กำลังมองหากองทุน LTF สำหรับลดหย่อนภาษีอยู่ใช่ไหม?

วันนี้ผมขออนุญาตหยิบยกกองทุน LTF ยอดนิยมตัวหนึ่งมาเล่าให้ฟัง โดยส่วนตัวแล้วชอบกองทุนนี้มาก เพราะจริตการเลือกลงทุนนั้นถือว่าตรงกับนิสัยการลงทุนของผมเลย

แถมกองนี้ยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจมากด้วยกัน 3 ข้อ คือ ผันผวนต่ำ - ลดภาษี – มีปันผล

กองทุนที่พูดถึงคือ T-LowBetaLTFD

กองทุน T-LowBetaLTFD หรือกองทุนเปิดธนชาต Low Beta หุ้นระยะยาวปันผล ความเสี่ยงระดับ 6 เป็นกองทุนรวมประเภท Long Term Equity Fund หรือ LTF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยในสัดส่วนเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่ากองทุนรวม โดยฝีมือการบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

1. ผันผวนต่ำ

จุดเด่นของ T-LowBetaLTFD คือการชูจุดเด่นในการเลือกหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ โดยชี้วัดจากดัชนีค่าเบต้า (beta) ซึ่งจะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนของราคาเทียบกับตลาดไม่เกิน 1 ดังนั้น จุดเด่นของกองทุนรวมนี้คือจะมีความผันผวนต่ำถ้าสังเกตจากนโยบาย กล่าวคือ ในวันที่ตลาดลง กองทุนจะลงไม่มาก แต่ในวันตลาดขึ้น กองทุนก็อาจจะขึ้นไม่มากเช่นกัน กองทุนจึงจะมองภาพความมั่นคงและเติบโตในระยะยาวมากกว่า

สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจคือหุ้นที่มีลักษณะที่มีค่าเบต้าต่ำเหล่านี้ มักจะเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานธุรกิจมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสาธารณูปโภคและพลังงานที่มีรายได้ค่อนข้างแน่นอน ธนาคาร รวมไปถึงกลุ่มพาณิชย์

ข้อมูลจาก บลจ.ธนชาต ณ วันที่ 29 กันยายน 2560

หุ้น 5 ตัวแรกสุดที่กองทุนถือ ได้แก่ โรงไฟฟ้า EGCO บริษัทการเงินทุนธนชาต TCAP บริษัทเติมน้ำมันเครื่องบิน BAFS โรงประปา EASTW และธนาคาร TISCO สังเกตว่ากลุ่มโรงไฟฟ้าโรงประปาจะมีรายได้ค่อนข้างแน่นอน ในขณะที่กลุ่มธนาคารการเงินก็เติบโตไปตามเศรษฐกิจประเทศ และบริษัทเติมน้ำมันเครื่องบินก็เติบโตไปตามธุรกิจการท่องเที่ยว ถึงแม้ว่าหุ้นเหล่านี้จะไม่ได้มีการผันผวนของราคาในระยะสั้น แต่ในระยะยาว ภาพของธุรกิจก็ดูมีแนวโน้มที่เติบโตได้ดี

: ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน

2. ลดภาษี

การซื้อกองทุน LTF สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามประมวลรัษฎากร โดยสามารถลดหย่อนได้ตามยอดซื้อจริง แต่ไม่เกิน 15% ของรายได้แต่ไม่เกิน 500,000 บาท เช่น ถ้าเราซื้อกองทุน T-LowBetaLTFD  50,000 บาท และเราเสียฐานภาษีสูงสุดอยู่ที่ 20% เราจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีทันที 10,000 บาท ซึ่งถ้าเปรียบกับผลตอบแทนการลงทุนก็ถือว่าสูงมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับฐานภาษีของเราด้วย

T-LowBetaLTFD จึงมีประโยชน์ในด้านการลดหย่อนภาษีเพิ่มมากขึ้นจากกองทุนรวมปกติด้วย เพราะนักลงทุนจะได้ผลตอบแทนจากการลดหย่อนเพิ่ม ดังนั้น หากนักลงทุนมีรายได้ในฐานที่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว อาจพิจารณาเปรียบเทียบผลตอบแทนตรงส่วนนี้เพิ่มไปในการเลือกลงทุนได้

3. มีปันผล

ถึงแม้ว่า T-LowBetaLTFD จะต้องถือให้ครบ 7 ปีปฏิทินตามกฎหมาย แต่ระหว่างทางที่ลงทุน นักลงทุนก็สามารถได้รับปันผลจากการลงทุนได้ด้วย โดยกองทุนรวมมีนโยบายการปันผลออกมาไม่เกินปีละหนึ่งครั้ง ซึ่งจุดนี้ก็เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการกระแสเงินสดออกมาใช้บ้าง เพราะกองทุน LTF นั้นจำเป็นต้องถือค่อนข้างนาน ประเด็นตรงนี้จึงเป็นข้อดีที่ไม่ควรมองข้ามเลย ส่วนหากสนใจลงทุนใน T-LowBetaLTFD ก็เริ่มต้นได้ง่ายและไม่ต้องใช้เงินมากเลย โดยนักลงทุนต้องซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาทต่อครั้ง

โดยถ้าให้แนะนำ ผมจะแนะนำให้ทยอยซื้อทุกเดือน เดือนละเท่าๆ กัน โดยเราจะได้มูลค่ากองทุนรวมที่ค่าเฉลี่ย คือไม่แพงเกินไป ป้องกันการไปซื้อช่วงที่ตลาดแพงมากๆ ทยอยซื้อทุกเดือนเท่าๆ กันโดยวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นปีเลยว่าจะซื้อเท่าไหร่ แล้วก็แจ้งกับทาง บลจ.ให้เขาจัดการทยอยซื้อให้ทุกเดือน

หากใครสนใจ T-LowBetaLTFD ก็สามารถติดต่อไปทางบลจ.ธนชาตโดยตรง หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thanachartfund.com/tfundwebv4/infoid/idp_funddesc.aspx?fundCode=T-LowBetaLTFD

คำเตือน :

- ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน และจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับ พร้อมเงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากร

"อย่าลืม ผันผวนต่ำ - ลดภาษี - มีปันผล !"

ลงทุนศาสตร์ - Investerest

บทความนี้เป็น Advertorial