ คนพอเข้าใจมุมมองและพื้นฐานที่มีต่อเรื่องเงินกันบ้าง ช่วยให้คุณกลับมาทบทวนพฤติกรรมการเงินของตัวเอง สามารถวางแผนการเงินได้อย่างชาญฉลาด และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง