“กลัวความจน” เชื่อว่าใครๆ ก็น่าจะเป็นเหมือนๆ กัน แต่ในโลกที่เต็มไปด้วยความแตกต่าง กลับมีคนกลุ่มหนึ่งที่ ไม่ชอบความร่ำรวย ไม่ชอบการสะสมเงินทองเอามากๆ

บางคนถึงขั้นเข็ดขยาด ไม่อยากอยู่ใกล้คนมีตังค์ บางครั้งถึงขั้นแอบผวา หน้าซีดปากสั่นก็มี อาการแบบนี้ทางจิตวิทยา เรียกกันว่า "Plutophobia" แปลเป็นไทยแบบง่ายๆ คือ “โรคกลัวความมั่งคั่งร่ำรวย” นั่นเอง

ถามจริง...โรคแบบนี้มีจริงๆ เหรอ?? มันผิดวิสัยความเป็นมนุษย์ที่อยากได้อยากมีเลยนะ คำตอบ คือ มีจริงๆ โรคแปลกๆ แบบนี้ และก็ไม่ได้มีน้อยด้วย งั้นถามต่อ Plutophobia เกิดจากอะไร?

ว่ากันว่า Plutophobia เกิดจากคำว่า “Pluto” หมายถึง เทพเจ้าแห่งความร่ำรวยของชาวกรีก ส่วน “Phobia” หมายถึง อาการกลัวแบบขั้นสุด เมื่อนำมารวมกันจึงแปลว่า “โรคกลัวความมั่งคั่งร่ำรวย” นั่นเอง

เอาเข้าจริง จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า Plutophobia เกิดจากอะไรกันแน่ แต่ทางจิตวิทยา สันนิษฐานกันว่า อาจเกิดจากประสบการณ์ที่เลวร้ายในอดีต สร้างความทรงจำที่ไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ ทำให้พวกเขาเข้าใจว่า ความรวยมันซับซ้อน และไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความสุข

แล้วอาการ Plutophobia เป็นยังไงล่ะ

พูดง่ายๆ แค่คิดถึงความรวย คนกลุ่มนี้จะเครียด แบบกังวลไปสารพัดว่า จะมีคนแอบเข้ามาหาผลประโยชน์ แล้วพอเผลอไผลก็ถูกโกงจนหมดตัว

บางคน ไม่อยากอยู่ใกล้คนมีตังค์ เพราะมองว่าไม่น่ามีมิตรแท้ มีแต่มิตรเทียมเข้ามาปอกลอก แบบพอมีเงินก็จะมาอยู่ใกล้ พอไม่มีเงินก็จะห่างหาย ไม่เห็นหน้าเห็นตา ถ้าต้องฝืนให้คนกลุ่มนี้เข้าใกล้คนรวย พวกเขาจะออกอาการหน้าซีด ปากสั่น บางครั้งเป็นมากถึงกับคลื่นไส้ อาเจียนเลยทีเดียว

บางคนเป็นมากถึงขั้นรู้สึกผิดที่มีฐานะร่ำรวย จึงพยายามบรรเทาความรู้สึกผิดด้วยการบริจาคเงิน หรือ ยกทรัพย์สินที่มีให้กับคนอื่น เพราะไม่อยากสะสมทรัพย์สินเงินทองไว้กับตัว

ขณะที่บางคนคิดว่า พอรวยแล้วเหมือน ขึ้นขี่หลังเสือ ต้องดิ้นรนพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความรวยให้คงอยู่ เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ แถมยังต้องเสียภาษีแพงกว่าคนทั่วไปอีก

มาถึงตรงนี้ เชื่อว่าหลายคนคงเกิดคำถาม ( อีกแล้ว ) ว่า Plutophobia น่ากลัวตรงไหน?

คนเราพอไม่อยากรวย ก็มักไม่มีแรงจูงใจในการเก็บสะสมเงินทอง สินทรัพย์ จากนั้นจะเริ่มใช้ชีวิตไปวันๆ หาเงินแค่พอใช้ พอประทังชีพ พอรู้สึกว่าไม่ต้องดิ้นรนหาเงิน ก็จะไม่สนใจแบ่งเงินไปลงทุน จนบางครั้งละเลยว่าต้องมีเงินสำรองติดตัวไว้ เพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต คราวนี้พอเกิดเหตุไม่คาดฝันจะไปหยิบยืมใครก็ไม่ทันเวลาแล้ว

คนกลุ่มนี้ มักมีนิสัยเอื่อยเฉื่อย ไม่อยากมีความก้าวหน้า จึงทำงานแบบซังกะตาย ส่งผลให้งานที่ทำออกมาไม่มีประสิทธิภาพ กลายเป็นภาระเพื่อนร่วมงานและองค์กร ที่สำคัญ คนกลุ่มนี้ จะไม่อยากอยู่ใกล้คนรวย จึงไม่คิดมีปฏิสัมพันธ์ด้วย ไม่คบหา ไม่ไขว่คว้าหาความรู้ จึงพลาดโอกาสที่ดีในการพัฒนาตัวเอง

มาถึงคำถามสุดท้ายแล้วล่ะ…Plutophobia รักษาได้มั้ย?

เอาเข้าจริงๆ การรักษาอาการภาวะ Phobia มีด้วยกันหลายวิธี และการรักษาก็มักขึ้นอยู่กับอาการของบุคคลนั้นๆ โดยทั่วไป หากมีอาการในระยะเริ่มแรก จะใช้การรักษาด้วยยา เป็นยาในกลุ่มแก้วิตกกังวล ยาคลายเครียด หรือ ยาช่วยให้นอนหลับ เพื่อลดทอนความกลัว ตามดุลยพินิจของแพทย์

หากมีอาการรุนแรงขึ้น หรือรักษาด้วยยาแล้วไม่ได้ผลที่ดีพอ แพทย์อาจให้แนะนำให้ไปทำจิตบำบัดกับนักจิตวิทยา สุดท้าย การรักษาอาการนี้จะได้ผลดี คือ การเผชิญหน้า และค่อยๆ ปรับตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ว่า ความเครียด ความกังวล จากสิ่งที่กลัว ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

Plutophobia แม้จะไม่ได้ทำให้คนรอบข้างเดือดร้อนมากนัก แต่ถือเป็นอคติ และความคิดเชิงลบที่ควรขจัดทิ้ง เพราะนอกจากจะทำให้ ผู้ที่มีอาการดังกล่าว ไม่ได้เตรียมความพร้อมด้านการเงิน เพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และอาจทำให้สูญเสียโอกาสในการสร้างความมั่นคงทางการเงินของตัวเองและครอบครัวด้วย